บ่วงเสน่หา คุณชาย อันตราย นิยาย บท 266

สรุปบท บทที่ 266 ฉันรู้สึกมีความสุขมาก ๆ: บ่วงเสน่หา คุณชาย อันตราย

บทที่ 266 ฉันรู้สึกมีความสุขมาก ๆ – ตอนที่ต้องอ่านของ บ่วงเสน่หา คุณชาย อันตราย

ตอนนี้ของ บ่วงเสน่หา คุณชาย อันตราย โดย ฉี แม่น้ำสายเก่า ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายRomanceทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 266 ฉันรู้สึกมีความสุขมาก ๆ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ในฝั่งที่นั่งของคนขับ วิเวียนพยายามที่จะเอ่ยปากเสนอคำแนะนำให้เจน แต่พบว่าเธอไม่สามารถหาคำพูดที่จะปลอบใจเจนได้เลย เป็นเพราะว่าเธอนั้ยเข้าใจดี ว่าเธอไม่สามารถจะไปแนะนำอะไรกับเจนได้ เทียบกับสิ่งที่เจนเคยประสบพบเจอมา

อย่างไรก็ตาม เธอนั้นก็สัมผัสได้ว่าผู้หญิงที่ดูมีท่าทีที่ไม่แยแสอะไรในที่นั่งผู้โดยสารเบาะหลัง เธอคนนั้นยังคงรู้สึกหนักอกหนักใจหลังจากที่เธอตัดสินใจกลับมาที่เมืองเอสนี้ และจากความเงียบสงบที่เอ๋อไห่มา

มีปัญหามากมายใน ดันน์ กรุ๊ป อย่างไรก็ตามมันยากที่จะบอกได้ว่าประธานคนก่อนปิดหูปิดตาของเขากับปัญหาเหล่านั้นหรือไม่ หรืออาจจะเป็นเพราะว่า โจเซฟ ดันน์ ไม่คิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นปัญหาร้ายแรง

วิเวียนรู้สึกใจสลายแทนผู้หญิงที่เบาะหลัง เมื่อใดก็ตามที่ เจน ดันน์ เริ่มลงทุนในงานของเธอ นั่นมันแปลว่าเธอได้เกือบที่จะฆ่าตัวตาย หรือก้าวขาข้างหนึ่งเข้าหาความตายแล้ว

เธอควรจะเกลียดฌอน เพราะในท้ายที่สุดก็คือผู้ชายคนนั้นเอง ที่บังคับผู้หญิงที่ยังมีชีวิตจิตใจคนนี้ให้ให้ก้าวไปทีละก้าว ทีละก้าว

ในเมืองเอสนี้ ฌอนเป็นคนเดียวที่สามารถผลักดันเจนให้จนมุมได้

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เธอก็รู้สึกอยากขอบคุณเขาเล็กน้อย อย่างน้อย ๆ ในตอนนี้ฌอนมักที่จะมารับเธอไปรับประทานอาหารกลางวันและอาหารเย็นตรงเวลา มิฉะนั้นผู้หญิงที่นั่งเบาะหลังคนนี้ เธอจะบ้างานจนลืมกินไปเพราะเธอนั้นเป็นคนที่ทุ่มเทกับงานมาก ๆ

รถขับเคลื่อนมาหยุดที่หน้าโรงเรียน นี่เป็นครั้งที่สองที่เจนได้เห็นใบหน้าของเด็กชายตัวสูงที่ดูดื้อรั้นอีกครั้ง เขามองเธอด้วยความไม่ชอบใจมากนก

"ผมบอกแล้วไง ว่าผมไม่ต้องการเข้าสู่ตระกูล เอ่อ-ที่เรียกว่าดันน์ นั่น" เด็กชายผู้ดื้อรั้นจ้องมองเธอจากนอกรถ เขาไม่ลืมที่จะเพิ่มว่า "คุณก็เห็นแล้ว ว่าผลการทดสอบเป็นลบ คุณยังจะต้องการอะไรอีกล่ะ? มันจะไม่มีทางตรงกัน แม้ว่าคุณจะทำแบบทดสอบเป็นร้อยครั้งก็ตาม ผลตรวจมันก็จะออกมาตามเดิมอยู่ดี"

จินนี่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขาดูเขินอายเล็กน้อย "ออกัสติน นั่นคือพี่สาวของลูกนะ นั่นไม่ใช่วิธีที่ลูกควรคุยกับเธอเลย"

“เธอไม่ใช่พี่สาวของผม”

จินนี่จ้องมองเจนที่อยู่ในรถ ผู้หญิงคนนั้นไม่แม้แต่จะเงยหน้า เธอยุ่งอยู่กับการอ่านรายงานธุรกิจของเธอ

จู่ ๆ เธอก็รู้สึกละอาย และเสียใจในเวลาเดียวกัน

เหมือนกับว่าพวกเขาคิดว่าพวกเขาถือไพ่เหนือกว่า แต่ไพ่ใบนี้ไม่มีนัยสำคัญในสายตาของคนอื่น

จินนี่ดึงออกัสตินมาที่เบาะหลังข้าง ๆ เจนอย่างมีชั้นเชิง "มาทำความรู้จักกับพี่สาวของลูกหน่อย แม่จะไปนั่งข้างหน้า"

“ใครเขาอยากจะเข้าใกล้เธอบ้าง” เด็กคนนั้นยังคงแสดงท่าทีขัดขืนอยู่

จินนี่เหลือบมองเจนอย่างช้า ๆ แต่ก็ต้องผิดหวัง อีกฝ่ายไม่ได้ให้ความสนใจแม้แต่นิด เธอไม่ได้ใส่ใจและทำงานของเธอต่อแบบไม่แยแส

จินนี่หยิกแขนของออกัสตินเบา ๆ พร้อมเอ่ยเชิงติเตียน "เจ้าเด็กคนนี้หนิ"

สุดท้ายออกัสตินก็เข้าไปในรถโดยที่ไม่ค่อยเต็มใจนัก

ระหว่างทางจินนี่เห็นเจนถือรายงานหลายฉบับในมือจากกระจกมองหลัง ดวงตาของเธอกลอกไปมาอย่างช่ำชอง “เอ่อ…คุณหญิงสจ๊วต คุณยุ่งมาก ๆ หรอคะ?”

ไม่มีการตอบกลับ สำหรับคำถามของเธอ มีเพียงแค่ความเงียบเท่านั้น

จินนี่ไม่ยอมแพ้ และถามต่อไปว่า "เอ่อ ... รายงานของ ดันน์กรุ๊ป เยอะมากใช่ไหมคะ ที่บริษัทให้ผลลัพธ์ที่ดีขนาดนี้เลยหรือ?"

คิ้วที่เรียวบางสวยงามของวิเวียน เลิกขึ้น เธอเอ่ยกับจินนีว่า "เงียบ ๆ คุณหนูดันน์ไม่ชอบให้ใครมารบกวนเวลาเธอทำงานค่ะ"

สายตาของจินนี่ วิเวียนเหมือนกับมีอะไรซ่อนอยู่

ทันใดนั้นเธอก็นึกขำในใจ ‘ชายชราคนนั้นโจเซฟพูดถูก เจนเป็นลูกสาวที่ดื้อรั้นจริง ๆ '

เธอมองไปที่เจนด้วยความอิจฉาริษยาผ่านกระจกมองหลัง สิ่งเหล่านี้ควรจะเป็นของออกัสตินลูกชายสุดที่รักของเธอ

ไม่มีใครพูดอะไรเลยในระหว่างทาง สิ่งที่เหลืออยู่มีเพียงเสียงของการพลิกหน้ากระดาษจากการอ่านรายงานทางธุรกิจของเจน

วิเวียนรู้สึกเจ็บปวดแทนเจน "เรามาถึงแล้วค่ะ คุณหนูดันน์"

"หือ เรามาถึงกันแล้วหรือ?" หญิงสาวเงยหน้าของเธอที่ก้มยุ่งอยู่ในการทำงาน เมื่อเธอผลักประตูเพื่อลงจากรถ วิเวียนก็เห็นเธอวางรายงานที่ยังไม่เสร็จลงในกระเป๋าเป้ วิเวียนก็อดไม่ได้ที่จะปลอบเธอ

“คุณหนูดันน์ คุณทำงานอยู่ตลอดเวลา คุณยังมีเวลาเหลือเฟือที่จะทำ ในวันนี้เรามาทำแบบทดสอบกัน ดังนั้นฉันขอให้คุณหยุดพักงานสักวันได้ไหม?”

ถัดจากพวกเขาทั้งสอง จินนี่แอบฟังและพยายามคาดเดาเกี่ยวกับขนาดของทรัพย์สินทั้งหมดคร่าว ๆ ของ ดันน์ กรุ๊ป และผลประโยชน์ต่าง ๆ ในธุรกิจ

เจนนวดคิ้วตัวเองแล้วพูดว่า "ฉันโอเคน่า" หลังพูดจบเธอจึงผลักประตูให้เปิดออกและลงจากรถไป รายงานเหล่านี้มีความจำเป็นเร่งด่วน มิฉะนั้นเธอจะไม่ทนกับอาการเมารถโดยการอ่านรายงานเหล่านี้ในรถหรอก

พวกเขาไปที่อาคารหลักของโรงพยาบาลและเก็บตัวอย่างจากออกัสติน เวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ เมื่อเก็บตัวอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์กล่าวว่า "จะใช้เวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์จึงจะทราบผล"

จินนี่ถอนหายใจอย่างโล่งอก เธอเพิ่งลองเสี่ยงโชคในตอนแรก เธอพนันว่าการทดสอบการจับคู่แบบนี้จะต้องใช้เวลาสักระยะเพื่อให้ได้ผลลัพธ์

ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้ก็จะง่ายขึ้น

หลังจากที่กลับจากโรงพยาบาล จินนี่ก็บอกโจเซฟด้วยรายละเอียดที่เกินจริงอีกครั้งว่า "จะให้พูดก็พูดเถอะ เราเป็นครอบครัวกันไม่ใช่หรอ? แล้วดูการแสดงออกของเจนสิ เธอทำราวกับว่าพวกเราเป็นหัวขโมย"

การแสดงออกของโจเซฟแย่ลง "ผู้หญิงดื้อรั้นคนนี้ เธอกำลังต่อต้านฉัน" เด็กผู้หญิงที่ดื้อรั้นกำลังต่อต้านตัวเขาเองไม่ใช่จินนี่

จินนี่เริ่มทำให้สิ่งต่าง ๆ ราบรื่นขึ้นอีกครั้ง “อย่าเพิ่งคาดเดาอะไรเลยค่ะ เราคงโทษเจนไม่ได้จริง ๆ ออกัสตินเป็นน้องชายของเธอเพียงครึ่งหนึ่ง แต่ถ้ามีใครต้องโทษก็คงเป็นฉัน จินนี่คนนี้เพราะออกัสตินดันเกิดมาเป็นลูกชายของฉัน"

ตอนนี้โจเซฟรู้สึกหัวร้อนมากยิ่งขึ้น "แล้วออกัสตินไม่ใช่ลูกของฉันหรือไงกัน เพียงเพราะแม่ของเธอไม่ได้ให้กำเนิดเขาแค่นั้นหรอ?"

“เฮ้อ…ทั้งหมดที่ฉันหวังไว้ ก็แค่ทำให้แน่ใจว่าออกัสตินจะไม่ถูกเรียกว่าลูกนอกสมรส ถ้าเขาสามารถเข้าสู่วงศ์ตระกูลของดันน์ได้อย่างราบรื่นและถูกกฎหมาย คนอื่น ๆ ก็จะไม่หัวเราะเยาะเขาได้อีกต่อไป”

โจเซฟยกมือขึ้นและโอบที่เอวเล็ก ๆ ของจินนี่เพื่อให้เธอมั่นใจ "เธอไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการทดสอบการจับคู่นี่เลย"

ขณะเดียวกันจินนี่ก็ก้มหัวลง แสร้งทำเป็นว่าเสียใจ

“คุณเสียใจอะไรหรอ?” โจเซฟเอ่ยถาม

“ฉันแค่คิดว่าฉันมันเห็นแก่ตัวจริง ๆ” น้ำตาคลอในดวงตาของจินนี่ ขณะที่เธอมองไปที่โจเซฟอย่างรู้สึกผิด “เจสันก็เป็นลูกชายของคุณเช่นกัน จะเป็นอย่างไรถ้าออกัสตินสามารถช่วยเจสันได้ แต่เพราะความเห็นแก่ตัวของฉันเอง…”

"ไม่เอาน่า”

“ผู้หญิงดื้อรั้นคนนั้น บริจาคไขกระดูกให้เจสันไม่ได้หรอคะ?

“เจสันเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของเธอเองนะ”

โจเซฟโมโหและอารมณ์เสีย "ลืมเรื่องนี้ไปได้เลย อย่ากังวลกับเรื่องนี้ไปเลย ถ้าเด็กสาวผู้ดื้อรั้นคนนั้นปฏิเสธที่จะช่วยพี่ชายของเธอ เธอก็รอให้พวกบุคคลสำคัญทั้งหมดในเมืองเอสนี้วิพากษ์วิจารณ์เธอได้เลย"

เขาไม่ค่อยได้ใกล้ชิดเก็บเด็กสาวที่ดื้อรั้นคนนั้นมากนัก เมือตอนที่คุณปู่ของพวกเขายังมีชีวิตอยู่ คุณปู่มักจะเปรียบเทียบพวกเขาทั้งสองอยู่ตลอดเวลา

เมื่อเปรียบเทียบกับลูกสาวของเขา เขาซึ่งเป็นชายวัยกลางคนไม่สามารถยกหน้าชูตาได้เท่าลูกสาวของเขาเลย

เจสันลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเขาถูกแม่ของเขาตามใจมาตั้งแต่เขายังเด็ก และมันทำให้เขามีความสามารถที่จำกัดมาก เขาไม่สามารถมอบความไว้วางใจให้เจสัน เพื่อที่จะมาดูแล ดันน์ กรุ๊ปได้เลย

ตรงกันข้ามออกัสตินเติบโตภายใต้การเฝ้าระวังดูแลของเขา ลูกชายคนนี้ค่อนข้างเด็ดเดี่ยวและมีอารมณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ ตาแก่คนนี้มีลูกชายและลูกสาวที่บ้าน หนึ่งในพวกเขาเติบโตมาพร้อมกับการเลี้ยงดูจากแม่ ในขณะที่อีกคนหนึ่งโตมากับการเลี้ยงดูจากคุณปู่ มีเพียงลูกชายสุดที่รักของจินนี่เท่านั้นที่เติบโตมาเคียงข้างตาแก่โจเซฟคนนี้

โจเซฟตบไหล่จินนี่ "ทำซุปดี ๆ ให้ออกัสติน ลูกกำลังจะเข้าสู่วัยรุ่น ฉันจะไปจัดการบางอย่างเสียหน่อย"

เขาลุกขึ้นยืน และก้าวขาเดินไปที่ระเบียง

จินนี่พยักหน้าตอบ แล้วเดินไปที่ห้องครัว แต่เธอแอบมองตาแก่โจเซฟที่อยู่ที่ระเบียง โจเซฟกำลังคุยโทรศัพท์กับใครบางคนอยู่

ฌอนหายไปหลายวันแล้ว

เจนรู้ว่าผู้ชายคนนั้นไปทำธุระเรื่องงาน

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาต้องไปทำธุระเรื่องงาน แต่ผู้ชายคนนั้นจะโทรหาเธอตลอด ๆ ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน หรือว่ายุ่งมากแค่ไหนก็ตาม เขาจะหาเวลาที่เหมาะสมและโทรหาเธอให้ไปทานข้าวด้วยกันตลอด

ทุกครั้งที่คน ๆ นั้นไปทำธุระ เขามักจะทำหน้าดุ ๆ แล้วบอกเธอเสมอว่า "ถ้าคุณไม่รับสาย ฉันจะทิ้งทุกอย่าง และขึ้นเครื่องบินกลับมาหาคุณให้เร็วที่สุด ไม่ว่าฉันจะอยู่ที่ไหนก็ตาม"

เป็นเพราะคำพูดของเขา มันจึงทำให้เจนรับสายของเขาตลอด ทุกสาย

ไม่ใช่ทุกสายสิ หมายถึงเกือบจะทุกสาย

มีอยู่ครั้งหนึ่งที่โทรศัพท์ของเธอแบตเตอรี่หมด ชายคนนั้นบินกลับมาหาเธอในช่วงเวลาตีสาม มันทำให้เธอแปลกประหลาดใจมาก ๆ

เธอผงะทันทีที่ประตูเปิดออก

ชายคนนั้นยืนอยู่ที่หน้าประตู จากนั้นเขาก็ดึงเธอเข้าไปในอ้อมแขนของเขาโดยไม่พูดอะไรเลย

เจนพูดกับตัวเองว่า ‘ใช่แล้ว ฉันควรจะเกลียดเขา ฉันจะไม่ร้องไห้ ไม่ ฉันจะไม่ร้องไห้ '

ผู้หญิงที่กำลังพึมพำอยู่กับตัวเองคนนี้ เธอไม่สามารถหยุดน้ำตาของเธอได้ "นี่มันอะไรกัน?" เธอยกมือขึ้นเช็ดความเปียกชื้นออกจากใบหน้าของตัวเอง เธอเงยหน้าขึ้นอย่างว่างเปล่าและมองไปที่วิเวียนที่กำลังตื่นตระหนกอยู่

เจนพูดขึ้น "ฉันมีความสุขมาก ฉันไม่ได้รักคน ๆ นั้นอีกแล้ว คน ๆ นั้นไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับฉันเลย ตอนนี้ฉันมีความสุขมาก ฉันกำลังจะตายด้วยความสุขที่เอ่อล้นนี้แล้วนะ"

เธอยิ้ม มันยากมากที่ปากของเธอจะยิ้ม เธอโค้งปากขึ้นด้วยความพยายามอย่างยิ่ง แต่ทำไมมุมปากของเธอถึงรู้สึกหนักมากขนาดนี้? มันรู้สึกราวกับว่ามีน้ำหนักมากมหาศาลถ่วงรั้งริมฝีปากของเธอเอาไว้

"ดู ดู ดูฉันซิ วิเวียน ดูฉันยิ้ม ฉันยิ้ม ฉันมีความสุข ฉันมีความสุขมากจริง ๆ "

วิเวียนไม่สามารถทนต่อไปได้อีกแล้ว เธอจ้องมองผู้หญิงตรงหน้าที่พยายามจะฝืนยิ้ม ทั้ง ๆ ที่น้ำตาไหลอาบทั้งสองแก้มของเธอ

"พอแล้วอย่ายิ้มอีก อย่ายิ้ม ถ้ามันฝืน!" วิเวียนโน้มตัวไปหาเธอ "อย่าฝืนยิ้มอีก ร้องไห้ได้เลย ถ้าคุณเศร้า"

"ฉันไม่ได้เศร้า ฉันมีความสุข ฉันหยุดมีความสุขไม่ได้ ฉันยิ้มอยู่ เธอไม่เห็นหรอ? ฉันยิ้ม ทำไมฉันจะต้องเศร้าด้วยหรอ? ฉันกำลังยิ้มอย่างมความสุข"

"โอเค โอเค คุณกำลังยิ้มอย่างมีความสุข" เธอรู้สึกว่าผู้หญิงในอ้อมแขนของเธอนั้น บอบบางเกินไป บอบบางจนเธอไม่กล้าที่จะเปิดโปงคำโกหกแบบนั้นที่เธอพยายามแสดงมันออกมา

การได้เห็นเจนแสดงออกแบบนั้น มันทำให้หัวใจของเธอแตกสลายครั้งแล้วครั้งเล่า

“ดอสบอกว่า ... ” หญิงสาวสำลักด้วยเสียงสะอื้น

"เขาพูดว่าอะไร?" วิเวียนถามอย่างระมัดระวัง เพราะกลัวว่าจะไปกระทบกระเทือนจิตใจของผู้หญิงในอ้อมแขนของเธอในขณะนี้

"บะ – บอกว่า เขากำลังจะตาย" จู่ ๆ เสียงก็เงียบไป

วิเวียนเอ่ยถามพร้อมด้วยสีหน้าของเธอที่เปลี่ยนไป ... มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยหรอ?

มันร้ายแรงมากถึงขนาดที่ดอสอธิบายว่า "เขากำลังจะตายเลยหรือ?”

ในเวลาเดียวกันนี้ โทรศัพท์ของวิเวียนก็ดังขึ้น

มันเป็นสายจากดอส เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแต่ยังไม่ได้กดปุ่มรับสาย

หญิงสาวในอ้อมแขนของเธอสะดุ้งทันที "นั่นใคร โทรมา?" เธอถามอย่างเร่งรีบ

"... " วิเวียนเงียบ พยายามไม่อยากจะบอก แต่ในที่สุดเธอก็พูดออกมาว่า “ดอส”

“เร็วสิ รับรับสายของเขา!” เจนที่สงบสติอารมณ์มาตลอด ตะโกนใส่วิเวียนอย่างสิ้นหวัง

"โอเค ไม่ต้องห่วงน่า ฉันกำลังจะรับ" เธอรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติกับเจนในตอนนี้ เธอกลัวการกดปุ่มรับสายครั้งนี้

เธอรับโทรศัพท์ และดอสก็พูดสั้น ๆ ก่อนจะวางสายไป

"เขาพูดว่าอะไรบ้าง!" ผู้หญิงในอ้อมแขนถามอย่างเร่งด่วนด้วยดวงตาที่แดงก่ำ

วิเวียนมองไปที่เจนที่อยู่ในอ้อมแขนของเธอด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม มีร่องรอยของความเจ็บปวดที่ไม่สามารถปิดบังได้ในดวงตาของเธอ อย่างไรก็ตามภายใต้การจ้องมองอย่างกระตือรือร้นของเจน วิเวียนก็สงบลง และกล่าวว่า "ดอสฝากข้อความไว้ว่า คุณหญิงสจ๊วตต้องไปอิตาลีด่วนค่ะ"

"ฉัน…"

วิเวียนพูดต่อโดยไม่เปิดโอกาสให้เจนได้พูด

“คุณชายเซียร์ร่าจะเตรียมวีซ่า หนังสือเดินทาง และเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวให้กับคุณ จะมีคนมารับคุณในไม่ช้า

“ดอสบอกว่าคุณต้องรีบเก็บกระเป๋าเดินทางอย่างเร่งด่วน แตว่า..."

เธอไม่สามารถพูดมันออกมาได้ในทันที แต่อย่างไรก็ตามเธอกัดฟันและพูดต่ออีกว่า "จะดีที่สุด ที่คุณจะเตรียมชุดสีดำล้วนที่ดูเคร่งขรึมและสง่างาม มีหลายเรื่องที่ต้องจัดการในต่างประเทศ คุณอาจไม่มีเวลามากพอที่จะซื้อมัน"

ร่างกายของเจนสั่นอย่างรุนแรง เหมือนหุ่นเชิดเธอค่อย ๆ ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาของตัวเอง

"ฉันจะรีบไปเก็บของ"

เธอหันกลับด้วยความงุนงง วิเวียนจ้องมองไปที่ด้านหลังของร่างที่ยืนเงอะงะงุนงง และเธอก็ทนไม่ไหวในที่สุด เธอตะโกนใส่ร่างนั้น "เฮ้! ถ้าคุณอยากร้องไห้ก็ปล่อยมันออกมาให้หมด!"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงเสน่หา คุณชาย อันตราย