“ไอ้พวกชั่วเหล่านี้ ข้าเห็นแล้วอยากฆ่าพวกเขาให้ตายไปเสียเดี๋ยวนี้เลย แต่ละคนล้วนต้องถูกสวรรค์ลงโทษ!”
“ข้าไม่อาจกลืนแค้นนี้ลงไปได้อย่างแท้จริง ราษฎรแต่ละคนล้วนหิวโหย พวกเขาโก่งราคาเสบียงอาหารก็ช่างเถอะ ถึงขั้นยังเหยียดหยามพวกเขา ช่างพูดเหลือเกิน!”
ในที่ห่างออกไป เสียงโกรธเกรี้ยวของฉีอู่และหร่วนเฉิงดังออกมา
ก่อนหน้านี้ทั้งสองคนออกไปด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ บัดนี้ทั้งคู่โมโหหน้าแดงไปถึงคอ โกรธเกรี้ยวอย่างมาก!
ซ่งรั่วเจินได้ยินเสียงก็เดินออกไป เอ่ยถามหนึ่งรอบถึงรู้ว่าตอนพวกเขานำเสบียงอาหารไปส่งได้เผชิญหน้ากับฉากพ่อค้าผู้มั่งคั่งของเมืองผิงหยางกำลังรังแกคน
เห็นว่าราษฎรใกล้หิวตายแล้ว ขอร้องพวกเขาสามารถมอบอาหารให้สักมื้อได้หรือไม่ สรุปคือยังไม่ต้องพูดว่าคนผู้นั้นโยนหมั่นโถวลงพื้น ยังกระทืบแรงๆ อีกสองที สุดท้ายถึงยอมให้อีกฝ่ายเอาไปกิน
นี่เห็นได้ชัดว่ากำลังเหยียดหยามคน!
ฉีอู่ได้เห็นแล้วก็เข้าไปต่อยตีคนหนึ่งยก หากไม่ใช่เพราะอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายกลัวทำให้ราษฎรตื่นตระหนกตกใจ นี่คงฆ่าคนไปแล้ว!
“เช่นนั้นท่านพ่อข้าเล่า?” ซ่งรั่วเจินเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้
ฉีอู่และหร่วนเฉิงล้วนโมโหจนกลายเป็นเช่นนี้ไปแล้ว เพียงแค่คิดดูรู้ว่าบิดาและพี่สามจะต้องไม่ยอมกล้ำกลืนฝืนทนแน่
“หากไม่ใช่เพราะแม่ทัพซ่งห้ามเขาไว้ เขาก็คงตีคนตายไปแล้ว” หร่วนเฉิงเอ่ย
แท้จริงแล้วภายในบรรดาพวกเขา แม่ทัพมีสติปัญญาที่สุด อารมณ์เองก็ดีที่สุด ชนิดที่ว่าความสามารถแข็งแกร่งกว่าพวกเขามาก
ซ่งรั่วเจินเข้าใจ สมเป็นผู้มีชาติกำเนิดเป็นพ่อค้า อุปนิสัยของบิดาไม่คล้ายแม่ทัพบู๊จิตใจตรงไปตรงมาเหล่านี้ เขารู้ว่าต้องจัดการเยี่ยงไรจึงจะเป็นวิธีการดีที่สุด
บัดนี้เดิมทีพวกเขาวางแผนปั่นราคาเสบียงอาหาร ไม่จำเป็นต้องขัดแย้งกับคนเหล่านี้ชั่วคราว รออีกช่วงเวลาหนึ่งค่อยลงมือก็ยังไม่สาย
จากนั้นเสบียงอาหารเพิ่มมากขึ้น โจ๊กที่แจกก็มิได้มีเม็ดข้าวประปรายเหมือนที่ผ่านมาอีก เหล่าราษฎรแย่งกันอย่างเสียสติขึ้นมา เกรงว่าช้าไปหนึ่งก้าวก็ไม่ทันแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง