สนมเหลียงยังไม่ยอมแพ้ “เช่นนั้นให้พวกเราเข้าไปรอในโถงใหญ่เถิด ที่นี่มีผู้ใหญ่จำนวนมาก ไม่ควรปล่อยให้ยืนอยู่ในลานนี้ อีกทั้งสภาพอากาศก็หนาวมาก”
ลู่กงกงยิ้มก่อนจะกล่าว “สนมเหลียง อดทนรอต่อไปอีกหน่อยมิได้เชียวหรือ? หากท่านรู้สึกเมื่อยล้า ข้าจะสั่งให้คนไปยกเก้าอี้ออกมาวางที่นี่”
เหลียงไท่ฟู่หันไปกล่าวกับสนมเหลียงว่า “รอสักครู่เถิด พ่อพอคุ้นเคยกับการสรงน้ำของฝ่าบาทดี อย่างนานที่สุดไม่ควรเกินครึ่งชั่วยาม เวลาครึ่งชั่วยามนี้ไม่เกินความอดทนหรอก”
พวกเขาเฝ้ารออยู่นอกวังมาหลายชั่วยามแล้ว เพียงครึ่งชั่วยามจะรอต่อไปไม่ได้เชียวหรือ?
ลู่กงกงจึงเดินกลับเข้าไปด้วยรอยยิ้ม หลังจากนั้นบ่าวรับใช้ในวังก็ออกมาพร้อมเก้าอี้ และยกชาร้อนออกมาให้ท่านทั้งหลาย
ลมหนาวพัดโชยมาเป็นระยะ แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่ใช่ฤดูหนาวที่รุนแรง ทว่าก็ยังหนาวเย็นมาก
ยิ่งกว่านั้น เมื่อสองสามวันก่อนมีฝนตกหนัก อุณหภูมิจึงลดลงเล็กน้อย เมื่อครู่นี้ทุกคนต่างกำลังตื่นตระหนกเอะอะกันอยู่นอกพระราชวัง ทำให้พวกเขาไม่รู้สึกหนาว กระทั่งตอนนี้เมื่อพวกเขานั่งอยู่เฉย ๆ ความหนาวเย็นจึงท่วมท้น
องค์รัชทายาทดูกระวนกระวายมากยิ่งกว่าใคร เอาแต่เดินวกวนไปมา ทว่าราชครูกลับสงบนิ่งมาก เมื่อเรื่องดำเนินมาถึงจุดนี้แล้ว จุดจบย่อมชัดเจน
มีความเป็นไปได้สองอย่างผุดขึ้นในความคิดของเขา หนึ่ง หากมู่หรงเจี๋ยหลอกพวกเขา พวกเขาคงไม่พ้นถูกซุ่มโจมตีและถูกสังหารในพระราชวัง องค์จักรพรรดิมีความตั้งใจแน่วแน่ไม่ให้พวกเขาเข้าเฝ้าตั้งแต่แรก เขาไม่มีทางแสดงแผลหน้าผีให้คนอื่นเห็น
ความเป็นไปได้ประการที่สอง คือจะมีการประกาศการสืบราชสันตติวงศ์ขององค์รัชทายาทในทันที และมีกำหนดการจัดพระราชพิธีขึ้นครองบัลลังก์โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ตอนนี้ประตูเมืองถูกปิดแล้ว แม้ว่ามู่หรงเจี๋ยต้องการระดมกำลังทหาร ก็ใช่ว่าจะกระทำได้โดยง่าย เนื่องจากมีคนของเขาคอยคุ้มกันอยู่ข้างนอกอีกชั้นหนึ่ง ไม่มีใครในวังแห่งนี้สามารถออกจากประตูวังได้ทั้งสิ้น
ส่วนเฉินไท่จวินและคนอื่น ๆ ข้างนอกไม่มีเหรียญตราทางการทหาร แน่นอนว่าไม่สามารถระดมทหารในกองพันด้วยตนเองได้
พวกเขายังส่งคนไปเฝ้าจับตามองกรมสงครามอย่างใกล้ชิด ตราบใดที่พวกเขาส่งทหารออกมา ก็จะถูกเข่นฆ่าอย่างไร้ความปรานี
ตัดสินจากไพ่ในมือแล้ว เขามีโอกาสที่จะชนะถึงแปดในสิบส่วน
“ราชครู ตอนนี้ดูเหมือนว่ามู่หรงเจี๋ยกำลังหาทางผัดวันประกันพรุ่งโดยเจตนา” ผู้ตรวจการจางกล่าว
เดิมทีผู้ตรวจการจางไม่มีตำแหน่ง แต่เขาถูกรับเชิญให้ร่วมหารือเรื่องดังกล่าว เมื่อได้ยินว่าองค์รัชทายาทและสนมเหลียงกล่าวว่าองค์จักรพรรดิประชวรเป็นแผลหน้าผี เขาจึงต้องออกปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากเขาเป็นขุนนางผู้ดูแลความชอบธรรมของจักรพรรดิและข้าราชบริพาร เมื่อจักรพรรดิมีแผลหน้าผี นี่แสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวด้านการปกครอง กระตุ้นความโกรธเกรี้ยวของสวรรค์จนสวรรค์ลงทัณฑ์
ความจริงวันนี้เขาสังเกตเห็นแวบหนึ่งเช่นกันว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วก็ต้องยอมรับความตาย ขอเพียงเห็นว่าองค์จักรพรรดิมีแผลหน้าผีจริง เขาจะเป็นผู้วิงวอนให้สละราชสมบัติเพื่อประชาชนเอง
เวลานี้เขาคิดว่าผู้ที่กำลังชักช้าคือมู่หรงเจี๋ย ไม่ใช่องค์จักรพรรดิ เหตุใดมู่หรงเจี๋ยจึงไม่ยอมให้ทุกคนเข้าเฝ้า? ก็เพื่อที่เขาจะได้รักษาตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ไว้ หากจักรพรรดิจะไม่สละราชสมบัติ องค์รัชทายาทก็ไม่สามารถขึ้นครองราชย์ได้ เขาจะยังคงเป็นผู้สำเร็จราชการแทนโดยชอบธรรม
ในฐานะผู้ตรวจการราชสำนัก เขาเคยไม่พอใจกับความขวางโลกของมู่หรงเจี๋ยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ครั้งนี้เขาจึงคล้อยตามเหลียงไท่ฟู่และคนอื่น ๆ อย่างง่ายดาย
เหลียงไท่ฟู่กล่าวว่า “ระงับจิตใจไว้สักหน่อยเถิด อย่าใจร้อนเกินไป หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วยาม กองทัพด้านนอกจะเข้าโจมตี ถึงเวลานั้นไม่ว่ามู่หรงเจี๋ยจะพยายามประวิงเวลามากเพียงใด มันก็ไร้ประโยชน์”
เขาเพิ่งคำนวณว่ามีทหารรักษาพระองค์เจ็ดร้อยนายอยู่ในพระราชวัง หนึ่งในสามเป็นคนของเขา นอกเหนือจากกองทหารสามพันนายที่อยู่ด้านนอกแล้ว กองกำลังที่เขามีอยู่ก็เพียงพอที่จะต่อสู้กับเฉินไท่จวินและคนอื่น ๆ ขาดกองหนุนของมู่หรงเจี๋ยไปสักคน สถานการณ์ก็จะคลี่คลาย
เมื่อเห็นว่าเหลียงไท่ฟู่มั่นใจ ทุกคนจึงรอต่อไปด้วยความอดทน
หลังจากรอจนเวลาผ่านไปครึ่งชั่วยาม ก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวจากห้องโถงด้านใน
ผู้ตรวจการจางถามราชองครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าประตูพระราชวัง “ช่วยเข้าไปถามว่าฝ่าบาทจะเรียกพวกเราเข้าไปเมื่อไร?”
ราชองครักษ์กล่าวอย่างเฉยเมย “หากฝ่าบาทประสงค์จะรับสั่งให้หาผู้ใด พระองค์ย่อมสั่งให้คนออกมาส่งข่าวเป็นธรรมดา โปรดรอสักครู่”
“เรามาที่นี่ตามพระราชโองการของพระองค์ ฝ่าบาทเพียงต้องการสรงน้ำผลัดเปลี่ยนพระภูษามิใช่หรือ? ทำไมถึงได้ใช้เวลานานนัก?” ผู้ตรวจการจางถามด้วยความไม่พอใจ ไม่ใช่เพราะไม่พอใจที่ต้องรอ ทว่าเป็นเพราะน้ำเสียงขององครักษ์ขณะพูดกับเขาค่อนข้างย่ำแย่
ในฐานะที่เขาเป็นผู้ตรวจการ ไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดิหรือขุนนางทั้งหลาย ผู้ใดบ้างที่ไม่ปฏิบัติต่อเขาอย่างสุภาพ? แล้วราชองครักษ์นายนี้กล้าเพิกเฉยต่อเขาได้อย่างไร? กล้าดีอย่างไรจึงยั่วยุเขา?
“เวลานี้ฝ่าบาททรงพระประชวร นับประสาอะไรกับครึ่งชั่วยาม ไม่แน่ว่าสองชั่วยามอาจไม่เพียงพอด้วยซ้ำ”
ผู้ตรวจการจางเต็มไปด้วยความโกรธ แต่ไม่สามารถระบายออกมาได้ ทำได้เพียงต้องกลับไปนั่งรออย่างไม่พอใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์
ไม่อัพแล้วเหรอคะ...
โอโย่คู่ตัวร้าย...
อ๋องเหลียงน่ะถูกแล้ว ไม่ใช่จักรพรรดิเหลียง...
สามีภรรยาคู่นี้ จะมีช่วงเวลาสงบสุขดีดีบ้างไม่ได้เลยหรือไงกัน สงสารอ่า...