เหลียงไท่ฟู่รู้ว่าจักรพรรดิจะต้องแก้แค้นเขาอย่างแน่นอน ย่อมไม่มีวันปล่อยเขาไปโดยง่าย เกรงว่าอีกฝ่ายคงคิดหาวิธีที่จะทรมานเขาเสียมากกว่า
เหลียงไท่ฟู่ไม่ได้กล่าวออกมา รอคอยให้จักรพรรดิเป็นฝ่ายตรัสเอง
จักรพรรดิเรียกหาลู่กงกง ตรัสก้องว่า “ร่างพระราชกฤษฎีกา!”
ลู่กงกงก้าวไปข้างหน้า “กระหม่อมอยู่ที่นี่แล้ว! ฝ่าบาทโปรดรับสั่ง!”
จักรพรรดิเหลือบมององค์รัชทายาท “ในเมื่อเจ้าต้องการสนับสนุนองค์ชายรัชทายาทหนักหนา เช่นนั้นข้าก็จะให้โอกาสเจ้า”
เขาเงยหน้าขึ้นมองไปยังลู่กงกง “ร่างพระราชกฤษฎีกา ถอดถอนตำแหน่งองค์รัชทายาท ลดระดับเขากลายเป็นสามัญชน จากนั้นเนรเทศไปที่ถนนเซี่ยอัน ไท่ฟู่ทำคุณไถ่โทษ ให้ยังคงตำแหน่งราชครูดังเดิม รับใช้ตระกูลมู่หรงจนกว่าวาระจะครบหนึ่งร้อยปี จัดคนคุ้มกันอย่างใกล้ชิด ราชสำนักจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายส่วนกลาง”
ราชครูพลันเงยหน้าขึ้นทันที สีหน้าดุร้าย “เจ้า…”
“ฝ่าบาทจะทรงจัดการกับตระกูลเหลียงอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?” ลู่กงกงถามด้วยความนอบน้อม
“สืบสวน ค้นหาว่าผู้ใดร่วมก่อกบฏกับเหลียงไท่ฟู่ จากนั้นสังหารให้สิ้น ยึดศักดินาทั้งหมดของตระกูลเหลียงกลับคืน”
ขาทั้งสองข้างของราชครูอ่อนแรง “ฝ่าบาททรงฆ่ากระหม่อมเถิด!”
“ฆ่าไม่ได้ ฆ่าไม่ได้!” จักรพรรดิเย้ยหยัน ตรัสกับลู่กงกงต่อไป “เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ไท่ฟู่ฆ่าตัวตาย จงตัดเส้นเอ็นขาและแขนของเขาทิ้งเสีย คราวนี้มาดูกันว่าเขาจะฆ่าตัวตายด้วยวิธีใด”
“พ่ะย่ะค่ะ!” ลู่กงกงขานรับ
เหลียงไท่ฟู่ระเบิดเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “ฝ่าบาทต้องการให้กระหม่อมตายทั้งเป็น เหตุใดไม่สั่งประหารกระหม่อมเสีย? เหตุใดข้าจะก่อการกบฏต่อพระองค์ไม่ได้? ประเทศนี้ควรเป็นของตระกูลเหลียงของข้า หากไม่ใช่เพราะข้าถูกหลอกลวง ราชอำนาจในมือตระกูลมู่หรงย่อมเปลี่ยนมือในไม่ช้าก็เร็ว”
เขาวางแผนและคิดคำนวณมานานหลายปี พยายามดึงดูดขุนนางหลายท่านให้เข้าร่วมเป็นสมาชิกพรรคของเขา รอคอยวันที่องค์รัชทายาทจะขึ้นครองบัลลังก์
เขาไม่คาดหวัง ไม่คาดหวังเลยจริง ๆ ว่าตนเองจะตกหลุมพรางอย่างง่ายดาย เขาอุตส่าห์ใช้ความพยายามและอุตสาหะอย่างมากในการคิดวางแผน ท้ายที่สุดแล้วมันกลับไม่มีประโยชน์เลย
ความผิดพลาดครั้งนี้กะทันหันจนเขาไม่ทันตั้งตัว
“เจ้ากล้าพูดเช่นนี้ได้อย่างไร? เจ้าคิดว่าตนเองเป็นใครกัน? เจ้ามีความสามารถอะไร? อ๋องหนานหวายแค่ปล่อยข่าวลือและดึงเจ้าเข้ามาเกี่ยวข้อง เท่านี้เจ้าก็โง่เขลาเต็มทนแล้ว ยังมีหน้ามาพูดเช่นนี้อีกรึ?” มู่หรงเจี๋ยตะคอกอย่างเย็นชา
“ไม่ใช่อ๋องหนานหวาย แต่เป็นเจ้า เป็นเจ้าต่างหาก มู่หรงเจี๋ย!” ดวงตาของไท่ฟู่เป็นประกายวาววับ ราวกับจะฉีกมู่หรงเจี๋ยออกเป็นชิ้น ๆ
มู่หรงเจี๋ยแสยะยิ้ม “ใช่ ใช่ เป็นข้าเอง ข้ายอมรับเช่นนี้แล้ว เจ้ารู้สึกดีขึ้นบ้างหรือไม่เล่า?”
เขายืนขึ้น ก้าวไปหยุดอยู่ตรงหน้าราชครูเหลียง “เจ้ามันไร้ประโยชน์ ข้าจึงไม่กลัวที่จะสารภาพกับเจ้า อ๋องหนานหวายเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะหลอกลวงเจ้าเช่นกัน เขาเพียงกระจายข่าวลือโดยเจตนา เพื่อทำให้ประชาชนเริ่มเกิดความสั่นคลอนต่อฝ่าบาท หากพระราชโอรสที่ประสูติแต่ฝ่าบาทไม่สามารถขึ้นครองบัลลังก์ได้โดยชอบธรรม เขาก็จะมีโอกาสต่อสู้เพื่อชิงราชบัลลังก์ แต่ข้าไม่คาดฝันว่าเจ้าจะโง่เขลาถึงขั้นพาตัวเองเข้ามาเกี่ยวข้อง ตอนนี้เจ้าแพ้ให้แก่อ๋องหนานหวายยังไม่พอ ยังพ่ายแพ้ให้แก่ข้าอีกด้วย ถึงตอนนี้แล้วยังหลอกตัวเองว่าคนอย่างข้าไม่สามารถกำจัดตระกูลเหลียงและองค์รัชทายาทของเจ้าได้อีกหรือ? ตอนที่ฮองเฮาถูกลดขั้นในวันนั้น ข้าสามารถปลดองค์รัชทายาทได้โดยตรง ทำไมต้องรอจนถึงตอนนี้เพื่อสร้างช่องโหว่ขนาดใหญ่ และใช้พระเกียรติของฝ่าบาทเป็นเหยื่อล่อ?”
ใบหน้าของไท่ฟู่ซีดเผือด เขารู้ว่าตนเองไม่ควรเชื่อในสิ่งที่มู่หรงเจี๋ยพูด แต่สิ่งที่อีกฝ่ายพูดนั้นใกล้เคียงความจริงมากที่สุด เนื่องจากอ๋องหนานหวายผู้ซึ่งให้สัญญาว่าจะกดดันวังหลวงด้วยกัน กลับหลบหนีไปก่อนจะเกิดการปะทะ
“หากไท่ฟู่ยังไม่เชื่ออีก เช่นนั้นไปถามซุนฟางเอ๋อร์ดูเถิด นางรู้เรื่องภายในทุกอย่าง!”
ร่างกายของเหลียงไท่ฟู่สั่นเทาเล็กน้อย เขารับไม่ได้จริง ๆ ว่าตนเองจะพ่ายแพ้ให้กับเด็กเหลือขออย่างอ๋องหนานหวาย ผู้ที่ไม่เคยอยู่ในสายตาของเขา!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์
โอโย่คู่ตัวร้าย...
อ๋องเหลียงน่ะถูกแล้ว ไม่ใช่จักรพรรดิเหลียง...
สามีภรรยาคู่นี้ จะมีช่วงเวลาสงบสุขดีดีบ้างไม่ได้เลยหรือไงกัน สงสารอ่า...