บ่วงเสน่หา คุณชาย อันตราย นิยาย บท 305

สรุปบท บทที่ 305 ฉันไม่ได้ต้องการคำขอบคุณเพียงแค่คำพูดเท่านั้น: บ่วงเสน่หา คุณชาย อันตราย

บทที่ 305 ฉันไม่ได้ต้องการคำขอบคุณเพียงแค่คำพูดเท่านั้น – ตอนที่ต้องอ่านของ บ่วงเสน่หา คุณชาย อันตราย

ตอนนี้ของ บ่วงเสน่หา คุณชาย อันตราย โดย ฉี แม่น้ำสายเก่า ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายRomanceทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 305 ฉันไม่ได้ต้องการคำขอบคุณเพียงแค่คำพูดเท่านั้น จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

การประชุมครั้งนี้ได้ดำเนินไปเกือบชั่วโมง

เช่นเคย คาลเลน เฟโรซ ยังอยู่ที่มุมบาร์ดื่มไวน์ ขณะที่คุยกับหัวหน้าเลขาของไมเคิล

เมื่อเจนเดินออกจากประตูกระจกบานเลื่อนเขาก็วางแก้วลงอย่างสง่างามแล้วลุกขึ้นยืนทันที

"ไปกันเถอะ คุณอยู่บนเครื่องบินมานาน และตั้งแต่ลงเครื่องมาคุณยังไม่มีเวลาพักผ่อนเลย คุณคงจะเหนื่อย ให้ฉันไปส่งคุณที่ห้องของคุณไหม?”

“คาลเลน เดี๋ยวก่อน ไม่เจอเพื่อนเก่าตั้งนาน ไม่คิดจะดื่มกับฉันหน่อยหรอ?”

ไมเคิลยิ้มและมองจากประตูกระจกที่เขายืนพิงอยู่

เมื่อได้ยินเช่นนั้นเจนก็รู้สึกโล่งอก และผ่อนคลายลง เธอจึงเอ่ยขึ้น “ถ้าอย่างนั้น ฉันจะไม่ก้าวก่ายเรื่องของพวกคุณสองคนหรอกนะ”

โดยปกติแล้วปฏิกิริยาหรือทุก ๆ การกระทำของเธอมักจะถูกจับตามองโดยคาลเลนด้วยความกระตือรือร้น แต่เขาก็เป็นคนฉลาด เขาเข้าใจทันทีและไม่ยืนกรานที่จะพาเจนกลับห้องของเธอ

“ได้สิ” เขาพูดขณะหันหน้าไปทางไมเคิลที่ยืนพิงประตูแล้วยิ้ม

“มันดึกมากแล้ว และการปล่อยให้ผู้หญิงคนหนึ่งกลับด้วยตัวเองเพียงลำพัง มันไม่ใช่สิ่งที่สุภาพบุรุษควรที่จะทำ”

สายตาของเขาชำเลืองไปยังหัวหน้าเลขาที่ยืนอยู่ด้านข้าง “คุณยินดีที่จะให้หัวหน้าเลขานุการของคุณ ไปส่งเธอได้หรือไม่?” เขาเอ่ยถามไมเคิล

ไมเคิลเขาก็เป็นคนที่รู้จักกาลเทศะ เขาจึงหันไปพูดกับหัวหน้าเลขาของเขาว่า “คุณช่วยพาผู้หญิงคนนี้กลับไปที่ห้องของเธอ และตรวจสอบให้แน่ใจว่าเธอไปถึงอย่างปลอดภัยนะ”

“ได้ครับ นายท่าน”

เมื่อคนอื่น ๆ จากไปแล้ว มีเพียงชายสองคนที่มีความเป็นเลิศในแบบฉบับของตนเองเท่านั้นที่ยังคงอยู่ในห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่นี้

“เธอคือคนนั้นหรอ? เหตุผลที่คุณให้ฉันจองเครื่องบินเพื่อเดินทางมาที่นี่? เธอสำคัญกับคุณมากหรือเปล่า?” ไมเคิลเดินไปที่บาร์สุดหรูหราและรินวิสกี้ให้ตัวเองหนึ่งแก้ว “คุณเอาอีกแก้วไหม?” เขากวักมือเรียกคาลเลนด้วยการหมุนเครื่องดื่มไปรอบ ๆ ในแก้ว

“เธอเป็นคนที่ฉันอยากจะซ่อนตัวของเธอไว้ เพื่อไม่ให้ใครได้พบเห็นเธอ” ไม่ว่าเธอจะสำคัญหรือไม่เขาก็ไม่รู้ คาลเลนพูดอย่างลังเล “ซัค ลูคัส ต้องการให้ฉันถามคุณ คนนั้น ... เขาสบายดีไหม?”

“ซัคหรอ?”

“เฮ้ นี่เป็นเวลาหลายปีแล้ว แต่เขายังไม่จบอีกหรอ?

“ฉันเคยคิดเสมอว่ามี แต่ชาวเอเชียเท่านั้นที่จะมีความสัมพันธ์ที่ยุงเหยิงกันได้เช่นนี้”

“แต่ในตอนนี้ ที่ฉันมองไปที่คุณฉันก็รู้แล้วว่า คุณก็เป็นด้วยเช่นกัน”

คาลเลนไม่ได้ให้คำอธิบายอื่นใด ในขณะที่เขาหัวเราะเบา ๆ “คุณ และซัคทั้งคู่มีความคิดเห็นอย่างนั้นหรือ?”

ไมเคิลยกแก้วขึ้นและกระดกวิสกี้จนหมดแก้วในรวดเดียว “เธอช่างยอดเยี่ยมมาก ๆ ”

“ฉันรู้ เธอเป็นคนที่น่าทึ่งเสมอ” ความภาคภูมิใจบนใบหน้าของคาลเลนปรากฏขึ้นชัดเจน เมื่อพวกเขาพูดถึงเจนราวกับว่ามันเป็นสิ่งที่คนอื่นยกย่องเชิดชู

“ทักษะการเจรจาของเธอยอดเยี่ยมมาก ๆ พระเจ้า เธอเรียนรู้สิ่งนี้จากใครกัน? ฉันคิดว่าใครก็ตามที่สอนทักษะการเจรจาต่อรองที่ยอดเยี่ยมให้กับเธอ เขาคนนั้นต้องมีความสามารถที่มากจริง ๆ ”

“คุณไม่ค่อยเอ่ยปากชมมากขนาดนี้มาก่อนนะ ไมเคิล ฉันจะพูดเพียงครั้งนี้ครั้งเดียว อย่าคิดอะไรเกินเลยกับเธอ” ดวงตาของคาลเลนเคร่งขรึมขึ้นทันที

มุมริมฝีปากของไมเคอลยกขึ้น “นายหลงเหยื่อแล้วจริง ๆ หึหึ คาลเลนคนนี้ นี่ยังเป็นนักล่าที่ฉันเคยรู้จักอยู่หรือเปล่านะ?”

"ไม่ใช่เรื่องอะไรของคุณ คุณแค่จดจำไว้เรื่องเดียวว่าอย่ายุ่งหรือคิดอะไรเกินเลยกับเธอ เด็ดขาด”

ไมเคิลถึงกับอดไม่ได้ที่จะกลอกตาใส่เขา

“ฉันแค่ชื่นชมทักษะการเจรจาของเธอ”

“ฉันเคยพบปะพูดคุยกับนักเจรจาที่เชี่ยวชาญมากมายทั้งในประเทศและจากต่างประเทศ”

“ถ้าเราพูดถึงทักษะการเจรจาต่อรองในแง่ของทักษะเพียงอย่างเดียว เธอก็ยังคงเป็นมือสมัครเล่น

ฉันบอกว่าเธอมีทักษะการเจรจาที่ยอดเยี่ยมด้วยเหตุผลเดียว เธอนั้นเก่งและจริงใจในเวลาเดียวกัน

“เธอแสดงเจตจำนงอย่างตรงไปตรงมาในการทำงานร่วมกัน และยังแสดงให้เห็นอย่างตรงไปตรงมาถึงการมีอยู่ของข้อบกพร่องที่มีอยู่ของเธอ แต่ในขณะเดียวกันเธอก็พูดออกมาอย่างเต็มที่ว่า แม้ว่าจะมีข้อบกพร่องเหล่านี้ แต่ก็ยังมีความมุ่งมั่นและสามารถจัดการกับทุกรายละเอียดได้ ฉันชื่นชมความจริงใจและความมั่นใจในตัวเองของเธอมาก ๆ “

“ส่วนมากผู้ที่เสนอขอทำงานร่วมกันกกับฉัน พวกเขาจะเสนอแต่ด้านดี ๆ เท่านั้น และไม่เคยแจ้งถึงข้อบกพร่องอย่างตรงไปตรงมาเช่นเธอ ความมั่นใจในตัวเองของเธอ ความตรงไปตรงมา และการวิเคราะห์ที่ครอบคลุม ... ทุกอย่างน่าเชื่อมากจากทุก ๆ มุม ด้วยผู้ทำงานร่วมกันประเภทนี้การตั้งถิ่นฐานและรับฟังสิ่งต่าง ๆ จากมุมมองของเธอเป็นเรื่องง่ายมากที่จะเข้าถึงทุก ๆ รายละเอียดของงาน”

“ตามที่คาดไว้ คาลเลน คุณสมควรถูกเรียกว่านักล่า”

ด้วยเหตุผลบางประการแม้ว่าชื่อเล่นว่า ‘นักล่า’ จะเคยทำให้คาลเลนรู้สึกภาคภูมิใจในอดีต แต่มันกลับให้ความรู้สึกบางอย่าง และฟังดูรุนแรงในปัจจุบันอย่างไม่มีเหตุผล คาลเลนรู้สึกโกรธเคืองขณะที่เขาเกาหลังศีรษะของตัวเองและหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาตรงหน้าเขา เขากลืนสิ่งที่อยู่ในแก้วนั้นจนหมดเพียงรวดเดียว

“ถ้าเป็นไปได้ ฉันอยากเป็นนักล่าคนเดียวของเธอ” ในความระแคะระคายภายในจิตใจของเขา ในตอนนี้มันถูกควบคุมโดยหัวใจที่แท้จริงของเขา ปากของเขาจึงเผยให้เห็นถึงความคิดลึก ๆ ภายในจิตใจของเขาออกมา

เขาก้าวไปข้างหน้า

ไมเคิล ตกตะลึงจ้องมองร่างที่กำลังถอยหนีอย่างเร่งรีบ…“พระเจ้า!”

คนเหล่านี้ พวกเขาเป็นบ้าไปแล้วหรือเปล่า?

พวกเขารู้แล้วว่ามันเป็นหลุมพราง แต่พวกเขาก็เต็มใจที่จะตกหลุมรักด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า?

ไม่ ไม่ ไม่ ... เขาจะไม่มีทางเดินตามรอยทั้งสองคนนี้ไปในเส้นทางของพวกเขาอย่างแน่นอน

นาทีที่เธอรู้ว่าจะได้พบกับไมเคิล ผู้ซึ่งเป็นอันดับต้น ๆ ของอุตสาหกรรม เจนก็ปิดเสียงโทรศัพท์ของเธอไปเลย

กลับเข้ามาในห้องพัก เธอนั่งอยู่ที่หัวเตียงโดยสวมใส่เพียงผ้าขนหนูหลังจากอาบน้ำ หน้าจอโทรศัพท์ของเธอที่วางทิ้งไว้บนโต๊ะข้างเตียงสว่างขึ้น ตอนนั้นเธอจำได้ว่าเธอไม่ได้ปิดฟังก์ชั่นปิดเสียงในโทรศัพท์ของเธอ

เธอหยิบมันขึ้นมาโดยไม่คิด แต่ก็ลังเลเมื่อเห็นชื่อของวิเวียนบนหน้าจอ

"ว่าไง?" ในท้ายที่สุด เธอก็กดปุ่มรับสาย

“เจนทำไมคุณเพิ่งมารับโทรศัพท์เอาป่านนี้? ฉันโทรไปหลายครั้งแล้ว แต่คุณก็ไม่รับสายสักที ฉันเกือบจะโทรหาตำรวจแล้วนะ” วิเวียนพูดอย่างรวดเร็วในอีกด้านของโทรศัพท์

เจนรีบขอโทษและพูดว่า “อย่าพึ่งโกรธ ฉันมีเรื่องสำคัญมากในตอนนี้”

“อะไรที่มันสำคัญมากจนขนาดที่คุณจะไม่มีเวลามารับสายเลย!”

เจนรู้จักลูกน้องของเธอดี วิเวียนดูเหมือนจะฉลาดและมีความสามารถ แต่เมื่อเธออารมณ์เสีย เธอก็น่ากลัวมาก ๆ เลยทีเดียว เมื่อรู้ว่าเธอทำผิด เธอจึงเอ่ยชื่อไมเคิลขึ้นมา

“ไมเคิล ฉันไปเจรจากับเขามา”

ในอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ จู่ ๆ สิ่งต่าง ๆ ก็เงียบไป ‘หนึ่งวินาที สองวินาที สามวินาที…’ เจนนับอย่างเงียบ ๆ ในใจ

“ไมเคิล???? ไมเคิล เดมอนส์ อ่าหรอ?????”

เสียงกรีดร้องอย่างตื่นเต้นดังมาจากโทรศัพท์ เจนรีบเอาโทรศัพท์ออกห่างจากหูทันที “เบา ๆ สิ หูของฉันจะแตกแล้ว”

“ลืมเรื่องนั้นไปก่อน เอาล่ะ บอกฉันมาว่าใช่เดมอนส์จากฝรั่งเศสหรือเปล่า?

“คุณได้พบกับไมเคิลจริง ๆ หรือ?

"เขาหล่อไหม?

“พวกคุณได้พูดคุยกันแล้วหรอ?

“แล้วคุยเรื่องอะไรกันหรอ?

“เขารู้เกี่ยวกับ ดันน์ กรุ๊ป บ้างไหม?

“คุณพูดถึงการทำงานร่วมกันหรือไม่?

“เขาตกลงหรือเปล่า?”

วิเวียนถล่มคำถามที่เจนกำลังจะบอกกับเธอตั้งแต่ต้นด้วยความตื่นเต้น เธอเอาแต่ถามคำถามมากมายไม่หยุดจนเจนรู้สึกมึนหัวเล็กน้อยในตอนนี้

“เกี่ยวกับการทำงานร่วมกัน ฉันต้องการที่จะต่อสู้เพื่อมันให้ถึงที่สุด วิเวียน ไมเคิลเองก็ดูเหมือนว่าจะสนใจข้อเสนอแนะของฉัน สำหรับข้อเสนอที่เราคุยกันเป็นการส่วนตัว ฉันคิดว่าคืนนี้คุณอาจจะต้องทำงานล่วงเวลาสักหน่อยนะ เพื่อรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเข้าด้วยกันและช่วยส่งข้อมูลเข้าอีเมลของฉันให้ด้วยนะ”

“ฉันต้องใช้เวลาสักพัก เพื่อคิดข้อเสนอต่าง ๆ”

"ได้ ได้ ได้! เราต้องรีบตีเหล็กในขณะที่มันยังร้อน ๆ อยู่! คุณหนูดันน์ คุณไม่ต้องกังวลไป ฉันจะปั่นงานให้ถึงเที่ยงคืนเลย เพื่อรวบรวมข้อมูลลงในเอกสาร และเดี๋ยวฉันจะรีบส่งข้อมูลทั้งหมดไปยังอีเมลของคุณโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”

เจนเลิกคิ้วเล็กน้อย…เมื่อเวลาที่วิเวียนโกรธเขาจะเรียกเธอว่า ‘เจน’ เฉย ๆ แต่เมื่อพูดถึงเรื่องงานเธอจะกลับมาเรียกเจนว่า ‘คุณหนูดันน์’ อีกครั้ง

โดยปกติแล้ว จุดยืนในการแยกเรื่องงานและเรื่องชีวิตส่วนตัวที่ชัดเจนเช่นนี้มันก็เป็นสิ่งที่ดี

วิเวียนไม่โทรหาเธออีกต่อไป เพราะไม่อยากรบกวนเจน โดยที่เธอเลือกที่จะติดต่องานผ่านโปรแกรม WeChat แทน ทุก ๆ วันจะมีประโยคหนึ่งปรากฏขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์ของเธอโดยไม่ขาดตกบกพร่องนั่นคือ "เขาสบายดี กินดี สุขภาพของเขาก็อยู่ในเกณฑ์ดี"

ในที่สุดเธอก็สามารถเอาชนะใจไมเคิลได้ ตามที่เธอคาดหวังไว้ เขายอมเซ็นสัญญา เธอดูเหมือนจะมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันทีราวกับว่าสิ่งที่เธอรอคอยมานานในที่สุดก็สำเร็จลงในวันนี้

ในขณะเดียวกัน เธอก็ไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ที่นี่อีกต่อไป

“ขอบคุณนะ คาลเลน”

เขาช่วยเธอได้มากจริง ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเขา มันคงยากมาก ๆ สำหรับเธอในการได้พบกับไมเคิล

ถ้าไม่ใช่เพราะคาลเลน เธอก็คงไม่มีโอกาสได้พบกับไมเคิลแน่ ๆ

เธอก้มตัวให้เขาโดยโค้งตัว 90 องศา แน่นอน ว่านี่ไม่เพียงพออย่างแน่นอนสำหรับงานนี้ แต่มันก็สามารถแสดงออกถึงความรู้สึกขอบคุณของเธอได้

มือใหญ่ ๆ ที่แข็งแกร่งจับที่ไหล่ของเธอ เธอรู้สึกงุนงงและเงยหน้าขึ้นมามองที่เขา

สิ่งที่เธอเห็นคือใบหน้าที่หล่อและเต่งตึงของชายคนนั้น ในขณะที่ชายคนนั้นลดศีรษะลงช้า ๆ เขาจ้องมองไปที่เธอ เสียงของเขาใหญ่และมีเสน่ห์

"ขอบคุณ…?

“เจน ดันน์ ฉันไม่ต้องการคำขอบคุณแค่คำพูด”

“ฉันรู้ว่าคุณช่วยฉันได้มาก มาก มาก มากกกกก โดยปกติแล้วฉันจะไม่เพียงแค่ขอบคุณด้วยวาจาเพียงเท่านั้นหรอกน่า หลังจากที่ฉัน ... "

“เดี๋ยว ... ” เขาหยุดเธอไม่ให้พูด และในตอนนี้เขานั้นจ้องมองเธอด้วยสายตาที่เจ้าเล่ห์ “เจนถ้าคุณอยากขอบคุณฉันจริง ๆ ฉัน ... แค่ต้องการคุณ”

เปรี้ยงงงงง!

ราวกับมีเสียงสายฟ้าฟาดดังสนั่นในหูของเธอ และเธอก็ไม่สามารถตอบสนองอะไรได้ในชั่วขณะนั้น เธอนิ่งไปสักพัก ก่อนที่ในที่สุดเธอจะกลับมามีสติสัมปชัญญะอีกครั้ง เธอรู้ว่าประโยคนี้มันหมายถึงอะไร

เธอค่อย ๆ ยืดหลังขึ้นให้ตรง และดึงฝ่ามือของเขาออก เธอหันไปโดยไม่พูดอะไร

ด้วยความตื่นตระหนก ชายคนนั้นเอื้อมมือไปคว้าแขนเธออย่างสิ้นหวัง “เจน ฉันล้อเล่นน่า อย่าจริงจังสิ…”

"จริงเหรอ?" ใบหน้าที่สงบและไร้ความปรานีของเธอจ้องมาที่เขาอย่างเอาเรื่อง “มันเป็นเรื่องตลกหรอ มันเป็นเรื่องที่ควรเอามาล้อเล่นหรอ? ถามตัวเองสิ ว่าจริงไหม?”

…หัวใจของเขาสับสนปนเป!

คำโกหกไม่สามารถหลุดออกมาจากปากของเขาได้อีกต่อไป

มันเป็นเรื่องตลกหรือไม่? มันเป็นเรื่องขำ ๆ จริง ๆ หรือ?

ฟันของชายคนนี้ขบกันแน่น “แล้วถ้าไม่ใช่เรื่องตลกล่ะ?” ‘เขาดีไม่พอหรอ? เขาเทียบกับผู้ชายคนนั้นที่นามสกุลสจ๊วตไม่ได้เลยหรอ? เขาปฏิบัติกับเธอดีกว่าผู้หญิงคนอื่น ๆ มากนะ! '

“อย่ามาตลก…” รอยยิ้มค่อย ๆ ปรากฏบนใบหน้าที่สงบของเธอ แต่มันไม่ใช่ของจริงรอยยิ้มของเธอนั้นดูปลอมมาก เธอค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้น เธอมองไปที่ผู้ชายตรงหน้าเธอ “แล้วอะไรคือความแตกต่างระหว่างคุณในตอนนี้ กับคุณเมื่อสามปีที่แล้ว?”

อะไรคือความแตกต่างระหว่างคุณในตอนนี้ กับคุณเมื่อสามปีที่แล้ว?

เพียงแค่หนึ่งประโยคมันก็ทำให้ชายคนนั้นรู้สึกตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ “ใช่ สามปีก่อนฉันเข้าใจคุณผิด อย่างไรก็ตามคุณไม่ใช่คนที่ฉันคิดว่าคุณเคยเป็น ตอนนี้ฉันรู้จักตัวตนที่แท้จริงที่สุดของคุณแล้วไง”

เธอหลับตา เพื่อปกปิดสายตาอันเยาะเย้ยของเธอที่เธอมีต่อตัวเอง... ตัวตนที่แท้จริงที่สุดของฉันหรอ?

เธอเป็นอย่างไรในเวอร์ชั่นที่แท้จริงของเธอ…เธอเองยังจำไม่ได้ด้วยซ้ำ

เมื่อสามปีก่อนเขาใช้เงินเพื่อตามล่าหาสิ่งที่เขาต้องการ สามปีต่อมาเขาใช้โอกาสทางธุรกิจและยังคงได้รับสิ่งที่เขาต้องการ

ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือจากที่เป็นเงินในอดีต ในตอนนี้มันได้กลายมาเป็นโอกาสในทางธุรกิจทางเดียวของเธอในวันนี้

หากต้องพูดถึงความแตกต่างระหว่างทั้งสอง ก็คงจะเป็นได้ว่าชายคนนี้เติบโตขึ้นบ้างแล้ว เกมของเขาเริ่มมีมนุษยธรรมมากขึ้น

ชายหนุ่มที่บ้าบิ่นจะโยนเงินทันทีเมื่อเขาต้องการอะไร แต่ในตอนนี้เขาเติบโตขึ้น เขาจะไม่โยนเงินอย่างตรงไปตรงมาเพื่อสิ่งที่เขาต้องการเหมือนเมื่อก่อน

อย่างไรก็ตามมันแตกต่างกันจริง ๆ หรือ?

ท้ายที่สุดแล้วคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหล่านี้ก็ไม่ได้ออกจากปากของผู้หญิงคนนั้น เธอจ้องไปที่ใบหน้าแข็งกร้าวของชายตรงหน้า

“เงินในตอนนั้น และโอกาสทางธุรกิจในวันนี้ คุณก็ยังคงเป็นคาลเลนคนเดิม คุณเป็นนักล่าที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ นักล่าที่ยอดเยี่ยม ถึงจะเติบโตขึ้นบ้าง แต่จุดประสงค์ของนักล่า ก็คือเพื่อตามล่าสิ่งที่พวกเขาต้องการเท่านั้น” เมื่อพูดอย่างนั้นเธอก็รู้ว่าเขาเข้าใจสิ่งที่เธอพยายามที่จะสื่อ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงเสน่หา คุณชาย อันตราย