พวกเขาเข้าสู่พื้นที่ระบาดได้สามวันแล้ว อย่างน้อยที่สุดควรคิดค้นตำรับยาได้สักสูตรหนึ่ง หากไม่มี นี่มันต่างอะไรจากการยื้อเวลาเล่นไปวัน ๆ
จื่ออันยังคงนิ่งเงียบต่อทุกคำกล่าวหาที่องค์ชายเจิ้นกั๋วถาม ท้ายที่สุดนางก็ขอตัวไปติดตามอาการของผู้ป่วยและจากไป
หลังจากที่จื่ออันจากไป มู่หรงเจี๋ยก็ถูกทิ้งให้อยู่คุยกับองค์ชายเจิ้นกั๋วตามลำพัง
บทสนทนาระหว่างองค์ชายต่างแคว้นทั้งสองวนเวียนอยู่กับสงคราม
ยกตัวอย่างเช่นสงครามระหว่างเป่ยโม่กับต้าโจว
“องค์ชายผู้สำเร็จราชการ ข้าอยากรู้อยากเห็นมากมาโดยตลอด ต้าโจวของท่านขาดแคลนกำลังทหารอย่างมาก ถึงกระนั้นก็ยังกล้าที่จะยกกองทัพทหารมาบุกสู้รบกับเรา องค์จักรพรรดิของพวกท่านโง่เขลาหรืออย่างไร?”
มู่หรงเจี๋ยหมุนแหวนในมือแล้วมองไปที่ซู่ชิง เป็นเชิงบอกว่าเขาไม่สนใจที่จะตอบคำถามนี้
ซู่ชิงเยาะเย้ย “องค์ชายเจิ้นกั๋วช่างเป็นคนที่แยบคายจริง ๆ ใช้คำว่า ‘ยกกองทัพทหารมาบุก’ อย่างชาญฉลาด ใครกันแน่ที่เปิดฉากบุกต้าโจวของเรา ใครกันแน่ที่ต้องการรุกรานดินแดนต้าโจวของเราจนเราต้องวางแผนป้องกัน องค์ชายเจิ้นกั๋ว ในสายตาของท่านท่านมองว่ามันเป็นการรุกรานหรอกหรือ? ขอถามหน่อยว่าหากคนสองคนต่อสู้กัน เมื่ออีกคนโจมตีอย่างไม่ไยดี อีกคนไม่ควรต่อต้านหรือตอบโต้หรืออย่างไร?”
องค์ชายเจิ้นกั๋วมองไปที่ซู่ชิงแล้วเอ่ยว่า “ลูกชายตระกูลซู่สินะ? ปากคอช่างเราะร้ายเสียจริง”
“เหอะ!” ซู่ชิงแค่นเสียงอย่างเย็นชา
“ผู้ที่ปากคอเราะเร้ายเช่นนี้ สมควรออกไปสู้กลางสนามรบอย่างไม่หวาดกลัวความตาย” องค์ชายเจิ้นกั๋วกล่าวด้วยรอยยิ้มแสยะ ท่าทางแสดงความดูถูกอย่างยิ่ง
แน่นอนว่าเขาดูถูกซู่ชิง หากเขาไม่พึ่งพาความรุ่งโรจน์ที่บรรพบุรุษสั่งสมไว้ แล้วคนเช่นซู่ชิงจะก้าวหน้ามาถึงจุดนี้ได้หรือ?
“องค์ชายเจิ้นกั๋วก็น่าจะไม่หวาดกลัวความตายเช่นกัน” มู่หรงเจี๋ยตอบกลับอย่างเย็นชา “วันนี้ข้าได้ฟังคำพูดของท่านไม่รู้จบ ท่านเองก็เป็นคนปากคอเราะร้ายพอกัน”
องค์ชายเจิ้นกั๋วมองไปที่มู่หรงเจี๋ยแล้วแค่นยิ้ม “องค์ชายผู้สำเร็จราชการ เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าตอนนี้ตนเองอยู่ในเขตแดนของเป่ยโม่?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์
ไม่อัพแล้วเหรอคะ...
โอโย่คู่ตัวร้าย...
อ๋องเหลียงน่ะถูกแล้ว ไม่ใช่จักรพรรดิเหลียง...
สามีภรรยาคู่นี้ จะมีช่วงเวลาสงบสุขดีดีบ้างไม่ได้เลยหรือไงกัน สงสารอ่า...