“ไม่น่าแปลกใจที่นางมีวิทยายุทธ์ แต่เหตุใดนางถึงซ่อนเร้นความสามารถตัวเอง?”
“ไม่รู้สิ บางทีฮ่องเต้อาจไม่ชอบสตรีที่ฝึกวิทยายุทธ์” จ้วงจ้วงพูดเช่นนั้น แล้วพูดต่อว่า “แม้ว่าฮ่องเต้จะไม่ชอบสตรีที่ฝึกวิทยายุทธ์ ทว่าก็ยังชื่นชมสตรีที่มีความสามารถ”
เมื่อจ้วงจ้วงพูดเช่นนั้น ก็พลันรู้สึกฉงนเช่นกัน “ใช่แล้ว เหตุใดนางถึงปิดบังเรื่องที่ตนมีวิทยายุทธ์? นี่อาจเป็นวิธีการต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของนาง”
“เมื่อมีสิ่งผิดปกติย่อมมีผี” จื่ออันเชื่อหลักการข้อนี้เสมอ
“เช่นนั้นก็สั่งให้คนไปตรวจสอบอย่างละเอียด ว่าเกิดอันใดขึ้นก่อนที่นางจะเข้าวังดีหรือไม่?” จ้วงจ้วงกล่าว
“ดีเหมือนกัน ต้องตรวจสอบให้ชัดเจน รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง”
จ้วงจ้วงยกยิ้ม “มันไม่คุ้มเลยจริง ๆ ที่ต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจไปกับคนเช่นนาง เจ้าเป็นคนหวาดระแวงเกินไป”
“องค์หญิงผู้ประเสริฐของข้า ระวังไว้ก่อนย่อมดีกว่าถูกแผนร้ายเล่นงาน สนมอี้ไม่ได้ธรรมดาเช่นนั้น ท่านคิดว่าเรื่องระหว่างนางกับองค์รัชทายาท เป็นเพียงเรื่องชู้สาวเท่านั้นหรือ?”
“ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องชู้สาวเท่านั้น แต่นางก็ไม่ได้รับความโปรดปรานเป็นพิเศษ บางทีนางอาจจะต้องการหาคนสนับสนุนหรือเปล่า? ตอนนั้นทุกคนไม่รู้ว่าองค์รัชทายาทถูกปลด หากนางสามารถใกล้ชิดกับองค์รัชทายาทได้ โอรสของนางก็จะไม่อับอาย เมื่อองค์รัชทายาทขึ้นครองบัลลังก์ในอนาคต แม่ทุกคนต่างวางแผนเพื่อลูกของตนเองทั้งนั้น... ยกเว้นกุ้ยไท่เฟย”
จื่ออันยกยิ้ม “ท่านเดาเช่นนั้นถูกแล้ว แต่ก่อนที่ซ่งรุ่ยหยางจะออกจากเมืองหลวง เขาบอกอ๋องเจ็ดไว้ว่าให้ระวังสนมอี้”
“ข้ารู้เรื่องนี้ ซูชิงมาบอกข้าในภายหลัง ว่ากงซุนเยี่ยนที่อยู่ข้างกายซ่งรุ่ยหยางสมรู้ร่วมคิดกับสนมอี้ และต้องการให้ข้าแต่งงานกับซ่งรุ่ยหยาง” จ้วงจ้วงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ใช่ ถูกต้อง แต่เจ้าเคยคิดบ้างหรือไม่? กงซุนเยี่ยนสมรู้ร่วมคิดกับสนมอี้ได้อย่างไร? กงซุนเยี่ยนอยู่ในต้าเหลียง แต่สนมอี้อยู่ในวังหลวง” จื่ออันกล่าว
เมื่อจ้วงจ้วงคิดอย่างถี่ถ้วนก็ตกใจมาก “สวรรค์ ไม่ใช่ว่ามีไส้ศึกของต้าเหลียงอยู่ในวังแห่งนี้หรือ?”
“หลายสิ่งหลายอย่างต้องพิจารณาให้ชัดเจน และตรวจสอบอย่างรอบคอบ”
จ้วงจ้วงมองจื่ออัน “จื่ออัน ถูกต้องแล้วที่เจ้าระวังตัว”
“เจ้าต้องรีบช่วยข้าหาข้อมูลของสนมอี้” จื่ออันเร่งเร้า
จ้วงจ้วงยกยิ้มแล้วพูดว่า “การจะรู้จักสนมอี้นั้นไม่ง่ายหรือ? ไปถามสนมเหมย สนมเหมยและสนมอี้เคยสนิทสนมกันมาก่อน”
“สนมเหมยรู้เฉพาะสิ่งที่สนมอี้สามารถบอกให้คนอื่นรู้ได้ เกรงว่านางจะไม่รู้ความลับอื่น”
“เรื่องระหว่างสนมอี้กับองค์รัชทายาท ไม่สมควรให้คนอื่นล่วงรู้ใช่หรือไม่? แต่สนมเหมยรู้ ซึ่งสนมอี้ก็ไม่กลัวว่าสนมเหมยจะรู้เลย”
สตรีผู้นี้ช่างแปลกยิ่งนัก
ทว่ามันก็เป็นเช่นนี้อยู่ดี ดังนั้นต้องถามสนมเหมยเรื่องนี้ด้วย
จ้วงจ้วงออกคำสั่งให้ไปตามสนมเหมยมา สนมเหมยมาทันทีโดยไม่รอช้า
“สนมเหมย” จ้วงจ้วงถามตามตรง “เจ้ารู้จักสนมอี้มากเพียงใด?”
“สนมอี้หรือเพคะ?” สนมเหมยมองจ้วงจ้วง “องค์หญิงหมายถึงในแง่มุมใดหรือเพคะ?” หากจะติดตามเรื่องระหว่างสนมอี้และมู่หรงเฉียวในตอนนี้ มันไม่สายไปหน่อยหรือ? ตอนนี้ทั้งสองไม่น่าจะติดต่อกันแล้ว
“เจ้ารู้หรือไม่ว่านางมีวิทยายุทธ์?” จ้วงจ้วงถาม
สนมเหมยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “เรื่องนี้ไม่แน่ใจเพคะ”
“ไม่แน่ใจหรือ? หมายความว่าท่านก็คิดว่านางมีวิทยายุทธ์งั้นหรือ?” จื่ออันรีบถาม
สนมเหมยตอบว่า “ไม่ใช่ว่าข้าไม่แน่ใจ ข้าเพียงแค่สงสัยเท่านั้น นึกถึงปีที่องค์ชายเจ็ดประสูติ นางเพิ่งคลอดลูก ข้าจึงไปเยี่ยม พี่เลี้ยงอุ้มองค์ชายเจ็ดออกมา แต่กลับลื่นล้ม ทำให้องค์ชายเจ็ดกระเด็นออกไปด้วย ขณะนั้นสนมอี้ยืนห่างจากพี่เลี้ยงเจ็ดหรือแปดก้าว แต่นางก็ยังสามารถรับองค์ชายเจ็ดไว้ได้ทัน ข้ายืนอยู่ข้างนาง แต่ดูไม่ทันเลยว่านางวิ่งออกไปได้อย่างไร”
“มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ?” จื่ออันรำพึงในใจ หากเป็นเช่นนี้ ก็แสดงว่าวรยุทธ์ของนางไม่ได้ด้อยเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์