ฉินโจวพลันนึกถึงตอนที่ตนพูดคุยกับมู่หรงเจี๋ย แน่นอนว่ามู่หรงเจี๋ยเป็นผู้ที่ไม่อาจคาดเดาได้และรับมือยากที่สุด
ผลลัพธ์ของการเจรจาอยู่นอกเหนือความคาดหมายของนาง เนื่องจากมู่หรงเจี๋ยเห็นด้วยกับการเชิญองค์ชายอันหราน ในที่สุดองค์ชายอันหรายก็ถูกส่งไปเป็นองค์ประกันขณะที่ส่งตัวพระชายาของเขามาที่นี่
มันราบรื่นเสียจนทำให้ใครหลายคนรู้สึกไม่สบายใจ
“ท่านปู่ ตอนนี้มู่หรงเจี๋ยอยู่ที่ใดหรือ? เขาอยู่ที่หมู่บ้านมู่ไจ้ด้วยหรือไม่?” ฉินโจวถาม
“เขาไม่ได้อยู่ที่หมู่บ้านมู่ไจ้ ข้าได้ยินมาว่ามู่หรงเจี๋ยลงจากเขาแล้ว แต่ไปที่ใดไม่มีใครรู้ ปู่กลัวว่าตอนนี้เขาจะกำลังปลอมตัวและวิ่งพล่านไปทั่วเมืองหลวง เพื่อพบกับคนจากพรรคจู่เหอ หากทั้งสองฝ่ายร่วมมือกัน พวกเราก็เจอปัญหาใหญ่แล้ว เมื่อถึงตอนนั้นมันจะต้องลำบากเป็นแน่”
เขานึกถึงพรรคจู่เหอพร้อมสาปแช่ง “สมองของพวกพรรคจู่เหอมีแต่ขี้เลื่อยจริง ๆ พวกเขาคิดจริงหรือว่าความสงบสุขจะได้มาโดยง่าย ช่างไม่รู้เลยว่าสันติภาพที่แท้จริงได้มาจากการทำสงครามต่างหาก หากไม่สู้เช่นนั้นจะยับยั้งอีกฝ่ายได้อย่างไร? แล้วจะทำให้พวกมันกลัวจนไม่กล้าจู่โจมได้อย่างไร? แล้ว... แค่ก ๆ ๆ!”
แม่ทัพเฒ่าฉินกล่าวด้วยความตื่นตระหนกเล็กน้อยก่อนไออยู่หลายครั้ง
“ท่านปู่ ได้โปรดอย่าตื่นตระหนกเลย พวกพรรคจู่เหอไม่กล้าทำเช่นนั้นหรอก เพราะองค์จักรพรรดิและฮองเฮาคอยขัดขวางพวกเขาอยู่เจ้าค่ะ” ฉินจ้านปลอบใจเขาครั้งแล้วครั้งเล่า
นางรู้ดีว่าท่านปู่ทำสงครามมานับไม่ถ้วนและเขาก็ภาคภูมิใจกับมันตลอดมา ซึ่งตระกูลฉินสามารถแสดงคุณค่าของพวกเขาได้ด้วยการทำสงคราม
หลังจากแม่ทัพเฒ่าฉินไอจนตัวโยน เขาก็สูดหายใจเข้าลึกสองสามครั้ง ถึงกระนั้นก็ยังรู้สึกหายใจไม่ออกอยู่เล็กน้อย “สุดท้ายแล้ว ข้าก็แก่ขึ้นจนร่างกายทนไม่ไหว เห็นสิ่งต่าง ๆ ย่ำแย่ลงทุกปีวันแล้ววันเล่า เขาจะต้องแบกรับตระกูลฉินของเราเอาไว้และอย่าทำสิ่งที่ปู่ผิดหวังล่ะ”
“หลานเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ” ฉินโจวสัญญาพลางลูบหลังของเขา
หลังจากเข้าไปในพระราชวังแล้ว แม่ทัพเฒ่าฉินไม่ได้ไปเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิ แต่ไปถวายความเคารพต่อองค์ฮองเฮา
ตระกูลฉินเป็นตระกูลที่รักสงบอย่างยิ่ง หากผู้ใดถูกเรียกตัวกลับมา พวกเขาใช้ชีวิตอยู่อย่าเงียบ ๆ เว้นเสียแต่องค์จักรพรรดิจะเรียกตัวเข้าเฝ้า
ดังนั้นองค์จักรพรรดิจึงไว้วางใจที่จะใช้งานพวกเขา
“ถวายบังคมองค์จักรพรรดิ ถวายบังคมฮองเฮาเพคะ!” ฉินโจวเดินเข้าไปในท้องพระโรงพลางคุกเข่าทำความเคารพ
องค์จักรพรรดิเผยรอยยิ้มขณะมองไปยังแม่ทัพหญิงผู้กล้าหาญฉินโจวที่อยู่ในชุดเกราะสีทอง
“ข้าบอกแล้วว่าเจ้าไม่จำเป็นต้องคุกเข่าทำความเคารพหรอก” องค์จักรพรรดิกล่าวอย่างมีเมตตา
“ฝ่าบาท สถานะของพระองค์และหม่อมฉันแตกต่างกันยิ่งนัก หม่อมฉันจึงไม่อาจละทิ้งมารยาทได้เพคะ” ฉินโจวลุกยืนขึ้นขณะกล่าวด้วยความเคารพ
ฮองเฮากล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านเพิ่งเดินทางมาเหน็ดเหนื่อย รีบนั่งลงเถิด”
“ขอบพระทัยองค์ราชินีเพคะ!” จากนั้นฉินโจวจึงนั่งลง
“ตอนนี้เจ้าจัดการทหารหนึ่งแสนนายเรียบร้อยแล้วหรือไม่?” องค์จักรพรรดิถาม
“กราบทูลฝ่าบาท ตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อยดี หลังจากพักผ่อนสักพักหนึ่ง พวกเราก็พร้อมออกเดินทางสู่พื้นที่ภัยพิบัติได้ทันทีเพคะ” ฉินโจวตอบ
“อืม ดีแล้วล่ะ ตอนนี้เจ้ากลับมาแล้ว ข้าจึงรู้สึกสบายใจขึ้นมากโข ถึงกระนั้นกองทัพต้าโจวมีการเคลื่อนไหวหรือไม่?” องค์จักรพรรดิถามอีกครั้ง
“กราบทูลฝ่าบาท ตั้งแต่ล่าถอย กองทัพต้าโจวก็ไม่มีการเคลื่อนไหวเลยเพคะ”
“อืม ข้ามั่นใจแล้วว่าฉินเป้าไปถึงค่ายแล้ว”
ฉินโจวกล่าว “ฝ่าบาท เนื่องจากเสบียงอาหารและหญ้าที่ใช้เลี้ยงม้าถูกเผาจนสิ้น แม้เมืองที่อยู่ใกล้เคียงจะส่งเสบียงและหญ้าไปให้ แต่ก็ไม่เพียงพอ พวกเราจะต้องการอาหารจำนวนมากสำหรับกองทัพ มิฉะนั้นหากกองทัพต้าโจวบุกโจมตี พวกเราก็ไม่อาจต้านทานได้เพคะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์
ไม่อัพแล้วเหรอคะ...
โอโย่คู่ตัวร้าย...
อ๋องเหลียงน่ะถูกแล้ว ไม่ใช่จักรพรรดิเหลียง...
สามีภรรยาคู่นี้ จะมีช่วงเวลาสงบสุขดีดีบ้างไม่ได้เลยหรือไงกัน สงสารอ่า...