การประชุมครั้งนี้ได้ดำเนินไปเกือบชั่วโมง
เช่นเคย คาลเลน เฟโรซ ยังอยู่ที่มุมบาร์ดื่มไวน์ ขณะที่คุยกับหัวหน้าเลขาของไมเคิล
เมื่อเจนเดินออกจากประตูกระจกบานเลื่อนเขาก็วางแก้วลงอย่างสง่างามแล้วลุกขึ้นยืนทันที
"ไปกันเถอะ คุณอยู่บนเครื่องบินมานาน และตั้งแต่ลงเครื่องมาคุณยังไม่มีเวลาพักผ่อนเลย คุณคงจะเหนื่อย ให้ฉันไปส่งคุณที่ห้องของคุณไหม?”
“คาลเลน เดี๋ยวก่อน ไม่เจอเพื่อนเก่าตั้งนาน ไม่คิดจะดื่มกับฉันหน่อยหรอ?”
ไมเคิลยิ้มและมองจากประตูกระจกที่เขายืนพิงอยู่
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเจนก็รู้สึกโล่งอก และผ่อนคลายลง เธอจึงเอ่ยขึ้น “ถ้าอย่างนั้น ฉันจะไม่ก้าวก่ายเรื่องของพวกคุณสองคนหรอกนะ”
โดยปกติแล้วปฏิกิริยาหรือทุก ๆ การกระทำของเธอมักจะถูกจับตามองโดยคาลเลนด้วยความกระตือรือร้น แต่เขาก็เป็นคนฉลาด เขาเข้าใจทันทีและไม่ยืนกรานที่จะพาเจนกลับห้องของเธอ
“ได้สิ” เขาพูดขณะหันหน้าไปทางไมเคิลที่ยืนพิงประตูแล้วยิ้ม
“มันดึกมากแล้ว และการปล่อยให้ผู้หญิงคนหนึ่งกลับด้วยตัวเองเพียงลำพัง มันไม่ใช่สิ่งที่สุภาพบุรุษควรที่จะทำ”
สายตาของเขาชำเลืองไปยังหัวหน้าเลขาที่ยืนอยู่ด้านข้าง “คุณยินดีที่จะให้หัวหน้าเลขานุการของคุณ ไปส่งเธอได้หรือไม่?” เขาเอ่ยถามไมเคิล
ไมเคิลเขาก็เป็นคนที่รู้จักกาลเทศะ เขาจึงหันไปพูดกับหัวหน้าเลขาของเขาว่า “คุณช่วยพาผู้หญิงคนนี้กลับไปที่ห้องของเธอ และตรวจสอบให้แน่ใจว่าเธอไปถึงอย่างปลอดภัยนะ”
“ได้ครับ นายท่าน”
เมื่อคนอื่น ๆ จากไปแล้ว มีเพียงชายสองคนที่มีความเป็นเลิศในแบบฉบับของตนเองเท่านั้นที่ยังคงอยู่ในห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่นี้
“เธอคือคนนั้นหรอ? เหตุผลที่คุณให้ฉันจองเครื่องบินเพื่อเดินทางมาที่นี่? เธอสำคัญกับคุณมากหรือเปล่า?” ไมเคิลเดินไปที่บาร์สุดหรูหราและรินวิสกี้ให้ตัวเองหนึ่งแก้ว “คุณเอาอีกแก้วไหม?” เขากวักมือเรียกคาลเลนด้วยการหมุนเครื่องดื่มไปรอบ ๆ ในแก้ว
“เธอเป็นคนที่ฉันอยากจะซ่อนตัวของเธอไว้ เพื่อไม่ให้ใครได้พบเห็นเธอ” ไม่ว่าเธอจะสำคัญหรือไม่เขาก็ไม่รู้ คาลเลนพูดอย่างลังเล “ซัค ลูคัส ต้องการให้ฉันถามคุณ คนนั้น ... เขาสบายดีไหม?”
“ซัคหรอ?”
“เฮ้ นี่เป็นเวลาหลายปีแล้ว แต่เขายังไม่จบอีกหรอ?
“ฉันเคยคิดเสมอว่ามี แต่ชาวเอเชียเท่านั้นที่จะมีความสัมพันธ์ที่ยุงเหยิงกันได้เช่นนี้”
“แต่ในตอนนี้ ที่ฉันมองไปที่คุณฉันก็รู้แล้วว่า คุณก็เป็นด้วยเช่นกัน”
คาลเลนไม่ได้ให้คำอธิบายอื่นใด ในขณะที่เขาหัวเราะเบา ๆ “คุณ และซัคทั้งคู่มีความคิดเห็นอย่างนั้นหรือ?”
ไมเคิลยกแก้วขึ้นและกระดกวิสกี้จนหมดแก้วในรวดเดียว “เธอช่างยอดเยี่ยมมาก ๆ ”
“ฉันรู้ เธอเป็นคนที่น่าทึ่งเสมอ” ความภาคภูมิใจบนใบหน้าของคาลเลนปรากฏขึ้นชัดเจน เมื่อพวกเขาพูดถึงเจนราวกับว่ามันเป็นสิ่งที่คนอื่นยกย่องเชิดชู
“ทักษะการเจรจาของเธอยอดเยี่ยมมาก ๆ พระเจ้า เธอเรียนรู้สิ่งนี้จากใครกัน? ฉันคิดว่าใครก็ตามที่สอนทักษะการเจรจาต่อรองที่ยอดเยี่ยมให้กับเธอ เขาคนนั้นต้องมีความสามารถที่มากจริง ๆ ”
“คุณไม่ค่อยเอ่ยปากชมมากขนาดนี้มาก่อนนะ ไมเคิล ฉันจะพูดเพียงครั้งนี้ครั้งเดียว อย่าคิดอะไรเกินเลยกับเธอ” ดวงตาของคาลเลนเคร่งขรึมขึ้นทันที
มุมริมฝีปากของไมเคอลยกขึ้น “นายหลงเหยื่อแล้วจริง ๆ หึหึ คาลเลนคนนี้ นี่ยังเป็นนักล่าที่ฉันเคยรู้จักอยู่หรือเปล่านะ?”
"ไม่ใช่เรื่องอะไรของคุณ คุณแค่จดจำไว้เรื่องเดียวว่าอย่ายุ่งหรือคิดอะไรเกินเลยกับเธอ เด็ดขาด”
ไมเคิลถึงกับอดไม่ได้ที่จะกลอกตาใส่เขา
“ฉันแค่ชื่นชมทักษะการเจรจาของเธอ”
“ฉันเคยพบปะพูดคุยกับนักเจรจาที่เชี่ยวชาญมากมายทั้งในประเทศและจากต่างประเทศ”
“ถ้าเราพูดถึงทักษะการเจรจาต่อรองในแง่ของทักษะเพียงอย่างเดียว เธอก็ยังคงเป็นมือสมัครเล่น
ฉันบอกว่าเธอมีทักษะการเจรจาที่ยอดเยี่ยมด้วยเหตุผลเดียว เธอนั้นเก่งและจริงใจในเวลาเดียวกัน
“เธอแสดงเจตจำนงอย่างตรงไปตรงมาในการทำงานร่วมกัน และยังแสดงให้เห็นอย่างตรงไปตรงมาถึงการมีอยู่ของข้อบกพร่องที่มีอยู่ของเธอ แต่ในขณะเดียวกันเธอก็พูดออกมาอย่างเต็มที่ว่า แม้ว่าจะมีข้อบกพร่องเหล่านี้ แต่ก็ยังมีความมุ่งมั่นและสามารถจัดการกับทุกรายละเอียดได้ ฉันชื่นชมความจริงใจและความมั่นใจในตัวเองของเธอมาก ๆ “
“ส่วนมากผู้ที่เสนอขอทำงานร่วมกันกกับฉัน พวกเขาจะเสนอแต่ด้านดี ๆ เท่านั้น และไม่เคยแจ้งถึงข้อบกพร่องอย่างตรงไปตรงมาเช่นเธอ ความมั่นใจในตัวเองของเธอ ความตรงไปตรงมา และการวิเคราะห์ที่ครอบคลุม ... ทุกอย่างน่าเชื่อมากจากทุก ๆ มุม ด้วยผู้ทำงานร่วมกันประเภทนี้การตั้งถิ่นฐานและรับฟังสิ่งต่าง ๆ จากมุมมองของเธอเป็นเรื่องง่ายมากที่จะเข้าถึงทุก ๆ รายละเอียดของงาน”
“ตามที่คาดไว้ คาลเลน คุณสมควรถูกเรียกว่านักล่า”
ด้วยเหตุผลบางประการแม้ว่าชื่อเล่นว่า ‘นักล่า’ จะเคยทำให้คาลเลนรู้สึกภาคภูมิใจในอดีต แต่มันกลับให้ความรู้สึกบางอย่าง และฟังดูรุนแรงในปัจจุบันอย่างไม่มีเหตุผล คาลเลนรู้สึกโกรธเคืองขณะที่เขาเกาหลังศีรษะของตัวเองและหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาตรงหน้าเขา เขากลืนสิ่งที่อยู่ในแก้วนั้นจนหมดเพียงรวดเดียว
“ถ้าเป็นไปได้ ฉันอยากเป็นนักล่าคนเดียวของเธอ” ในความระแคะระคายภายในจิตใจของเขา ในตอนนี้มันถูกควบคุมโดยหัวใจที่แท้จริงของเขา ปากของเขาจึงเผยให้เห็นถึงความคิดลึก ๆ ภายในจิตใจของเขาออกมา
เขาก้าวไปข้างหน้า
ไมเคิล ตกตะลึงจ้องมองร่างที่กำลังถอยหนีอย่างเร่งรีบ…“พระเจ้า!”
คนเหล่านี้ พวกเขาเป็นบ้าไปแล้วหรือเปล่า?
พวกเขารู้แล้วว่ามันเป็นหลุมพราง แต่พวกเขาก็เต็มใจที่จะตกหลุมรักด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า?
ไม่ ไม่ ไม่ ... เขาจะไม่มีทางเดินตามรอยทั้งสองคนนี้ไปในเส้นทางของพวกเขาอย่างแน่นอน
…
นาทีที่เธอรู้ว่าจะได้พบกับไมเคิล ผู้ซึ่งเป็นอันดับต้น ๆ ของอุตสาหกรรม เจนก็ปิดเสียงโทรศัพท์ของเธอไปเลย
กลับเข้ามาในห้องพัก เธอนั่งอยู่ที่หัวเตียงโดยสวมใส่เพียงผ้าขนหนูหลังจากอาบน้ำ หน้าจอโทรศัพท์ของเธอที่วางทิ้งไว้บนโต๊ะข้างเตียงสว่างขึ้น ตอนนั้นเธอจำได้ว่าเธอไม่ได้ปิดฟังก์ชั่นปิดเสียงในโทรศัพท์ของเธอ
เธอหยิบมันขึ้นมาโดยไม่คิด แต่ก็ลังเลเมื่อเห็นชื่อของวิเวียนบนหน้าจอ
"ว่าไง?" ในท้ายที่สุด เธอก็กดปุ่มรับสาย
“เจนทำไมคุณเพิ่งมารับโทรศัพท์เอาป่านนี้? ฉันโทรไปหลายครั้งแล้ว แต่คุณก็ไม่รับสายสักที ฉันเกือบจะโทรหาตำรวจแล้วนะ” วิเวียนพูดอย่างรวดเร็วในอีกด้านของโทรศัพท์
เจนรีบขอโทษและพูดว่า “อย่าพึ่งโกรธ ฉันมีเรื่องสำคัญมากในตอนนี้”
“อะไรที่มันสำคัญมากจนขนาดที่คุณจะไม่มีเวลามารับสายเลย!”
เจนรู้จักลูกน้องของเธอดี วิเวียนดูเหมือนจะฉลาดและมีความสามารถ แต่เมื่อเธออารมณ์เสีย เธอก็น่ากลัวมาก ๆ เลยทีเดียว เมื่อรู้ว่าเธอทำผิด เธอจึงเอ่ยชื่อไมเคิลขึ้นมา
“ไมเคิล ฉันไปเจรจากับเขามา”
ในอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ จู่ ๆ สิ่งต่าง ๆ ก็เงียบไป ‘หนึ่งวินาที สองวินาที สามวินาที…’ เจนนับอย่างเงียบ ๆ ในใจ
“ไมเคิล???? ไมเคิล เดมอนส์ อ่าหรอ?????”
เสียงกรีดร้องอย่างตื่นเต้นดังมาจากโทรศัพท์ เจนรีบเอาโทรศัพท์ออกห่างจากหูทันที “เบา ๆ สิ หูของฉันจะแตกแล้ว”
“ลืมเรื่องนั้นไปก่อน เอาล่ะ บอกฉันมาว่าใช่เดมอนส์จากฝรั่งเศสหรือเปล่า?
“คุณได้พบกับไมเคิลจริง ๆ หรือ?
"เขาหล่อไหม?
“พวกคุณได้พูดคุยกันแล้วหรอ?
“แล้วคุยเรื่องอะไรกันหรอ?
“เขารู้เกี่ยวกับ ดันน์ กรุ๊ป บ้างไหม?
“คุณพูดถึงการทำงานร่วมกันหรือไม่?
“เขาตกลงหรือเปล่า?”
วิเวียนถล่มคำถามที่เจนกำลังจะบอกกับเธอตั้งแต่ต้นด้วยความตื่นเต้น เธอเอาแต่ถามคำถามมากมายไม่หยุดจนเจนรู้สึกมึนหัวเล็กน้อยในตอนนี้
“เกี่ยวกับการทำงานร่วมกัน ฉันต้องการที่จะต่อสู้เพื่อมันให้ถึงที่สุด วิเวียน ไมเคิลเองก็ดูเหมือนว่าจะสนใจข้อเสนอแนะของฉัน สำหรับข้อเสนอที่เราคุยกันเป็นการส่วนตัว ฉันคิดว่าคืนนี้คุณอาจจะต้องทำงานล่วงเวลาสักหน่อยนะ เพื่อรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเข้าด้วยกันและช่วยส่งข้อมูลเข้าอีเมลของฉันให้ด้วยนะ”
“ฉันต้องใช้เวลาสักพัก เพื่อคิดข้อเสนอต่าง ๆ”
"ได้ ได้ ได้! เราต้องรีบตีเหล็กในขณะที่มันยังร้อน ๆ อยู่! คุณหนูดันน์ คุณไม่ต้องกังวลไป ฉันจะปั่นงานให้ถึงเที่ยงคืนเลย เพื่อรวบรวมข้อมูลลงในเอกสาร และเดี๋ยวฉันจะรีบส่งข้อมูลทั้งหมดไปยังอีเมลของคุณโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”
เจนเลิกคิ้วเล็กน้อย…เมื่อเวลาที่วิเวียนโกรธเขาจะเรียกเธอว่า ‘เจน’ เฉย ๆ แต่เมื่อพูดถึงเรื่องงานเธอจะกลับมาเรียกเจนว่า ‘คุณหนูดันน์’ อีกครั้ง
โดยปกติแล้ว จุดยืนในการแยกเรื่องงานและเรื่องชีวิตส่วนตัวที่ชัดเจนเช่นนี้มันก็เป็นสิ่งที่ดี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงเสน่หา คุณชาย อันตราย
‘ งั้นเขาจะช่วยให้เธอฟื้นคืนความภาคภูมิใจและศักดิ์ศรีที่หายไป -’ โอ๊ย ก็มึงนั่นแหล่ะเป็นคนทำให้เจนตกอยู่ในสภาพแบบนี้...
อ่านแล้วก็อึดอัดแทน อยากให้ความจริงเปิดเผยเร็ว ๆ และเจนสามารถออกไปใช้ชีวิตดี ๆ อยู่ห่าง ๆ จากคนสารเลวพวกนี้ ไม่อยากให้ให้อภัยใครเลย...