องค์จักรพรรดิ์มีคำสั่งให้อ๋องเยี่ยและคนอื่น ๆ กลับเมืองหลวง องค์ชายเจ็ดถูกช่วยเหลือกลับมาแล้ว นอกจากนี้กุ้ยไท่เฟยเองก็ถูกจับกุมแล้วด้วย
อ๋องเยี่ยรีบกลับเมืองหลวงพร้อมกับกองทหารของเขา
เมื่อเห็นเหตุการณ์หน้าราชวังเขาก็ตกตะลึง
อ๋องหนานหวายคุกเข่าอยู่หน้าวังหลวงโดยแบกไม้หนามไว้บนหลัง กุ้ยไท่เฟยเองก็คุกเข่าอยู่ข้าง ๆ เช่นกัน แต่กลับถูกมัดมือไพล่หลังเอาไว้ รอให้องค์จักรพรรดิ์เรียกตัวนาง
แน่นอนว่าองค์จักรพรรดิ์ไม่มีทางเรียกตัวนาง ดังนั้นเขาจึงออกคำสั่งให้อ๋องเยี่ยและอ๋องเหลียงเจ้าเมืองทั้งสองกลับมาจัดการ
อ๋องหนานหวายร้องไห้หนักจนเสียงแหบแห้ง เขาร้องไห้จนลำคอแห้งผาก เพียงแค่ตะเบ็งเสียงคร่ำครวญออกมา ถึงกับอาเจียนออกมาหลายครั้ง ทำให้บนพื้นสกปรกไปหมด
ส่วนกุ้ยไท่เฟยนั้น ใบหน้าของนางซีดเผือดและเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง พร้อมเลือดที่กบปาก ไม่รู้ว่านางได้รับบาดเจ็บภายในหรือว่าเกิดอะไรขึ้น
นางคงไม่เคยคาดคิดเลยว่า สุดท้ายคนที่จับนางได้จะเป็นลูกชายของนางเอง
องค์จักรพรรดิมีราชโองการให้อ๋องเยี่ยกลับเมืองหลวง ซึ่งใช้เวลาราวสี่ชั่วยาม และพวกเขาก็คุกเข่าอยู่ตรงนี้มาสี่ชั่วยามแล้ว หรือก็คือแปดชั่วโมงเต็ม ๆ
แต่ทว่ากุ้ยไท่เฟยยังคงคุกเข่าตัวตรง โดยไม่สูญเสียความน่าเกรงขามของตำแหน่งกุ้ยไท่เฟยเลยแม้แต่น้อย การคุกเข่าเองก็อยู่ในท่วงท่าที่สง่างามยิ่งกว่าคนข้าง ๆ เสียอีก
ส่วนอ๋องหนานหวายนั้น หลังจากร้องไห้มาแปดชั่วโมงแล้ว ก็ยังสามารถส่งเสียงร่ำไห้ออกมาได้อีก อ๋องเยี่ยตัดสินในใจว่าคนผู้นี้มีพรสวรรค์จริง ๆ
เพราะอ๋องหนานหวายแบกไม้หนามมาขอขมายอมรับความผิดอย่างไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ จึงเรียกประชุมหารือขุนนางอย่างเร่งด่วน
ขุนนางอำมาตย์ที่ทำงานอยู่ในโถงประชุม ถูกเรียกตัวไปที่ตำหนักใหญ่
อ๋องเยี่ยและอ๋องเหลียงนั่งลงบนเก้าอี้ข้างบัลลังก์มังกร และเรียกตัวอ๋องหนานหวายกับกุ้ยไท่เฟยเข้าวัง
อ๋องเยี่ยและอ๋องเหลียงไปเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิก่อน และถามองค์จักรพรรดิว่าจะจัดการอย่างไร
องค์จักรพรรดิ์พูดเพียงประโยคเดียวว่า "ปูนบำเหน็จความชอบ ลงโทษความผิดให้ชัดเจน!"
ปูนบำเหน็จความชอบ ลงโทษความผิดให้ชัดเจน คำพูดนี้ชัดเจนมากแล้ว
อ๋องหนานหวายได้พาจื่ออันและกุ้ยไท่เฟยกลับมา มีความชอบต้องได้รับรางวัล แต่กุ้ยไท่เฟยมีความผิดฐานกบฏ ต้องได้รับโทษ
เป็นสิ่งที่ต้องถามอย่างเลี่ยงไม่ได้
อ๋องหนานหวายพูดพร้อมร่ำไห้ "กระหม่อมไปที่เมืองซูเจียง และได้ยินข่าวจากเมืองหลวงว่ามารดาของกระหม่อมนำมือสังหารเข้าไปในวังเพื่อลอบสังหารองค์จักรพรรดิ์ กระหม่อมตกใจมาก กลัวว่าท่านแม่จะทำผิดพลาดซ้ำอีก กระหม่อมจึงฝ่าฝืนราชโองการกลับเมืองหลวงอย่างไม่ลังเล และจับกุมท่านแม่เพื่อพาตัวกลับมารับโทษ ในฐานะลูก แต่ไม่อาจโน้มน้าวมารดาจนทำผิดใหญ่หลวง กระหม่อมเองก็มีส่วนผิด จึงแบกไม้หนามมาขอรับโทษพ่ะย่ะค่ะ”
อ๋องหนานหวายพูดคำพูดเหล่านี้ซ้ำไปซ้ำมา แต่ผู้ที่อยู่ข้าง ๆ กลับไม่เอ่ยอะไรออกมาเลย นางดูราวกับถูกโจมตีอย่างหนัก และตกอยู่ในภาวะสับสน
กุ้ยไท่เฟยนิ่งเงียบไม่พูดจา และพูดไม่ได้ด้วยเช่นกัน อ๋องเยี่ยสั่งให้คนไปตรวจสอบ และพบว่าลิ้นของนางถูกตัดทิ้งไปแล้ว
“ในเมื่อจับกุมนางแล้ว เหตุใดต้องตัดลิ้นอีก?” อ๋องเหลียงเอ่ยถาม
อ๋องหนาหวายร้องไห้จนลมปราณอ่อนแรง "ตอนที่ข้าจับกุมนาง ปากของนางก็ด่าทอสาปแช่งฝ่าบาทไม่หยุด ข้าไม่มีทางเลือก จึงต้องตัดลิ้นของนางทิ้ง”
มันสมเหตุสมผลแล้ว!
เพียงแค่พูดไม่ได้แล้ว สามารถเขียนได้ไหม?
เขียนก็ไม่ได้เช่นกัน มือทั้งสองข้างของนางถูกเผาจนดูไม่ได้ และส่งกลิ่นไหม้ออกมา
อ๋องเยี่ยและอ๋องเหลียงเห็นเช่นนี้ พวกเขาก็อดส่ายหัวไม่ได้ จิตใจของลูกชายคนนี้อำมหิตเพียงใดกันแน่?
ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็คงไม่อาจถามอะไรได้แล้ว ถึงอย่างไรจื่ออันก็กลับมาแล้ว กุ้ยไท่เฟยเองก็ถูกจับกุมแล้ว ก่อนหน้านี้องค์จักรพรรดิ์ก็ไม่ได้คิดจะซักไซ้ไล่เลียงอ๋องหนานหวายอยู่แล้ว ดังนั้นจึงปล่อยให้เป็นเช่นนี้ไป
เพียงแต่คงไม่สามารถให้เงินรางวัลเขาสองหมื่นตำลึงได้จริง ๆ อ๋องเยี่ยริบเงินรางวัลด้วยวิธีการที่ค่อนข้างสร้างความเสียหาย
“อ๋องหนานหวายฝ่าฝืนราชโองการกลับเมืองหลวง ถือเป็นโทษร้ายแรง แต่เห็นแก่ที่มีความดีความชอบ ได้ช่วยเหลือพระชายาเอาไว้ และยังจับกุมนักโทษกบฏ ส่วนนางซุน ให้ถอนตำแหน่งกุ้ยไท่เฟย และส่งไปคุมขังที่คุกก่อน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์
โอโย่คู่ตัวร้าย...
อ๋องเหลียงน่ะถูกแล้ว ไม่ใช่จักรพรรดิเหลียง...
สามีภรรยาคู่นี้ จะมีช่วงเวลาสงบสุขดีดีบ้างไม่ได้เลยหรือไงกัน สงสารอ่า...