กู้ฮวนเอ๋อร์มีสีหน้าเก้อเขิน “ข้าผู้นี้ ก็แค่คนไม่เอาไหน ทุกครั้งตอนที่เจอเรื่องซึ้งใจหรือเสียใจ ความจริงข้าก็มิได้อยากจะร้องไห้แต่น้ำตามันก็ไหลลงมาอย่างหมดสภาพ ควบคุมไม่ได้เลย”
นางเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตนเองกันแน่ บางครั้งทั้ง ๆ ที่โกรธจนตาแดง เวลาทะเลาะกับผู้อื่นก็ยังอยากจะร้องไห้อยู่ดี
“ข้าและสวี่หยวนชิงเป็นสหายวัยเยาว์ เดิมทีความสัมพันธ์ยังดีอยู่มาก แต่ข้าเห็นเขาเป็นเพียงสหายเท่านั้น เขากลับดื้อดึงจะไปสู่ขอข้าที่จวน พอเป็นเช่นนี้อยู่บ่อยเข้า ข้าก็รู้สึกรำคาญเขามาก”
“ตอนนั้นข้าก็คิดว่าข้าชอบอวิ๋นอ๋องมากถึงเพียงนี้ แม้นจะมิสามารถทำให้เขาชอบข้าได้ อย่างน้อยก็อย่าทำให้เขารังเกียจข้า”
“เพราะฉะนั้น ข้าจึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมา มิคิดว่าหลังจากที่พูดแล้ว อยู่ ๆ ท่านอ๋องก็กล่าวขอโทษข้า บอกว่าเขามิได้รังเกียจข้าเลย อีกทั้งยังปลอบข้าอย่างอ่อนโยน...”
แก้มทั้งสองข้างของกู้ฮวนเอ๋อร์แดงระเรื่อ นางก้มหน้าลงเล็กน้อยด้วยความเขินอาย แน่นอนว่านางอายที่จะบอกว่าอวิ๋นอ๋องกอดนาง จึงเอ่ยเพียงว่า “บอกว่าจะรับผิดชอบข้า”
มุมปากของซ่งรั่วเจินยกขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนจะเอ่ยว่า “เขาพูดเช่นนี้ในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมคิดที่จะแต่งงานกับเจ้า”
“แม้อวิ๋นอ๋องปกติแล้วจะดูเหมือนเป็นคนที่มิยำเกรงต่อสิ่งใด แต่คำพูดเช่นนี้ เขาย่อมมิมีทางเอ่ยส่งเดชกับสตรีเป็นแน่”
“แต่ข้ามิเข้าใจเลย เห็นชัด ๆ ว่าก่อนหน้านี้ ท่านอ๋องยังหลบเลี่ยงข้าอยู่แท้ ๆ เหตุใดอยู่ ๆ ถึงเปลี่ยนท่าทีไปเสียได้ล่ะ?”
กู้ฮวนเอ๋อร์สับสนในใจ แค่คิดว่าอวิ๋นอ๋องอยากแต่งงานกับนาง ในใจของนางก็มีความสุขจนพูดไม่ออก แต่ก็อดกังวลไม่ได้ว่าท่านอ๋องทำเพราะอารมณ์ชั่ววูบ หากหลังจากที่กลับไปแล้ว อยู่ ๆ ก็เกิดเปลี่ยนความคิดขึ้นมา ความฝันที่งดงามของนางก็จะพังทลายจริง ๆ
ซ่งรั่วเจินมองความลังเลและกลัวจะผิดหวังของกู้ฮวนเอ๋อร์ออก จึงกล่าวว่า “อวิ๋นอ๋องมิใช่คนที่พูดจาส่งเดช ยิ่งไปกว่านั้น แต่เดิมในใจของเขาก็มีเจ้าอยู่แล้ว”
“แม้นิสัยเขาจะอ่อนโยน แต่ก็หาใช่คนที่ใครจะมาหยามได้ เจ้าเองก็มิลองคิดดูบ้างเล่าว่าสตรีที่ชอบเขามากมายเช่นนั้น เหตุใดถึงมีเพียงเจ้าผู้เดียวที่สามารถวิ่งตามหลังเขาได้? สตรีนางอื่นมิอยากงั้นหรือ?”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง
ขอบคุณที่ให้อ่านฟรีนะคะ แต่การเติมเงินใช้เป็นเพียงบัตรเติมเงินเอไอเอสเท่านั้น...