เมเดลีนรู้สึกกระวนกระวายใจและเอาแต่ตั้งคำถาม แต่ฟาเบียนอ้างว่าการพูดกันทางโทรศัพท์ไม่ค่อยสะดวกนัก ดังนั้นเขาจึงชวนเมเดลีนให้ออกมาพบกัน
ในขณะเดียวกันเมเดลีนเองก็ไม่ได้อยากจะรบกวนเวลาที่แดเนียลและเอวาจะได้อยู่ด้วยกัน ดังนั้นเธอจึงขอแยกตัวออกมาก่อน
ทว่าทันทีที่เมเดลีนจากไปแล้ว เอวาก็รู้สึกอึดอัดและหัวใจก็เต้นไม่เป็นจังหวะ ทั้งใบหน้าของเธอยังร้อนผ่าวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเช่นกัน
แต่แดเนียลกลับจับมือของเธอเอาไว้อย่างเป็นธรรมชาติ และพาเธอเดินไปตามถนนราวกับว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับเขา
เอวารู้สึกราวกับว่าเธอกำลังอยู่ในความฝันอันแสนวิเศษ สิ่งนี้เป็นเพียงความฝันอันน่าประทับใจและไม่มีอะไรดีไปมากกว่านี้อีกแล้ว
เมเดลีนขับรถไปยังที่นัดพบระหว่างเธอกับฟาเบียน ทันทีที่ลงจากรถฟาเบียนก็เดินเข้ามาหาเธอ และถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า “รู้ไหมว่าตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหน?”
“คุณขอให้ฉันมาที่นี่เพื่อจะถามว่าเจเรมี่อยู่ที่ไหนเหรอ?” เมเดลีนงง “ทำไมคุณถึงตามหาเขา? เกี่ยวกับลาน่าหรือเปล่า?”
ฟาเบียนขมวดคิ้ว “ลาน่าถูกทีมไอบีซีไอจับตัวไปแล้ว พี่โยริคเองก็ติดอยู่ในนั้น และยังออกมาไม่ได้ ก่อนหน้านั้นลาน่าบอกว่าเธอกำลังจะไปคุยกับเจเรมี่เรื่องธุรกิจแล้วจากนั้นเธอก็ถูกจับ ดังนั้นมีเพียงเจเรมี่ที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนั้น”
“ไอบีซีไอ?” เมเดลีนดูเหมือนจะรู้สึกคุ้น ๆ กับแผนกสืบสวนอาชญากรรมระหว่างประเทศ แต่สำหรับเรื่องที่ลาน่าถูกจับกุม เธอไม่ได้รู้สึกสงสารอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย
‘ผู้หญิงคนนั้นทำสิ่งชั่วร้ายมามากมาย เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในขณะนี้เป็นเพราะการกระทำของเธอเองทั้งหมด โทษใครไม่ได้เลย’
‘แต่สำหรับเจเรมี่…’
เธอนึกถึงช่วงเวลาที่เจเรมี่ใช้มากมายกับลาน่า รวมถึงช่วยเหลือเธอในการก่ออาชญากรรม
'นั่นคือเหตุผลที่เขาถูกไอบีซีไอตามล่าด้วยหรือเปล่า?'
เมเดลีนส่ายหน้า “ฉันไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน ฉันไม่ได้ติดต่อกับเขาแล้ว”
ฟาเบียนถอนหายใจยาว หลังจากได้รับคำตอบ “เราต้องคืนสิ่งที่เราเอามาจากคนอื่นแล้วสินะ โดยเฉพาะสิ่งที่ปะปนในด้านมืดพวกนั้น”
ดวงตาของเมเดลีนเย็นชาราวกับกลายเป็นน้ำแข็ง หลังจากได้ยินอย่างนั้น “คุณเห็นอกเห็นใจพี่น้องของตัวเองเหรอ? ในความคิดของฉัน การตายของลาน่าไม่ควรค่ากับการสนใจด้วยซ้ำ ส่วนโยริค เขาก็ควรรับผิดชอบกับสิ่งที่เขาได้ทำลงไป ในท้ายที่สุดแล้วพวกเขาทุกคนก็สมควรได้รับผลกับสิ่งที่ทำลงไป”
ฟาเบียนเข้าใจความรู้สึกในตอนนี้ของเมเดลีนดี
เธอเพิ่งกลับมาที่คฤหาสน์วิทแมน และได้รับโทรศัพท์จากไรอัน เขาบอกว่าสองวันนี้เขาน่าจะยุ่งอยู่กับงาน และคงไม่มีเวลากลับบ้านเท่าไหร่นัก ดังนั้นเขาจึงขอให้เมเดลีนอยู่ที่คฤหาสน์วิทแมนไปก่อนสักสองวัน
หญิงสาวไม่แน่ใจเกี่ยวกับอาชีพของไรอันนัก แต่เนื่องจากเธอไว้ใจในตัวเขา เธอจึงไม่ถามอะไรเขาอีก
หลังจากเข้าไปในบ้าน เธอเห็นลูก ๆ ทั้งสองคนของเธอนั่งอยู่บนโซฟาโดยไม่พูดอะไรสักคำ ภาพที่เห็นทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจนัก
'ลิเลียนไม่พูด แล้วตอนนี้แจ็คสันก็ไม่พูดไปด้วยอีกคน นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?'
“แม่กลับมาแล้วแจ็ค เกิดอะไรขึ้นจ๊ะ? ทำไมลูก ๆ ไม่ทักทายแม่เลยล่ะ?” เมเดลีนแสดงความกังวลอย่างเห็นได้ชัด
แจ็คสันเงยหน้าที่มีน้ำตาไหลพรากขึ้นพลางพึมพำ “แม่ครับ แดดดี้ไม่ต้องการเราอีกแล้ว”
เมเดลีนตะลึง เธอไม่ทราบว่ามีเหตุผลอะไรที่อยู่เบื้องหลังความคิดของลูกชายซึ่งเอ่ยออกมาอย่างกะทันหันแบบนี้
ในขณะนั้นเอง คาเลนก็มาถึงพร้อมกับอุ้มพุดดิ้งในอ้อมแขน “ก่อนหน้านี้เมื่อตอนบ่าย เจเรมี่แวะมา”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ
1...
1...
1...
นางเอกโคตรโง่เลย เชื่อผู้ชายคนนี้ได้ไง ก็รู้อยู่ว่าเขานิสัยไม่ดีและจะแย่งตัวเองมาจากสามี ดันไปเชื่อมัน เอายามาแอบฉีดให้สามีเฉยเลย แทนที่จะปรึกษากันก่อน...
ต่อให้ทำผิดแล้วก็ไม่ควรให้อภัยอ่ะ เพราะมันเลวมาก รู้ว่านังเมอร์ทำชั่ว แต่ก็ช่วยปกปิดสารพัด ขนาดฆ่าคนตาย ยังยึดหลักฐานไป ปล่อย ห้นางเอกรับโทษแทนตั้งสามปี ไม่เคยมาดูดำดูดี พอออกมาได้ก็ยังทุบตีสารพัด ไม่เข้าใจว่านางเอกจะกลับมารักได้ไง...
หวาดเสียวว่านางเอกจะกลับมารักสามีเก่า โอ่ย ไม่ไหวนะ ต้องท่องไว้ว่ามันทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจไว้หนักหนาสาหัส ทำลูกตายด้วยนะ ทำลายหลุมศพปู่กับลูกอีก...
ทำไมไม่เอาหลักฐานให้ลุง ลุงเป็นคนดี ต้องเชื่ออน่นอน มีอำนาจด้วย ช่วยคุยกับตำรวจได้...
อ้าว รีบบอกพ่อแม่สิ จะปล่อยอีชั่วนี่ไว้กับพ่อแม่ได้ไง...
เรื่องนี้อ่านแล้วโคตรโมโห นางเอกน่าจะฆ่าแม่งให้หมดทุกตัวเลย อย่าให้เป็นว่ายกโทษให้สามีนะ...
อย่าได้กลับไปอยู่กับสามีเลย ชั่วช้าขนาดนั้น ต้องแก้แค้นให้สาสม...