เสียงหัวเราะดังอยู่ข้างหลังของนาง
หลิงลี่จ้องเขม็งไปยังกลุ่มคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยความโมโห ขณะที่จื่ออันส่งท่าทางให้นางหยุดก่อนเดินไปยังเขตใต้
หลิงลี่หันหลังเดินกลับไปยังห้องตนเองเช่นกัน ไม่นานชายคนหนึ่งสวมชุดซอมซ่อก็เดินออกจากห้องของนางไป ดูเหมือนว่าชายผู้นั้นจะเป็นชาวบ้าน เนื่องจากหน้าตาของเขาดูธรรมดายิ่งนัก
เขามุ่งหน้าไปยังเขตตะวันออก แต่ขณะที่เดินอยู่นั้น ก็เหลือบไปเห็นแท่งไม้อยู่ข้างถนน เขาจึงหยิบมันขึ้นก่อนเหวี่ยงไปมา
กลุ่มหมอหลวงนั่งลงตากยาสมุนไพรอีกครั้ง แม้จะไม่มีแสงแดดส่อง แต่พวกเขาก็ยังทำมันต่อไป
“พี่หลี่ คำพูดของท่านตลกยิ่งนัก ท่านไม่เห็นหรือว่าพระชายาผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์โมโหจนหน้าเขียว ถึงกระนั้นก็ยังไม่กล้าที่จะเสียมารยาทกับพวกเรา ข้าช่างโล่งใจเหลือเกิน”
“จริงรึ? แม้จะเป็นลูกศิษย์ของท่านหมอเวินอี้ แต่ก็ทำได้เพียงหลอกลวงชาวบ้านเท่านั้น ท่านหมอเวินอี้ตายไปนานแล้วมิใช่หรือ นางอายุเท่าไรกันนะ? เหตุใดนางถึงกล้าอ้างว่าเป็นศิษย์ของท่านหมอเวินอี้ ช่างหน้าหนาเสียจริง”
“พวกเราจะไม่มอบความดีความชอบให้นางเด็ดขาด ดูจากท่าทีของนางแล้ว พวกเราคงทำอะไรไม่ได้เป็นแน่ หลังจากชาวบ้านที่นี่ตายหมดทุกคน เราก็จะลงจากเขาแล้วกลับไปใช้ชีวิตอีกครั้ง”
“ท่านหมอ ดูนี่สิ!” ชายชุดดำเดินเข้ามาหาพวกเขาพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เหล่าหมอหลวงเงยหน้าขึ้น และเห็นชาวบ้านคนหนึ่งถือท่อนไม้ยืนอยู่ข้าง ๆ ก่อนโบกมือไล่ “ไป ๆ ๆ อย่าเข้ามาแล้วก็อย่ามารบกวนพวกเราตอนตากสมุนไพร”
“เช่นนั้นข้าช่วยพวกท่านดีหรือไม่?” ชายปริศนาเดินเข้าไปอีกหนึ่งก้าว พร้อมกับรอยยิ้มอันน่าขนลุกยิ่งนัก เพราะมันทั้งอ่อนโยนและเย็นชาอย่างอธิบายไม่ได้
ท่านหมอหลี่ถาม “เจ้ามาจากเขตใด?”
“เขตตะวันตก!” ชายผู้นั้นกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เขตตะวันตก?” ทุกคนล้วนตกตะลึง จากนั้นผุดลุกขึ้นแล้วก้าวถอยหลังสองสามก้าว ก่อนตะโกนด้วยความโมโห “เขตตะวันตกเต็มไปด้วยตนป่วย กลับไปซะ!”
“กลับรึ ข้ากลับก็ได้!” จู่ ๆ ชายผู้นั้นก็คลี่ยิ้มร้ายกาจ แล้วเหวี่ยงท่อนไม้ทุบตีเหล่าหมอหลวงโดยไม่มอง
หมอคนหนึ่งวิ่งหนีพร้อมเอามือกุมศีรษะ แต่เขาจะหนีไปที่ใดได้เล่า?
เห็นได้ชัดว่าชายผู้นั้นมีท่อนไว้เพียงท่อนเดียวเท่านั้น แต่เหตุใดเมื่อพวกเขาหนีไปที่ไหน ท่อนไม้ก็จะปรากฏขึ้นทุกที่
พวกเขาเป็นเพียงนักเรียนแพทย์และเป็นบัณฑิตผู้อ่อนแอ ไม่ต้องพูดถึงศิลปะป้องกันตัว เพราะเพียงวิ่งไปกี่ก้าว พวกเขาก็เหนื่อยจนแทบขาดใจแล้ว ดังนั้นการที่ชายผู้นั้นถือไม้ไล่ตี ทำให้พวกเขารู้สึกดีขึ้น
เมื่อหมอหลี่เห็นว่าแม้จะหมีเหล่าชาวบ้านอยู่รอบ ๆ แต่ก็ไม่มีใครเข้ามาช่วยเลย เขาจึงตะโกนด้วยความไม่พอใจ “พวกเจ้ากินขี้รึ? เหตุใดยังไม่ลากไอ้บ้าคนนี้ออกไป? ดเชื่อหรือไม่ถ้ากลับไปแล้วข้าจะรายงานองค์ชายให้จัดการพวกเจ้าให้หมด... โอ๊ย!”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ ท่อนไม้ก็ฟาดลงบนหลังศีรษะของเขา ก่อนล้มหัวคะมำลงไปกองกับพื้น
เหล่าชาวบ้านเกลียดพวกหมอหลวงเข้ากระดูกดำ จนไม่อยากช่วยเหลือคนเหล่านั้นเลยหรือ?
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหวาดกลัวเพียงใด เหล่าชาวบ้านก็ปิดปากหัวเราะคิกคัก และลอบชื่นชมผู้ก่อเหตุอยู่ภายในใจ
ทว่าคนผู้นี้คือใคร? ไม่มีใครรู้จักเขาเลย
จื่ออัน หลิวหลิ่ว และโหรวเหยายืนอยู่หน้าประตูเขตตะวันตก และมองดูภาพตรงหน้าอย่างนิ่งดูดาย
จื่ออันโมโหเมื่อเห็นใบหน้าของพวกเขา นางจึงส่งสัญญาณให้หลิงลี่จัดการ เพราะตอนนี้นางหมดความอดทนแล้ว
หากไม่โดนทุบตีสั่งสอน คนเหล่านั้นก็จะไม่รู้ว่าตนชื่อแซ่อะไร และไม่รู้ว่าตนกำลังกินข้าวของใครอยู่
“ข้าอยากออกไปจัดการพวกมันด้วยตนเองเสียจริง” มือและเท้าของหลิวหลิ่วคันยุบยิบ นางอยากออกไปฟาดหน้าคนพวกนั้นสักสองสามหมัดมานานแล้ว แต่จื่ออันไม่เคยปริปากสั่งการเลย ซึ่งทำให้นางอึดอัดจนแทบอกแตกตาย
จื่ออันกลอกตาพลางกล่าว “เจ้าใจเย็น ๆ หน่อยเถิด”
“ใช่แล้ว หลิงลี่เคยปลอมตัวมาก่อน ดังนั้นนางจะไม่ถูกจับได้อย่างแน่นอน” โหรวเหยากล่าว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์
ไม่อัพแล้วเหรอคะ...
โอโย่คู่ตัวร้าย...
อ๋องเหลียงน่ะถูกแล้ว ไม่ใช่จักรพรรดิเหลียง...
สามีภรรยาคู่นี้ จะมีช่วงเวลาสงบสุขดีดีบ้างไม่ได้เลยหรือไงกัน สงสารอ่า...