ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ นิยาย บท 1138

จื่ออันกล่าวต่อ “แต่เป็นความจริงที่ข้าไม่ได้มีความคิดสูงส่งเช่นท่าน ในตอนที่ข้ายังไม่ได้รับความโปรดปรานจากจวนเสนาบดีอย่างที่ท่านรู้ เมื่อถูกรังแก ก็ต้องมีบาดแผลเป็นธรรมดา และเมื่อป่วยก็ไม่มีใครใยดีตามหมอมารักษา

วันหนึ่งข้าบังเอิญเจอผู้มีทักษะทางการแพทย์ และเขาก็เต็มใจที่จะสอนข้า ดังนั้นข้าจึงเรียนรู้เอาไว้ แต่เมื่อเริ่มเรียนแพทย์ครั้งแรก ข้าไม่คิดว่าในอนาคตจะสามารถรักษาโรคเพื่อช่วยชีวิตผู้คนได้ เพราะข้าคิดถึงแต่ตนเองเท่านั้น

แต่ไม่นานข้าก็เห็นว่าท่านสามารถใช้ความรู้ทางการแพทย์ช่วยเหลือประชาชนได้ และมันคือภารกิจของท่าน ข้าเชื่อว่าในชีวิตนี้ ผู้คนมักมีสิ่งที่ต้องทำและความรับผิดชอบเป็นของตนเอง ดังนั้นในฐานะนักเรียนแพทย์ การรักษาโรค และช่วยชีวิตคนอื่น ๆ จึงเป็นหน้าที่ของเรา”

โหรวเหยาตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน ก่อนกล่าวว่า “ความจริงแล้วข้าฝันมาตลอดว่าอยากเปิดโรงหมอเล็ก ๆ แต่ข้ารู้ดีครอบครัวคงไม่สนับสนุน หญิงสาวจากครอบครัวชนชั้นสูงออกไปเที่ยวเตร่อยู่ข้างนอก มันขัดต่อประเพณีและศีลธรรม”

สิ้นคำ นางก็ยิ้มด้วยความขมขื่น “อย่างไรก็ตาม หากพวกเราสามารถออกไปจากที่นี่ได้จริง ๆ ข้าก็อยากจะทำตามความปรารถนาของตนเอง และทำในสิ่งที่ต้องการอย่างแน่นอน”

การที่พวกนางจะสามารถรอดชีวิตหรือไม่นั้นเป็นคำถามที่ทั้งสองคนไม่เคยคิดมาก่อน

เนื่องจากโรคระบาดรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ อาการเจ็บป่วยของซูมู่จึงทำให้พวกนางรู้สึกไม่สบายใจ เพราะไม่รู้ว่าจะถึงคราวของตนเมื่อใด

ใบสั่งยาของจื่ออันไม่สามารถป้องกันได้อย่างสมบูรณ์ แม้ว่าจะมีโอกาสติดเชื้อเพียงหนึ่งในพันเท่านั้น

จื่ออันรู้สึกเศร้าโศกเมื่อพูดเช่นนี้

“พวกเราจะต้องไม่เป็นอะไร” จื่ออันปลอบใจด้วยความเหนื่อยล้า แต่กลับรู้สึกว่าประโยคเหล่านั้นไม่มีความมั่นใจเอาเสียเลย

โหรวเหยาถอนหายใจด้วยความโล่งอก “อย่าพูดถึงเรื่องน่าหนักใจเลย ข้าจะไปหาหลิงลี่ นางมีทักษะทางการแพทย์เล็กน้อย ข้าจึงอยากขอให้นางมาช่วย สามัคคีคือพลังยังไงล่ะ”

“อืม อย่าลืมชวนหลิวหลิ่วมาด้วยเล่า” จื่ออันกล่าว แม้หลิวหลิ่วจะไม่มีความรู้ทางการแพทย์ แต่นางก็ยังสามารถค้นหาข้อมูลได้

หลิงลี่และหลิวหลิ่วถูกเรียกตัว หลังจากนั้นทั้งสี่คนก็เริ่มการค้นคว้าอีกครั้ง

จื่ออันค้นพบว่าหลิงลี่สามารถอ่านตำราได้รวดเร็วยิ่งนัก นางอ่านได้เกือบสิบบรรทัดในพริบตาเดียว และเปิดหน้าอื่นในชั่วอึดใจ

“หลิงลี่ เจ้าอ่านเร็วขนาดนี้จะสังเกตเห็นหรือ?” จื่ออันเตือน

หลิวหลิ่วตอบ “ไม่ ไม่ผิดแน่ ข้าเพียงกวาดสายตาหาคำว่ากาฬโรค โรคระบาด หากมีคำเหล่านี้ ข้าจะต้องอ่านเจออย่างแน่นอนเพคะ”

“เหตุใดถึงอ่านเร็วเพียงนี้? ดวงตาของเจ้าไม่เมื่อยล้าหรือ?” หลิวหลิ่วถาม

“ไม่หรอกเพคะ!” หลิงลี่ยังคงเปิดอ่านหน้าต่อไป นางกวาดสายตาอ่านพร้อมกับตอบคำถามไปด้วย

จื่ออันรู้สึกว่าภูมิกำเนิดของหลิงลี่จะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน แม้นางจะเป็นสาวรับใช้ของอ๋องเยี่ย แต่นางก็รู้สึกอยู่บ่อยครั้ง ว่าคำพูดและการกระทำของอีกฝ่ายมักจะคาดเดาไม่ได้

“เอาล่ะ ทำต่อเถิด” หลิงลี่หันมองทุกคนก่อนตบตำราพร้อมกล่าว

ทั้งสามคนก้มหน้าลงและค้นหาต่อไป

ประมาณครึ่งชั่วยามต่อมา จู่ ๆ หลิงลี่ก็วางตำราลงบนโต๊ะแล้วกล่าวว่า “ข้าเจอแล้ว คำว่าโรคระบาดถูกเขียนไว้ตรงนี้”

ทุกคนดีใจอย่างยิ่งก่อนวางตำราในมือลงเพื่อมองดูหลิงลี่

จื่ออันหยิบมันขึ้นมาแล้วอ่านบันทึกเกี่ยวกับโรคระบาด

ในตำราบันทึกไว้ว่าโรคระบาดเกิดขึ้นหลังจากภัยพิบัติน้ำท่วม หนูและแมลงมากมายอพยพเข้าไปในพื้นที่แห่งนั้น ดังนั้นเหล่าชาวบ้านจึงได้รับเชื้อโรค ทว่ามันเกิดขึ้นในพื้นที่เล็ก ๆ และไม่แพร่กระจายออกไป

แน่นอนว่าสาเหตุที่โรคระบาดไม่แพร่กระจายเป็นเพราะหมอเทวดาไปเยือนที่นั่น

เวินอี้... นางบังเอิญเดินทางผ่านที่นั่น

“ไม่มีใบสั่งยา? ไม่มีบันทึกการรักษา?” หลิงลี่พลิกไปที่หน้าสุดท้าย แล้วอดไม่ได้ที่จะผิดหวัง

“หา ไม่มีจริงหรือ?” หลิวหลิ่วหยิบตำราขึ้นมาอ่านแล้วกล่าวด้วยความผิดหวัง

จื่ออันกล่าว “ไม่ ไม่ใช่ว่าไม่มี หลังจากที่ตำราเล่มนี้หมดแล้ว นางจะต้องบันทึกไว้ในตำราเล่มอื่นอย่างแน่นอน พวกเรารีบค้นหาเร็ว”

ทั้งสี่คนค้นหาตำราที่อยู่รอบตัวอีกครั้ง ก่อนที่หลิวหลิ่วจะเอ่ย “เหตุใดท่านหมอเวินอี้ถึงไม่ทำเครื่องหมายไว้กันนะ? มันจะดีกว่าหรือไม่ถ้าแบ่งออกเป็นเล่มหนึ่ง สอง สาม สี่? อย่างน้อยมันก็ช่วยพวกเราไม่ให้เหน็ดเหนื่อยเช่นนี้”

จื่ออันโพล่งขึ้น “หยุดบ่น แล้วรีบค้นหาใบสั่งยาเพื่อช่วยชีวิตคนอื่นเถิด”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์