หลังจากจัดการกับทหารแล้ว องค์ชายเจิ้นกั๋วก็หันกลับมาทักทายมู่หรงเจี๋ยด้วยท่าทางที่เป็นมิตร คำพูดของเขาไม่แสดงออกถึงการวางอำนาจ แต่ทุกคำกล่าวเผยให้เห็นความรู้สึกที่เหนือกว่า
หลังจากทักทาย หัวข้อสนทนาก็เปลี่ยนไป เขาถามจื่ออันว่า “พระชายา ท่านพอจะได้เบาะแสเกี่ยวกับโรคระบาดนี้แล้วหรือยัง?”
“พอมีบ้างเพคะ” จื่ออันกล่าว
“เบาะแสอะไรกัน? แล้วความคืบหน้าเล่าเป็นอย่างไร?” องค์ชายเจิ้นกั๋วมองดูนางแล้วถาม
จื่ออันรู้ว่าเขาต้องการทราบข้อมูลเกี่ยวกับการคิดค้นตำรับยา และผลที่ได้จากการทดลองใช้ตำรับยานั้น แต่นางจะยอมให้เขารู้มากเกินไปได้อย่างไร
จื่ออันแสร้งตอบ “สิ่งที่เรารู้ตอนนี้ คือโรคระบาดสามารถแพร่เชื้อติดต่อได้ผ่านทางอากาศ การหายใจ น้ำลาย การสัมผัสกับบาดแผลที่บริเวณผิวหนัง และอาจมีปัจจัยอื่น ๆ อีก”
“การหายใจหรือ?” สีหน้าขององค์ชายเปลี่ยนไปเล็กน้อย “เจ้าหมายถึงผู้ป่วยเหล่านี้สามารถแพร่เชื้อโรคได้เพียงเพราะพวกเขาหายใจงั้นรึ?”
“ใช่เพคะ ด้วยเหตุนี้ใต้เท้าซูถึงได้แยกพื้นที่สำหรับให้ชาวบ้านกักตัว” จื่ออันกล่าว
องค์ชายเจิ้นกั๋วหัวเราะเยาะ “หากแม้แต่การหายใจยังทำให้ติดโรคได้ ทุกคนไม่ติดเชื้อกันหมดหรอกหรือ?”
นางพูดราวกับเขาเป็นเหมือนคนที่ไร้การศึกษาและทักษะความรู้รอบตัว จนสามารถเชื่อข้อสันนิษฐานที่นางบอก
แต่จื่ออันยังคงพูดอย่างจริงจัง “เพคะ หากผู้ป่วยคนหนึ่งพูดคุยกับองค์ชายอย่างใกล้ชิด องค์ชายก็อาจติดเชื้อได้เช่นกันหากภูมิต้านทานร่างกายต่ำ”
“ขณะนี้เขตตะวันตกที่เราอยู่ตอนนี้ก็เป็นสถานที่กักตัวของผู้ป่วย หากพวกเขาหายใจออก ลมหายใจที่ออกมาก็ถือเป็นเชื้อโรค?”
ผู้ถามคำถามคือเสนาบดีฟางแห่งเป่ยโม่ ทั้งเขาและองค์ชายต่างมาร่วมสังเกตการณ์ผู้ป่วยที่อยู่ในพื้นที่โรคระบาด
“เวลานี้เราคาดการณ์ว่าเป็นเช่นนั้น” จื่ออันกล่าว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์
ไม่อัพแล้วเหรอคะ...
โอโย่คู่ตัวร้าย...
อ๋องเหลียงน่ะถูกแล้ว ไม่ใช่จักรพรรดิเหลียง...
สามีภรรยาคู่นี้ จะมีช่วงเวลาสงบสุขดีดีบ้างไม่ได้เลยหรือไงกัน สงสารอ่า...