ฉู่อวิ๋นกุยอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “ถ้าไม่ได้มาเห็นกับตาตัวเอง ชั่วชีวิตนี้ข้าคงคิดไม่ถึงเลยว่าด้วยนิสัยของเสด็จพี่จะมีวันที่เตรียมการเช่นนี้เอาไว้ด้วย”
ก่อนหน้านี้เมื่อเสด็จพี่พูดถึงเรื่องนี้ เขาก็เค้นสมองครุ่นคิด แต่นอกจากเรื่องดอกไม้ไฟแล้ว ความคิดอื่นๆ ล้วนถูกปฏิเสธทันควัน
เมื่อเทียบกันในยามนี้ เขาก็รู้สึกเหมือนกันว่าความคิดพวกนั้นของตนเองไม่เข้าท่าเอาเสียจริงๆ
ซ่งรั่วเจินขึ้นเรือที่ตกแต่งอย่างหรูหราไปกับฉู่จวินถิงแล้วค่อยพบว่าคนอื่นๆ ไม่ได้ตามมาด้วยจึงอดถามไม่ได้ว่า “มีแค่พวกเราสองคนหรือ?”
ฉู่จวินถิงมองหญิงสาวตรงหน้า สายตาตกลงบนริมฝีปากสีกุหลาบนั้น ความรู้สึกอ่อนนุ่มเมื่อครู่ก่อนยังคงอ้อยอิ่งอยู่ในห้วงคำนึง เพียงปรารถนาจะลิ้มรสอย่างเต็มที่สักครา
เขาก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าว ร่นระยะห่างระหว่างคนทั้งสอง ลูกกระเดือกขยับขึ้นลง “อืม มีแค่พวกเรา”
แววตาของชายหนุ่มพลันเปลี่ยนเป็นลึกล้ำขึ้นมา กระทั่งน้ำเสียงก็ยังแหบพร่าอยู่บ้าง
ครู่ก่อนยังมีท่าทางอบอุ่นดุจอาบไล้อยู่ในสายลมวสันต์อยู่แท้ๆ ฉับพลันนั้นก็เปลี่ยนเป็นเปี่ยมแรงกดดัน ดวงตาคู่นั้นยังคงอ่อนโยนเปี่ยมแววรักใคร่ ทว่าแฝงไว้ซึ่งแววคุกคาม
ในเวลาชั่วพริบตา บรรยากาศก็เปลี่ยนเป็นคลุมเครืออย่างถึงที่สุด
ซ่งรั่วเจินตกใจอยู่บ้างจึงถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยสัญชาตญาณ ชายหนุ่มกลับก้าวขึ้นหน้าหนึ่งก้าวประชิดตามมาทันที
ประตูเรือหรูปิดลงแล้ว ฝีพายอยู่ด้านนอก ด้านในเหลือเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้น
ขณะถอยหลัง ซ่งรั่วเจินถอยไปชิดโต๊ะด้านหลังอย่างไม่ทันระวัง ฉู่จวินถิงเอื้อมมือมาคว้าเอวนางไว้ น้ำเสียงแหบพร่าเปี่ยมเสน่ห์ “ระวัง”
ซ่งรั่วเจินถอนหายใจคำหนึ่ง ตวัดสายตาขึ้นสบกับสายตาของชายหนุ่ม มุมปากของเขาหยักขึ้นเล็กน้อย “วันนี้เจ้า...ตกลงแต่งงานกับข้าแล้ว”
นางพยักหน้าน้อยๆ “เพคะ ตกลงแล้ว”
ฉู่จวินถิงโน้มตัวลงมาเล็กน้อย ร่นระยะห่างที่ใกล้มากเป็นทุนเดิมเข้ามาใกล้กว่าเดิม น้ำเสียงเปี่ยมแววคลุมเครือ “เช่นนั้นต่อไป...เจ้าก็เป็นคนของข้าแล้วสินะ”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง
ขอบคุณที่ให้อ่านฟรีนะคะ แต่การเติมเงินใช้เป็นเพียงบัตรเติมเงินเอไอเอสเท่านั้น...