ตอน บทที่ 271 คนโง่หัวเราะอย่างโง่เขลา จาก บ่วงเสน่หา คุณชาย อันตราย – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 271 คนโง่หัวเราะอย่างโง่เขลา คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายRomance บ่วงเสน่หา คุณชาย อันตราย ที่เขียนโดย ฉี แม่น้ำสายเก่า เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ฌอนกลับมาที่เมืองเอสหลังจากที่อาการของเขานั้นดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม…
เมื่อเธอมองไปที่นิ้วที่กำเสื้อของเธอแน่น เจนก็ไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรดี
เธอมองไปที่ดวงตาของเขาที่ดูระแวดระวังราวกับเด็ก ๆ ทันใดนั้นทุกอย่างก็เปลี่ยนไป
ไม่ค่อยมีใครรู้เรื่องนี้นอกจากเอลิออร์ เรย์ และบอดี้การ์ดที่ทำงานให้ฌอนมาตั้งแต่เขายังเด็ก
อูโน่ ดอส จะไม่มีข้อมูลใด ๆ รั่วไหลออกไปแน่ ๆ
แน่นอนว่าเอลิออร์และเรย์ก็คงไม่ทำเช่นนั้นด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตามบุคคลนี้ได้เปลี่ยนไป
ตอนที่เขาอยู่ในอิตาลีเป็นเรื่องปกติ แต่ตอนนี้เขากลับมาที่เมืองเอสนี้แล้ว มันยากกว่าสำหรับพวกเขาที่จะเก็บเรื่องนี้ไว้ได้
พวกเขาไม่สามารถคิดวิธีแก้ปัญหานี้ได้ในขณะนี้
เอลิออร์พูดขึ้นอย่างมีเหตุผล “สิ่งเดียวที่เราทำได้ในตอนนี้ ก็คือให้ฌอนมี ‘วันหยุดพักร้อน’”
เรย์พยักหน้ารัว ๆ “นั่นเป็นสิ่งเดียวที่เราทำได้ในตอนนี้ หวังว่าฌอนจะดีขึ้นเร็ว ๆ นี้”
แม้จะพูดอย่างนั้น แต่ทุกคนก็รู้ดีว่ามันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
“เราไม่สามารถบอกให้คนนอกรู้เกี่ยวกับสภาพที่แท้จริงของฌอนในตอนนี้ได้” เอลิออร์เงียบไปพักหนึ่ง “อย่าลืมว่ามีไมเคิลอยู่ในครอบครัวสจ๊วต คุณปู่สจ๊วต และไมเคิลไม่ใช่คนโง่เขลา พวกเขาจะไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไปได้แน่
“ในตอนนี้ที่เราทำได้ดีที่สุดก็คือ เราจะต้องพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อถ่วงเวลาให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้”
“โอเค ถ้าอย่างนั้นเอาตามนี้ไปปก่อน ฉันจำได้ว่าฌอนมีคฤหาสน์ส่วนตัวในเกาะชงหมิง
“สถานที่แห่งนั้นอยู่ในชนบท และมีผู้คนไม่มากนัก เราไม่ต้องกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว วิวก็น่าทึ่งด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงเป็นสถานที่ที่ดีเยี่ยมสำหรับ "วันหยุดพักผ่อน" "
อันที่จริงนั่นเป็นสิ่งเดียวที่พวกเขาทำได้ในตอนนี้
แม้แต่เจนก็ไม่สามารถคิดแผนการที่ดีกว่านี้ได้
“เราต้องหาคนมาดูแล บริษัทสจ๊วตอุตสาหกรรม ในช่วงที่ฌอนไม่อยู่”
นี่เป็นอีกคำถาม ที่ต้องการการหาคำตอบและทางออก
เรย์ดีดนิ้วเสียงดัง "ง่าย ๆ เลย เราจะตกลงให้ฌอนเข้าร่วมการประชุมนัดหมายครั้งต่อไป คุณและฉันเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเขา และเราก็อยู่เคียงข้างเขามานานแล้วเช่นกัน เมื่อถึงเวลานั้นจะไม่มีใครสงสัยเรา หากเรารับหน้าที่ดูแล บริษัทสจ๊วตอุตสาหกรรม ชั่วคราว เราก็เคยทำมาก่อนบ้างแล้ว คงไม่ยากมาก”
เมื่อพวกเขาพูดอย่างนั้นพวกเขาก็มองไปที่เจน
เจนใช้นิ้วแตะจมูกของตัวเองด้วยท่าทางงุนงง ทำไมพวกเขาถึงมองเธอ?
“อย่างไรก็ตาม คุณต้องร่วมมือกับเราในแผนทั้งหมดนี้ คุณหญิงสจ๊วต” เรย์กล่าวอย่างจริงจัง เขาจงใจพูดเกินจริงทั้งสองคำที่เรียนกเจนว่าคุณหญิงของสจ๊วต
สมองของเจนสับสน เธอพยักหน้าโดยไม่ทันคิด
ยังคงเป็นเรื่องยากสำหรับเธอที่จะยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ได้
เนื่องจากพวกเขาทั้งสองคนได้ตัดสินใจแล้ว เรย์และเอลิออร์จะจัดการทุกอย่าง
เมื่อพวกเขากลับมาที่เมืองเอสจากอิตาลี พวกเขาไม่อยากเสียเวลานานเกินไป เนื่องจากฌอนอยู่ในอิตาลีนานมากแล้ว และคุณปู่สจ๊วตก็เริ่มสงสัยแล้ว เมื่อตอนที่ฌอนกลับมาถึงเมืองเอสนี้ คุณปู่ของเขาก็ขอให้คนมาที่คฤหาสน์ของฌอนเพื่อส่งข้อความว่า “ปู่คิดถึงหลาน มาหาปู่บ้าง”
บนชั้นสองของคฤหาสน์สจ๊วต มีชายคนหนึ่งยืนอยู่หลังราวบันได เขาพูดด้วยสีหน้าเย็นชา“กลับไปบอกคุณปู่ว่าฉันไม่ว่าง บอกให้เขาดูแลตัวเองให้ดี ๆ ด้วย”
ผู้ที่มาเยือนไม่ได้รับคำตอบที่ต้องการ เขามองไปที่ชายที่อยู่หลังราวบันไดและจากไปอย่างสุขุม
เมื่อบุคคลนั้นจากไป การแสดงออกของชายหลังราวบันไดก็เปลี่ยนไป เขาหันกลับมาและขอคำชมทันที
“พี่สาว ผลงานของผมเป็นอย่างไรบ้าง?”
เจนยืนอยู่ข้างหลังเขาเงียบ ๆ
“ดี…” เธอเอ่ยปากชม ตอนนี้เธอเกือบจะคิดว่าการความจำเสื่อมของเขานั้นเป็นของปลอมมันเป็นแค่การแสดง เธอเกือบจะคิดว่าเขาแค่แกล้งทำทุกอย่างทั้งหมด
ถ้าออร่าเย็นชา และน้ำเสียงเย็นชานั้นไม่ใช่ของฌอนแล้วจะมีใครอีกล่ะ?
อย่างไรก็ตามความสงสัยของเธออยู่ได้ไม่นาน มันก็ถูกทำลายโดยผู้ชายที่ต้องการได้รับคำชมจากเธอในทันที
ถ้าฌอนมีสติจริง ๆ เขาจะกลายเป็นคนที่ยอมรับความพ่ายแพ้ได้ง่ายขนาดนี้ได้อย่างไร?
การแสดงออกของเขาในตอนที่เขาจ้องมองเธอ เพื่อที่จะพยายามขอเครดิตคำชมสำหรับความสำเร็จและผลงานของเขา…เจนคิดได้ว่า ถ้าผู้ชายตรงหน้าเธอมีสติจริง ๆ เขาคงไม่กล้าทำหน้าหรือท่าทางแบบนี้แน่ ๆ
ฌอน สจ๊วต ผู้หยิ่งผยองคนนั้น
ฌอน สจ๊วต ที่เย็นชา
ฌอน สจ๊วต ที่ไม่แยแสสิ่งต่าง ๆ รอบตัว
ฌอน สจ๊วต ผู้โหดร้าย
อย่างไรก็ตามไม่มี ฌอน สจ๊วต ตัวน้อยที่น่าสังเวชคนใดจะยอมรับความพ่ายแพ้ และประจบประแจงเธอเพื่อขอคำชมเชยหรอก
เธอพูดไม่ออก
เธอไม่ได้สังเกตว่าเธอพยายามอย่างยิ่งที่จะปกปิดความผิดหวังและความอ้างว้างในใจของเธอ
“ผมทำได้ไม่ดีหรอ?” มือนั้นเอื้อมไปคว้าเสื้อของเธออีกครั้ง เจนตกใจมาก เธอกลับมามีสติสัมปชัญญะอีกครั้ง หลังจากที่เหม่อลอยไปชั่วขณะ
“คุณทำได้ดีมาก”
ดวงตาของบุคคลนั้นเบิกกว้างขึ้นด้วยความดีใจ เขายื่นศีรษะเข้าไปใกล้เธอมากขึ้น
"... คุณกำลังทำอะไร?" เจนถึงกับผงะเมื่อเธอเห็นเขายื่นหน้าเข้ามาใกล้
"รางวัลครับ คุณพี่เอลิออร์บอกว่าถ้าผมทำได้ดี พี่สาวจะตอบแทนผมอย่างดี” ชายคนนั้นเอียงศีรษะไปข้าง ๆ และแสดงใบหน้าให้เธอเห็นถึงความปรารถนาในดวงตาของเขา
“ ... ” เธออ้าปากค้าง และมีความรู้สึกผิดหวังในใจ 'จริง ๆ หรอ? เขาลืมทุกอย่างไปจริง ๆ หรอ? ’
“ไม่มีรางวัลหรอครับ?” ผู้ชายคนนั้นน้ำตาเอ่อคลอ
เจนกัดที่ริมฝีปากของเธอ “ มีสิ คุณทำได้ดีมากฌอน” เธอเอื้อมมือออกไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่เธอเองก็ไม่สามารถอธิบายได้ จากนั้นเธอก็ลูบหัวเขาเบา ๆ
ในวินาทีต่อมา เธอรู้สึกถึงน้ำหนักที่ไหล่ของเธอ เธอตกใจมากเมื่อมองไปที่ชายที่วางศีรษะบนไหล่ของเธอ เธอสามารถมองเห็นความยินดีและความพึงพอใจบนใบหน้าของเขาอย่างคลุมเครือ
ความสุขล้วน ๆ
‘คุณ…จำอะไรไม่ได้จริง ๆ หรอ?’
คำถามนั้นติดอยู่ในลำคอของเธอ ในท้ายที่สุดเธอก็ไม่ได้ถามนั้นออกมาดัง ๆ
เอลิออร์เดินมาจากด้านหลัง “ ทุกอย่างพร้อมแล้ว ตอนนี้เรากำลังจะพาฌอนไป”
รถคันหนึ่งขับออกจากคฤหาสน์สจ๊วต และขับไปบนเส้นทางหลัก กำลังมุ่งหน้าไปยังเกาะชงหมิง
การเดินทางเป็นไปอย่างเงียบ ๆ รถกำลังขับอย่างราบรื่นบนถนนทางหลวง เจนหันหน้าไปมองผู้ชายที่กำลังหลับสนิทบนไหล่ของเธอ
เธอจำอดีตของเธอได้ เธอจำสิ่งที่ดีและไม่ดี เธอจำทุกอย่างที่เกิดขึ้นก่อนและหลังถูกจองจำในเรือนจำ
ในความทรงจำของเธอ ผู้ชายคนนี้มีส่วนร่วมในความทรงจำนั้นเกือบทั้งหมด ชายคนนี้ปรากฏตัวในหลาย ๆ เหตุการณ์
อย่างไรก็ตามไม่ว่าสิ่งนั้นจะดีหรือไม่ดี จะก่อนหรือหลังจากที่เธอถูกจองจำ เธอเป็นคนเดียวที่จำเรื่องราวพวกนั้นได้ คนที่อยู่ในช่วงเวลาส่วนใหญ่ในชีวิตของเธอไม่สามารถจำอะไรได้อีกแล้ว
มือของเธอที่วางอยู่บนเข่าของเธอถูกกำแน่นเป็นหมัดโดยที่เธอไม่รู้ตัว เธอกำมันแน่นจนเล็บของเธอแทบจะสร้างรอยเสี้ยวบนฝ่ามือของเธอ
อากาศเริ่มรู้สึกหนักอึ้งสำหรับเธอ เธอหันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง เธอมองดูทิวทัศน์ที่กำลังเคลื่อนถอยหลังออกไปนอกหน้าต่าง เธอรู้สึกว่าหัวใจของเธอแตกสลาย
เขาจำมันไม่ได้เลย
ความรัก และความเกลียดชัง สิ่งที่พัวพัน และความเจ็บปวด ... พวกมันทั้งหมดกลายเป็นสิ่งที่เธอต้องแบกรับคนเดียว
มือที่กำแน่นเป็นหมัดบนหัวเข่าของเธอเริ่มสั่นอย่างช้า ๆ ราวกับว่าพวกมันกำลังซ่อนอะไรบางอย่างอยู่
รถออกจากทางด่วน และเข้าสู่ชนบท มันเงียบสงบมากขึ้นเรื่อย ๆ
พวกเขาออกจากทางหลวง สู่ถนนที่มีต้นไม้สองข้างทางสูงมาก ๆ
หลังจากขับรถมาเป็นเวลา 40 นาที และในที่สุดพวกเขาก็เห็นบ้านหลังเล็ก ๆ ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางต้นไม้ในระยะไกล ๆ
"เรามาถึงกันแล้ว"
พวกเขาบางคนลงจากรถ ชายคนนั้นกำลังหลับอุตุบนใล่ของเจน เอลิออร์ก้มลงและดึงฌอนออกจากไหล่ของเจน จากนั้นเขาพยุงแขนของชายคนนั้นกับเรย์ที่อยู่อีกด้านหนึ่ง ก่อนที่ทั้งสามคนจะเดินเข้าไปในคฤหาสน์ทั้ง ๆ แบบนั้น
เรย์ได้เตรียมการทั้งหมดไว้แล้ว
ดอสและเทรสมาถึงก่อนหน้าพวกเขาแล้ว
และในที่สุดชายคนนั้นก็อยู่ในคฤหาสน์ที่เงียบสงบแห่งนี้
หลังจากเตรียมการทุกอย่างที่จำเป็นแล้ว พวกเขาก็สั่งให้ดอสและเทรสอยู่ดูแลฌอน
ในขณะเดียวกัน เจน เอลิออร์ และเรย์ ก็รีบกลับไปที่เมืองเอส
เอลิออร์และเรย์ยังมีธุรกิจที่ยังทำไม่เสร็จอีกมากมาย
ต้องมีคนอยู่ดูแล บริษัทสจ๊วตอุตสาหกรรม ในเมืองเอส ถ้าไม่เช่นนั้นจะมีคนสงสัย
ทุกคนเข้าใจว่าฌอนอยู่ในช่วง ‘วันหยุดพักผ่อน’ เท่านั้น
เจนยังคงต้องดูแล ดันน์ กรุ๊ป ของเธอ
ไม่ใช่แค่ ดันน์ กรุ๊ป เท่านั้น แต่เธอยังต้องดูแลตระกูลดันน์ อีกด้วย
ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น
ดอสโทรหาไม่นานหลังจากนั้น และเล่าว่าบุคคลนั้นกำลังอารมณ์ฉุนเฉียว หลังจากที่เขาตื่นขึ้นมาและไม่พบเจน เขาบอกว่าเขาต้องการอยู่กับพี่สาวของเขา
เขา และเทรส ใช้เวลาและพลังงานอย่างมาก เพื่อทำให้เขาสงบลงในที่สุด
ดอสไม่ได้พูดหรือเล่าอะไรเกี่ยวกับวิธีการที่พวกเขาทำห้ายคนนั้นสงบลงได้
อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญคือคน ๆ นั้นหยุดแสดงอารมณ์ฉุนเฉียว เขาเพียงแค่นั่งเงียบ ๆ ในคฤหาสน์ในเกาะชงหมิงนั้น
เจนนั้นงานยุ่งมาก ๆ
ตอนที่เธออยู่ในอิตาลี จินนี่ได้มาตามหาเธอ วิเวียนพาเธอออกไปด้วยข้ออ้างว่าเจนกำลังเดินทางไปทำธุรกิจที่ต่างประเทศ
อย่างไรก็ตามเมื่อเจนกลับมาจินนี่ก็ออกมาตามหาเธออีกครั้ง
“คุณหญิงสจ๊วต ที่โรงพยาบาลโทรมาแจ้งว่าผลออกแล้ว” จินนี่พูดอย่างระมัดระวัง “ฉันรอให้คุณไปโรงพยาบาลเพื่อรับผลตรวจด้วยกันค่ะ
“คุณเดินทางไปทำธุรกิจที่ต่างประเทศ และฉันไม่กล้าที่จะไปที่โรงพยาบาลเพื่อรับผลตรวจด้วยตัวเองคนเดียว เราไปรับผลตรวจด้วยกันเถอะค่ะ ฉันก็ไม่รู้ว่าผลลัพธ์มันจะเป็นอย่างไร”
จินนี่พยายามที่จะอธิบาย
เจนยกแขนขึ้นมองนาฬิกา เธอโทรออก “วิเวียนเตรียมรถให้พร้อม”
เธอไม่สามารถเสียเวลาได้มากนัก สำหรับเรื่องนี้
เมื่อพวกเขาอยู่ในโรงพยาบาลแล้ว พวกเขาก็เห็นว่าคุณหญิงดันน์อยู่ที่นี่ด้วย เจสันยืนอยู่ที่นั่นด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว
เจนมองพวกเขาจากระยะไกล เธอรู้สึกได้ถึงหัวใจของเธอที่ตึงเครียดมาก
เจสันผอมลงไปเยอะมาก
เธอหลีกเลี่ยงการจ้องมองอย่างไร้ร่องรอย และมองไปที่มาคุณหญิงดันน์แทน “คุณก็อยู่ที่นี่ด้วยหรือ คุณหญิงดันน์?”
"เจน" คุณหญิงดันน์ดูแก่ และโทรมมากขึ้น เส้นตีนกาที่ปลายหางตาของเธอนั้นมันชัดเจนมากขึ้นในตอนนี้
เจนมองไปรอบ ๆ เธอ และไม่เห็นคนที่ควรจะอยู่ที่นี่ “เป็นอะไรไป? คุณชายดันน์ไม่ได้มาด้วยในโอกาสสำคัญเช่นนี้หรือ?”
โจเซฟไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย
เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับลูกชายทั้งสองคนของเขา แต่ในฐานะพ่อของพวกเขาโจเซฟกลับไม่อยู่ที่นี่ด้วย
มีแววตาของความประชดประชันแสดงออกไปทั่วดวงตาของเจน
การแสดงออกของจินนี่ดูกระอักกระอ่วน “โจเซฟป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ เขาพักผ่อนอยู่ที่บ้าน เขาจึงไม่ได้อยู่ที่นี่”
มันจะเป็นการดีกว่าถ้าเธอไม่ได้พูดอะไร หลังจากที่เธอเปิดปากพูดออกมานั้น คุรหญิงดันน์ก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป “โจเซฟ โอ้โจเซฟ สนิทสนมกันมากเพียงใดนะ ในท้ายที่สุด เธอก็เป็นแค่คนขี้เกียจที่ล่อลวงผู้ชายมาปลอกลอก”
จินนี่ก้มหน้าลง “คุณหญิงดันน์ เราอยู่ในที่สาธารณะนะคะ” เธอพยายามอย่างยิ่งที่จะควบคุมตัวเอง เธอกำหมัดแน่น
“แล้วยังไง? หากสัตว์สองตัวกล้าที่จะเป็นชู้กัน กล้าสามารถทำอะไรที่ไร้ยางอายได้ ทำไมเราถึงพูดถึงเรื่องนี้ไม่ได้งั้นเหรอ?”
คุณหญิงดันน์ดูถูกผู้หญิงตรงหน้า เธอปฏิเสธที่จะแสดงความเมตตาต่อคนที่ทำผิด เมื่อความยุติธรรมอยู่เคียงข้างเธอ
เจนกดริมฝีปากเข้าหากัน “คุณหญิงดันน์ คุณโดโนวาน ไปรับผลการตรวจกันเถอะ” เธอจะไม่เข้าไปแทรกแซงการต่อสู้ระหว่างสองคนนี้ นอกจากนี้เธอยังไม่มีเวลาอยู่ที่นี่นานนัก
เจนรู้สึกเหนื่อย เมื่อเร็ว ๆ นี้เธอรู้สึกเหนื่อยมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเดินทางกลับมาจากอิตาลี เจนขยับตัวไปข้างหนึ่งแล้วเอนหลังพิงกำแพง
หลังจากผลการตรวจออกมาคุณหญิงดันน์ก็รีบคว้ามันไป หลังจากที่เธอมองดูแล้วเธอก็พลิกรายงานผลตรวจนั้นราวกับว่าเธอไม่เชื่อ
เจสันถามอย่างกังวล “คุณแม่อันนี้มันแมทช์กันไหม? ใช่ไหมครับ?"
ความวิตกกังวลของเขาสามารถมองเห็นได้ แม้ว่าเขาจะไม่พูดออกมาดัง ๆ ก็ตาม
ใบหน้าของคุณหญิงดันน์ถอดสี เจสันคว้ามันไปดู พอได้แล้วเขาก็รีบอ่าน เมื่อเขาเห็นผลการตรวจนั้น เขาเดินโซเซไปข้างหลัง และทรุดตัวลงบนเก้าอี้ที่พิงกำแพง “นี่มันเป็นไปได้อย่างไร…”
“ฉันไม่เชื่อเรื่องนี้ ฉันไม่เชื่อเรื่องนี้”
เจนเอื้อมมือไปรับผลตรวจมาดู
หลังจากที่เธออ่านมันเธอก็ขมวดคิ้ว ‘ยังคงไม่ใช่หรอ?’
มันยังไม่สำเร็จ
เธอมองไปที่เจสันที่ไร้ชีวิตชีวา เธออยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายเธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป
ราวกับว่าเจสันนึกถึงอะไรบางอย่างได้ เขาจับมือเจนแน่น
“เจน น้องเป็นคนเดียวที่ช่วยพี่ได้ในตอนนี้!”
เขาฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เธอ
มือของเจนรู้สึกหนักอึ้ง
"ไปกันเถอะ"
“เจน น้องจะต้องช่วยพี่นะ”เจสันจับมือเจน เขาจับมือเธอแน่นขึ้น และแน่นขึ้น เขามองไปที่เจนอย่างมีความหวัง "ใช่ไหม?"
เธอรู้สึกว่าหัวใจของเธอหนักอึ้งขึ้นเรื่อย ๆ เธอไม่ได้พยายามที่จะเอามือของพี่ชายที่อยู่ข้างเธอออก เธอมองเขาอย่างหนักอึ้งเพียงเท่านั้น หลังจากนั้นไม่นานเธอก็เปิดปากของเธอภายใต้สายตาที่ไม่สบายใจของเจสัน
“คุณต้องการคนไร้ประโยชน์ที่มีไตข้างเดียวเพื่อช่วยชีวิตคุณอย่างนั้นหรอ? แล้วฉันล่ะ?”
สิ่งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งอื่น เธอไม่ได้มีแรงจูงใจแอบแฝง เธอแค่อยากรู้ว่าพี่ชายแท้ ๆ ของเธอที่เธอเติบโตมาด้วยกัน จะให้เธอเป็นแบบไหน
เธอแค่อยากรู้คำตอบสำหรับคำถามนี้ เธอแค่อยากรู้คำตอบของพี่ชายของเธอ เจสัน ดันน์
“มันจะไม่เป็นไรหรอก คุณจะสบายดี เจนคุณเข้มแข็งมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว” เจสันพูดทันที “เห็นไหม คุณฆ่าคนโดยไม่ได้ตั้งใจ และคุณถูกขังไว้ถึงสามปี ตอนนี้คุณออกมาได้แล้ว คุณก็ยังสบายดีอยู่ใช่ไหมล่ะ?
“เจน คุณโชคดีมาตั้งแต่เด็ก คุณจะสบายดี นอกจากนี้ คุณยังใช้ชีวิตได้ดีกับไตข้างเดียวมาตลอดไม่ใช่หรือ?”
สีหน้าของวิเวียนเปลี่ยนไป “เจสัน นี่คือสิ่งที่คน ๆ หนึ่งควรพูดใช่ไหม?”
เธอเป็นคนช่างสังเกต เธอจึงจับได้ว่าเจนกำลังสั่นไปทั้งตัว "คุณหนู ดันน์…”
ก่อนที่เธอจะทันได้พูดจนจบ เจนก๊ยกมือขึ้นเพื่อหยุดเธอ เธอพูดอย่างหนักแน่นว่า “หยุดพูด”
เธอเงยหน้าขึ้นช้า ๆ และมองไปที่เจสัน เขารู้สึกถึงความแปลกใหม่กับเจน เจนนั้นดูซับซ้อนเหลือเกิน ภายใต้สายตาที่จับจ้องของเจสัน เจนเอื้อมมือออกไปแล้วค่อย ๆ แกะนิ้วมือของเจสันที่จับเธอแน่นออก
"คุณชายเจสัน โปรดดูแลตัวเองให้ดี สวรรค์จะช่วยเหลือเฉพาะคนที่คู่ควรเท่านั้น”
น้ำเสียงของเธอสงบ และไม่มีอารมณ์ใด ๆ ในคำพูดของเธอ เธอเอื้อมมือไปจับแขนของวิเวียนเบา ๆ เธอเอนตัวไปใกล้หูวิเวียน ก่อนจะพูดอย่างเหนื่อยใจว่า “ช่วยพาฉันลงไปที”
หากการได้ยินของวิเวียนไม่ดีเธอคงคิดว่าเจนไม่ได้พูดอะไร เพราะน้ำเสียงของเธอนั้นมันเบามาก ๆ
“เจน…” ด้านหลังเธอเสียงโอดครวญของคุณหญิงดันน์ดังขึ้น
วิเวียนหันกลับ และจ้องมองไปที่แม่ลูกคู่นั้นอย่างรวดเร็ว “อย่าเลย อย่าทำตัวไร้ยางอายอีกเลย”
เธอคอยสนับสนุนเจน เธอรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงร่างกายที่สั่นเทาของผู้หญิงข้าง ๆ เธอ
หลังจากที่พวกเขาออกจากอาคาร วิเวียนก็เห็นผู้หญิงที่ยืนตัวตรงทรุดตัวลงมาหาเธอ “เจนพวกเขา… ‘ข้ามเส้นมากเกินไป’”
“ช่วยฉันเข้าไปในรถ พาฉันกลับไปที่สำนักงานที”
"อา? คุณยังต้องการกลับไปที่สำนักงานอีกเหรอเนี่ย ในสภาพแบบนี้เนี่ยนะ?”
วิเวียนมองไปที่เจนที่หน้าซีดด้วยสีหน้าไม่สบายใจ “เจนให้ฉันพาคุณกลับบ้านไปพักผ่อนก่อนเถอะ ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับบริษัท เราจะดูแลมันอย่างดีเอง”
เจนส่ายหัว “พวกคุณทำมันไม่ได้หรอก” วิเวียนรู้เพียงว่าสถานการณ์เลวร้าย และซับซ้อนเล็กน้อยใน ดันน์ กรุ๊ป แต่เธอไม่รู้ว่า ดันน์ กรุ๊ป กำลังตกที่นั่งลำบาก
“โจเซฟ ดันน์…” เธอพึมพำสามคำนี้
วิเวียนรู้ดีว่าเธอไม่สามารถหยุดเจนได้ ผู้หญิงคนนี้ทั้งดื้อ และปากแข็ง
ในที่สุดเธอก็สามารถมองเห็นเขาได้อย่างชัดเจน เธอสามารถมองเห็นเขาได้ชัดเจนมาก ๆ
การหายใจของเธอเริ่มลำบากขึ้น เธอหายใจเร็วขึ้น และเร็วขึ้น หน้าอกของเธอสั่นอย่างไม่สามารถควบคุมได้
เธออยู่ห่างจากเขาเพียงไม่กี่ก้าว เธอยกขาขึ้นและวิ่งเข้าหาเขาอย่างเงอะงะ
การหายใจของเธอรวดเร็ว เธอไม่สามารถพูดอะไรได้ด้วยความกดดันในอก เธอเห็นผู้ชายคนนั้นจ้องมองเธออย่างอึ้ง ๆ ทันใดนั้น ...
“ฌอน สจ๊วต! คุณรู้บ้างไหมว่าทุกคนเป็นห่วงคุณ?
“คุณรู้ไหม ว่าคุณทำให้ทุกคนเป็นห่วงด้วยการหนีออกมาแบบนี้?
“คุณรู้ไหม ว่าเอลิออร์และเรย์กำลังทำงานอย่างหนักในการช่วยบริหารบริษัทของคุณ แต่พวกเขาก็ยังต้องใช้เวลาว่างอันน้อยนิดที่พวกเขามี เพื่อออกค้นหาตัวคุณอีก
รู้มั้ยว่าดอสและแก๊งของเขาก็ตกที่นั่งลำบากเหมือนกัน พวกเขาไม่เพียงแต่ต้องดูแลคุณเท่านั้น แต่ยังต้องระวังความปลอดภัยของคุณด้วย พวกเขายังต้องมาตามหาคุณอีก!
“คุณรู้ตัวไหม ว่าคุณทำอะไรลงไปบ้าง?
“คุณรู้ตัวไหม ว่าคุณสร้างปัญหาให้กับทุกคนมากแค่ไหน?
“คุณรู้บ้างไหม?”
เธอตะโกนใส่เขาอย่างรุนแรง และโกรธมาก หัวใจของเธอเต้นแรง เสียงของของเธอแหบแห้งจนแทบจะไม่มีเสียงแล้ว
สายตาของเธอจับจ้องผู้ชายคนนั้น มีเหงื่อออกที่หน้าผากของเธอ
เธอดึงดูดความสนใจของผู้ชายคนนั้น เขาจ้องมองเธออย่างอึ้ง ๆ
ด้วยเหตุผลบางอย่างฉากในโรงพยาบาลเมื่อเช้านี้ปรากฏขึ้นในหัวของเธอในขณะนี้
คำพูดของเจสันปรากฏขึ้นในหัวของเธอ เสียงครวญครางของคุณหญิงดันน์ยังดังก้องอยู่ในหูของเธอ
ในขณะนั้นเธอไม่กล้าที่จะรู้สึกเสียใจ เธอไม่กล้าแสดงความอ่อนแอ เธอยืดหลังของเธอให้ตรงเหมือนราชินีที่แข็งแกร่ง
เธอคิดว่าเธอไม่เสียใจ หลังจากที่เธอออกจากโรงพยาบาลนั้น เธอก็จมอยู่กับการทำงานอย่างหนัก
เธอคิดว่าเธอไม่เจ็บปวด เธอคิดว่าถ้าเธอไม่ร้องไห้หรือไม่แคร์ หากเธอเหนื่อยล้าจากการทำงาน เธอก็จะสามารถแทนที่ความขมขื่นที่รู้สึกในโรงพยาบาลด้วยความเหนื่อยล้าทั้งหมดได้
เธอคิดว่าในที่สุด ก็ถึงเวลากลางคืนเธอคงจะเหนื่อยล้ามากพอแล้ว เธอคิดว่าเธอจะสามารถหลับได้ทันทีหลังจากที่หัวถึงหมอน และวันนี้ก็จบลงหลังจากที่เธอหลับใหลไป
ไม่ใช่เลย เธอคิดผิด มันไม่ใช่อย่างนั้น!
เขาหายตัวไป!
เธอตามหาเขาทุกที่อย่างใจจดใจจ่อ
เขาสร้างปัญหาให้กับเธอ?
เมื่อสมัยที่เขายังมีสติเขาก็หายนะ ทำไมเขาถึงยังคงเป็นหายนะเมื่อเขาสูญเสียความทรงจำบางส่วนไป?
ไม่ ไม่ นี่ยังคงผิดอยู่ เขาจะเป็นหายนะของเธอได้อย่างไร?
เมื่อเขาปรากฏตัวที่หน้ารถและการมองเห็นของเธอ อารมณ์ที่อัดอั้นและอารมณ์เชิงลบทั้งหมดของเธอกลายเป็นคำพูดที่เฉียบคมราวกับมีด เธอโยนคำพูดแย่ ๆ ทุกอย่างไปที่เขา
“พี่สาว ผม-ผม…” เขาคนนั้นดูเหมือนว่าจะกลัวเจนอยู่ “ดอสบอกว่าถ้าผมทำตัวโอเค คุณจะมาหาผม ผมกินอย่างเชื่อฟัง และนอนหลับอย่างเชื่อฟัง ผมยังรดน้ำดอกไม้ และทำอย่างอื่นอีกมากมาย ผมรอมานาน แต่คุณไม่มาหาผมเลย
“ผมไปเป็นเพื่อนกับฝูงปลาในสระน้ำที่สวนด้วยซ้ำ คุณก็ยังไม่มาหาผมเลย
"ผม – ผม ... ผม ... ผมคิดถึงคุณมาก ๆ เลยพี่สาว!"
บุคคลนั้นดูเขิลอายและรู้สึกผิด เขาไม่กล้าเงยหน้าขึ้น และเอาแต่ก้มหน้า เขาดูเหมือนกับว่ากำลังจะร้องไห้
ในตอนนี้นั้น!
หัวใจของเจนเต้นไม่เป็นจังหวะ ความเจ็บปวดสุดจะพรรณนาได้แผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของเธอ
“คุณ…” เธออ้าปากค้าง และตกใจกับเสียงของเธอเอง มันแห้งและแหบมาก ๆ
เธอไม่สามารถพูดในสิ่งที่เธอต้องการที่จะพูดต่อไปได้
มือใหญ่ ๆ เอื้อมไปเหนือหัวของเธอ เธอเงยหน้าขึ้นและมองดูมือที่ใหญ่โตนั้น ราวกับว่ามันสามารถกันฝนอยู่บนศีรษะของเธอได้
“พี่สาวอย่ายืนตากฝน ผมกำลังเจ็บปวดเจ็บปวดตรงนี้”
เสียงเหมือนเด็กของผู้ชายคนนั้นดังอยู่ข้าง ๆ หูของเธอ
เธอมองไปที่คน ๆ นั้น มืออีกข้างของเขาอยู่ที่หน้าอกด้านซ้ายของเขา เธอมองเขาด้วยความตกใจสักพัก เธอเงยหน้าขึ้นและดวงตาของเธอก็พบกับคน ๆ นั้นดวงตาที่ชัดเจนและสดใส มันดูบริสุทธิ์มาก
รู้สึกเหมือนมีบางอย่างกระแทกเข้ากับหัวใจของเธอ
เมื่อเธอไม่ได้รับความสนใจจากเขามาก ๆ บางสิ่งที่ไม่ชัดเจน ไม่รู้จัก และโปร่งใส มันก็เข้ามาในร่างกายของเธอ
เธอถูกจับได้โดยสมบูรณ์แบบ
ในชั่วพริบตาสิ่งที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาลก็ปรากฏขึ้นในหัวของเธออีกครั้ง เธอกระพริบตาอย่างโกรธเกรี้ยว เธอพยายามที่จะไล่ความรู้สึกขมขื่นในดวงตาของเธอออกไป
“พี่สาว โปรดอย่าเศร้าไป ผม…ผมคิดถึงคุณ อย่างไรก็ตามถ้าผมรู้ว่าคุณจะโกรธเพราะผมหนีออกมาหาคุณ ... ถ้าผมรู้ว่าคุณจะต้องเสียใจผมจะไม่มีทางหนีไปไหนเลย
“ถ้าคุณรู้สึกเศร้า ฌ-ฌอน จะไม่หนีไปไหนเงียบ ๆ อีกแล้วครับ
“อย่าเสียใจไปเลยพี่สาว จากนี้ไป ผม-ผม จะเป็นเด็กดี ผมจะอยู่ในบ้านหลังใหญ่นั้น
“ผมจะไม่เสียใจ ผม…ผมมีปลาเป็นเพื่อน ผมสามารถพูดคุยกับปลาได้
“ถ้าผมคิดถึงคุณอีก ผมจะบอกเรื่องนั้นกับปลาในสระแทน”
เจนหลับตาลง มันสายเกินไปแล้ว ของเหลวอุ่น ๆ ไหลออกมาจากตาของเธอ
“ธะ - เธอออกมาได้ยังไง?” เธออ้าปากถามด้วยเสียงแหบ ๆ ของเธอ
“ผมปีนออกจากประตูทางออกสุนัข เยลโล่แสดงให้ฉันเห็นว่าทำอย่างไร”
“ใครคือเยลโล่?”
“มันเป็นสุนัขสีเหลืองตัวใหญ่” เขากล่าวอย่างภาคภูมิใจ “ผมฉลาดใช่ไหมล่ะ?”
ไหล่ของเจนรู้สึกตึง ถ้าฌอนมีสติเขาจะไม่ทำแบบนี้แน่ ๆ
เขาจำไม่ได้จริง ...
“ฌอนมันไกลมากนะ คุณมาที่นี่ได้อย่างไร?”
เธอพยายามใจเย็นและเอ่ยถามเขา
อย่างไรก็ตามบุคคลนั้นดูภาคภูมิใจ
“ผมวิ่ง และวิ่ง และวิ่ง ผมวิ่งไปที่ถนนใหญ่มาก แล้วผมก็เห็นใครบางคนขับรถคันใหญ่มาก
“ผมไม่ยอมปล่อยเขาไป ดังนั้นเขาจึงทำอะไรไม่ถูกกับผม เขาเลยถามผมว่าผมจะไปไหน ผมเลยบอกเขาว่าผมจะไปเมืองเอส ผมเคยถามดอสว่าคุณอยู่ที่ไหน และดอสก็บอกผมว่าคุณอยู่ในเมืองเอสนี้ พวกเราเคยอาศัยอยู่ที่นี่มาก่อน
“ลุงที่ขับรถบอก(ฒว่าเขาพาผมมาส่งได้แค่ที่ถนนตรงนั้นได้แค่นั้น
“ผมจำถนนสายนั้นได้ เมื่อเรากลับมาบนเครื่องบินลำใหญ่นั้น เราก็ผ่านถนนเส้นนั้นด้วย”
เจนเข้าใจในที่สุด ดอสนั้นได้ตกหลุมพรางของฌอน
เธอมองไปยังทิศทางที่ชายคนนั้นชี้ไป เธอไม่รู้ว่าเขากำลังชี้ไปที่ถนนใด อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นถนนสายไหนเขาก็มาที่นี่แล้ว
“คุณ…มาเรื่อย ๆ จนถึงตรงนี้หรอ?”
“ใช่ ผมฉลาดไหม?”
เจนมองผู้ชายที่สะบักสะบอมคนนั้น เขาจ้องมองที่เท้าของเขา รองเท้าของเขาขาดกระจุย ดูเหมือนว่าเขาเดินบ่อยมากหรือบางทีเขาก็ตามหาเธอมานานมากแน่ ๆ
ทันใดนั้น ...
เงาขนาดใหญ่ตกลงมาที่ด้านบนของเธอ เสียงเดียวที่อยู่ข้างหูของเธอคือเสียงที่ชัดเจนและไร้เดียงสาของเด็กชาย
“พี่สาว ผมไม่สามารถบังฝนด้วยมือของผมได้อีกต่อไปแล้ว” เขากอดเจนแน่นและกดศีรษะของเธอลงไปในอ้อมแขนของเขา เขาใช้วิธีที่ง่ายที่สุด เขาใช้วิธีที่ง่ายและตรงไปตรงมาที่สุดเท่าที่เขาพอจะรู้เพื่อบังฝน เขากำลังใช้ร่างกายของเขาบังฝนให้กับเธอ
“คุณหนาวไหม พี่สาว? ผมไม่หนาวหรอกนะ”
เจนถูกกอดโดยแขนกว้างคู่นี้ เขาถามเธอว่าเธอหนาวไหม เขาบอกว่าเขาไม่หนาว แต่น้ำเสียงของเขานั้นสั่นแล้ว
ตอนกลางคืนอากาศหนาวมาก และฝนยังตกลงมาอีกด้วย เขาเดินมาตลอดทางจากเกาะชงหมิงในสภาพอากาศเช่นนี้ เพื่อมายังสถานที่แห่งนี้ และ ในที่สุดเขาก็มาถึงสถานที่แห่งนี้มาอยู่ต่อหน้าของเธอ
เจนเอนตัวเข้ามาในอ้อมแขน ไหล่ของเขาสั่นอย่างไม่สามารถควบคุมได้
“ผมไม่หนาวเลย” คน ๆ นั้นหัวเราะอย่างโง่เขลาในขณะที่ตัวเขาหนาวสั่นไปทั้งตัว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงเสน่หา คุณชาย อันตราย
‘ งั้นเขาจะช่วยให้เธอฟื้นคืนความภาคภูมิใจและศักดิ์ศรีที่หายไป -’ โอ๊ย ก็มึงนั่นแหล่ะเป็นคนทำให้เจนตกอยู่ในสภาพแบบนี้...
อ่านแล้วก็อึดอัดแทน อยากให้ความจริงเปิดเผยเร็ว ๆ และเจนสามารถออกไปใช้ชีวิตดี ๆ อยู่ห่าง ๆ จากคนสารเลวพวกนี้ ไม่อยากให้ให้อภัยใครเลย...