ถึงหัวหน้าตระกูลสือจะหนังหน้าหนา แต่ถูกเปิดโปงเรื่องแบบนี้ต่อหน้าต่อตา ใบหน้าก็แดงก่ำขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่ ยากจะกลบเกลื่อนโทสะได้
“ข้าเชิญทุกท่านมาเพราะอยากเจรจาการค้ากับพวกท่าน” ซ่งรั่วเจินกล่าวขึ้นอย่างสงบ
“ก็แค่อยากให้พวกข้าลดราคาข้าวสารไม่ใช่หรือไร?” หัวหน้าตระกูลสือเอ่ยหน้าตึง
ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “ใช่แล้ว ข้าหวังว่าทุกท่านจะสามารถลดราคาข้าวสารลงจริงๆ”
พวกหัวหน้าตระกูลเฉามองหน้ากันแล้วโบกไม้โบกมือทันที “ไปๆๆ เดิมทีราคาข้าวสารก็ไม่ถูกอยู่แล้ว อุทกภัยครานี้ยังหนักหนาปานนี้ ที่นาดีๆ ถูกน้ำท่วมไปตั้งมากมาย”
“ต่อให้ปลูกข้าวใหม่ กว่าจะเก็บเกี่ยวได้ก็ต้องรอปีหน้า พวกข้าก็ต้องกักตุนเสบียงเอาไว้เพื่อเลี้ยงปากท้อง จะให้ขายออกไปแบบนี้ได้อย่างไร?”
“โจวหลี่ ก่อนหน้านี้พวกเราก็คุยกันชัดเจนแล้วนะ เจ้าจะต้องหาเรื่องพวกข้าให้ได้เลยอย่างนั้นรึ?”
หัวหน้าตระกูลเหยาร้องออกมาติดๆ เอาเป็นว่าการลดราคาข้าวสารเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!
ซ่งรั่วเจินมองข้ามตัวปัญหาเหล่านี้ กล่าวว่า “ยามนี้ราคาข้าวสารขึ้นเป็นแปดเท่าแล้ว ชาวบ้านในเมืองซื้อไม่ไหว ข้าวสารในมือทุกท่านก็ขายออกไปไม่ได้”
“ราชสำนักส่งฉู่อ๋องและราชครูกู้มาจัดการเรื่องอุทกภัย ไม่ว่าเสบียงบรรเทาทุกข์หรือเสบียงอาหาร อีกไม่นานก็จะส่งลงมาแล้ว ชาวบ้านก็จะไม่อดอยากอีกต่อไป”
“สาเหตุที่พวกท่านไม่ยอมขายเสียทีก็คงเพราะอยากฉวยโอกาสนี้กอบโกยกำไร”
“ข้าสามารถรับซื้อในราคาสูง แต่แปดเท่าสูงเกินไปจริงๆ ถ้าสี่หรือห้าเท่ายังสามารถพิจารณาได้”
“ถ้าพวกท่านยินดีก็มาเจรจากับข้า ถ้าไม่ยินดี ข้าก็จะไปซื้อจากเมืองใกล้เคียง คิดว่าคงมีคนไม่น้อยเต็มใจขาย”
สิ้นเสียงซ่งรั่วเจิน ทุกคนก็ตกตะลึงอย่างไม่อาจเลี่ยง
“ราคาสี่เท่าห้าเท่า? พวกเจ้าจะซื้อ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง