ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ นิยาย บท 1090

อ๋องฉีอธิบายอย่างละเอียดว่า “เรื่องนี้มีบางอย่างถูกปกปิดไว้จริง ๆ แต่เป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น องค์จักรพรรดิต้องการสงบศึกชั่วคราว เนื่องจากโรคระบาดแพร่กระจายรวดเร็วจนไม่สามารถควบคุมได้ พระองค์จึงจำใจต้องทำเช่นนั้น อย่างไรก็ตาม ท่านพี่มู่หรงควรรู้เอาไว้ว่า ในโม่เป่ยของเราแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม คือกลุ่มที่ต้องการก่อสงคราม และกลุ่มที่ต้องการสันติภาพ ฮองเฮาเฉาคือผู้นำฝ่ายที่ต้องการสงคราม พระนางจ้องจะยึดครองแคว้นรอบ ๆ อยู่ตลอดเวลา เพราะเชื่อว่าแคว้นเป่ยโม่คือโอรสคนโปรดของสวรรค์ ดังนั้นพระนางจึงต้องการรวมแคว้นต่าง ๆ ให้เป็นหนึ่งเดียว ครั้งนี้หากพวกเราสามารถเชิญอ๋องอันหรานมาที่นี่ได้ก็จะไร้ปัญหา แต่หากเขาไม่ตอบรับ และมีเพียงพระชายาที่เดินทางมาที่นี่ ฮองเฮาเฉาและพรรคพวกก็จะไม่ยอมให้ถอยทัพกลับเด็ดขาด และจะใช้กลวิธีในการลอบโจมตี ก่อนหน้านี้ฮองเฮาเฉาทูลองค์จักรพรรดิ ว่าหากกองทัพของเป่ยโม่ถอนกำลัง บางทีท่านผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์อาจลอบบุกรุกเข้ามา ด้วยความประมาทเลินเล่อนี้อาจนำภัยอันตรายมาสู่เป่ยโม่ได้”

“อันตรายกับผีน่ะสิ ข้าแสดงความจริงใจด้วยการออกจากค่ายทหาร แต่เป่ยโม่ของพวกเจ้ากลับหักหลังข้าและพระชายาโดยแสร้งเชิญมารักษาโรคระบาด แล้วตลบหลังด้วยการพยายามบุกรุกต้าโจวของข้า อ๋องฉี ข้าผิดหวังกับเจ้าเสียจริง” มู่หรงเจี๋ยด่าทอเสียงดัง

มู่หรงเจี๋ยโมโหอย่างมาก เพราะรู้สึกว่าตอนนี้ตนเป็นเสมือนคนโง่ที่ตามเล่ห์กลของผู้อื่นไม่ทัน ซึ่งเขาไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน เขา มู่หรงเจี๋ยมักคาดเดาความคิดและรู้ทันผู้อื่นเสมอ เว้นเสียแต่ว่าเต็มใจที่จะถูกหลอก

เขาเลือกที่จะเจรจากับฉินโจวและอ๋องฉี เรื่องความปลอดภัยของประชาชนในแผ่นดินต้าโจว มู่หรงเจี๋ยไม่เคยเกรงกลัวสงคราม แต่ก็ไม่ต้องการมัน

เขามั่นใจว่าเป่ยโม่ยังเป็นรองตนอยู่ แต่ไม่คาดว่าหลังจากมาถึงเป่ยโม่แล้วจะถูกหลอกลวงเสียได้ เอาล่ะ ต่อให้รู้เรื่องนี้มาก่อนแล้ว เขาก็ยังเชื่อว่าแม้พวกตนจะเป็นเพียงกลุ่มเล็ก ๆ แต่ก็เป็นกลุ่มที่น่าเชื่อเกรงขามไม่น้อย

ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่น่าหงุดหงิดใจ คืออีกฝ่ายตัดสินใจแล้วว่าจื่ออันไม่สามารถกำจัดโรคระบาดได้ใช่หรือไม่?

มีอะไรที่ยังไม่เปิดเผยอีกบ้าง?

ใบหน้าของอ๋องฉีเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำ แม้จะรู้สึกผิดอย่างมาก แต่เขาก็เป็นถึงองค์ชายแห่งเป่ยโม่ ทั้งยังดำรงตำแหน่งที่มีอำนาจสูงทว่า เมื่อถูกมู่หรงเจี๋ยดุด่า เขากลับก้มหน้ายอมรับผิดเสียได้

เขาตอบด้วยสีหน้าเศร้าหมอง “ท่านพี่มู่หรง โปรดสงบสติอารมณ์สักครู่ และฟังสิ่งที่ข้ากำลังจะพูดต่อไปนี้เถิด ก่อนอื่นข้าอยู่ข้างกลุ่มสันติภาพ และในฐานะผู้นำ ข้าปรารถนาความสงบสุขมากกว่าผู้ใด อย่างไรก็ตาม พี่ชายของข้าอ๋องเจิ้นกั๋วและฮองเฮาเฉาคอยเป่าหูองค์จักรพรรดิอยู่ตลอดเวลา พวกเขาไม่สนใจชีวิตประชาชนตาดำ ๆ หากเหล่าชาวบ้านไม่บาดเจ็บล้มตายมากเพียงนี้ คนเหล่านั้นก็คงไม่ยอมให้พวกท่านมาที่นี่ ข้าสารภาพทุกอย่างกับท่านโดยไม่ปิดบังแม้แต่เรื่องเดียว เพื่อเป็นหลักประกันว่ากลุ่มของเราจะไม่ละความพยายามในการสงบศึก”

ทุกคนต่างหันมองกันและกัน มันคือการช่วยเหลือแบบใดรึ? เห็นได้ชัดว่าอีกต้องการซื้อใจประชาชนในแคว้นเป่ยโม่ แต่แท้จริงแล้วกลับไม่แยแสชีวิตประชาชนแม้แต่น้อย ลองคิดดูสิว่า พวกเขากำลังสร้างภาพว่าแม้ตนและต้าโจวกำลังทำสงคราม แต่ก็ยังยอมเชิญหมอเทวดาของอีกฝ่ายมาควบคุมโรคระบาด

เซียวท่ากล่าว “ท่านสารภาพแบบใดกัน? ท่านหลอกลวงพวกเราให้มาที่นี่แล้วพูดแบบนี้น่ะหรือ ข้าสงสัยเสียจริงว่าต่อให้เราคิดค้นวิธีรักษาได้ แต่เป่ยโม่ของท่านก็จะไม่ยอมสงบศึกอยู่ดีใช่หรือไม่?”

คำถามของเซียวท่าทำให้ทุกคนตกตะลึง พวกเขาเห็นได้ชัดว่าองค์ชายฉีมีท่าทีอึ้งงันอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก้มศีรษะลงและไม่กล่าวคำใด

มู่หรงเจี๋ยไม่สบอารมณ์อย่างมาก ในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เขาโง่เขลาจนโดนหลอกลวงได้อย่างไร?

หลังจากเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ ประชาชนแคว้นเป่ยโม่ล้มตายและบาดเจ็บนับไม่ถ้วน อีกทั้งบ้านเรือนยังเสียหายหลายหลังจึงต้องการกำลังพลจำนวนมากในการช่วยเหลือและบูรณะซ่อมแซม นอกจากนี้พวกเขายังต้องการเงินเพื่อตั้งศูนย์พักพิงและใช้ในการรักษาโรคระบาด แคว้นเป่ยโม่ไม่เจริญรุ่งเรืองเหมือนแคว้นอื่น เนื่องจากพวกเขานำเงินในท้องพระคลังไปสนับสนุนการทำสงครามจนหมดไปนานแล้ว ดังนั้นหากสมองของพวกเขายังคงปกติดี ก็จะตระหนักได้ว่าไม่ควรหักหลังพันธมิตรที่เต็มใจช่วยเหลือ

จื่ออันโมโหมากเช่นกัน นับว่าเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจที่สุดที่นางเคยเจอ

เป็นเรื่องจริงหรือไม่ที่ชาวบ้านต่างร่ำลือกันว่าองค์จักรพรรดิแห่งเป่ยโม่มีความทะเยอทะยานมาก ทั้งยังมีรูปร่างอ้วนจนต้องใช้สามคนโอบ?

คำพูดของอ๋องฉีเปรียบเสมือนแผ่นน้ำแข็งที่หล่นลงบนศีรษะของทุกคนอย่างแรง

ทุกคนต่างสมัครใจเดินทางมาที่นี่เพื่อสงบศึกและช่วยเหลือประชาชนแคว้นเป่ยโม่ แม้มันอาจจะไม่ใช่การกระทำที่ยิ่งใหญ่ แต่พวกเขาก็ทำด้วยใจจริง แต่จู่ ๆ อ๋องฉีกลับสารภาพทุกอย่าง ทำให้ทุกคนรู้สึกราวกับว่าตนเป็นพวกขอทานไร้ที่นอนปลายเท้า

ทว่าประโยคที่อ๋องฉีกำลังจะเอ่ยออกมา ยิ่งโหมกระพือความโกรธของทุกคน

เขากล่าว “ทุกคนพักผ่อนก่อนเถิด ข้าจะเข้าไปในพระราชวังรายงานต่อองค์จักรพรรดิ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์