‘ขอบคุณพระเจ้า ไรอันแค่กุเรื่องโกหกขึ้นมาเท่านั้น’
เขาถอนหายใจเงียบ ๆ อย่างโล่งอก และความกังวลภายในใจของเขาก็สลายไป
“ลินนี่ ผมบอกให้รอที่รถ คุณมาทำอะไรตรงนี้?” เมื่อคลายอ้อมกอด เจเรมี่ก็มองเข้าไปในดวงตากลมของเมเดลีนพลางเอ่ยถามอย่างอ่อนโยน
เธอหลบสายตาเล็กน้อย “ฉันไม่อยากเสี่ยงที่จะไม่ได้เจอคุณอีก”
เจเรมี่รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่ไหลเวียนในกายเมื่อได้ยินคำตอบของเธอ เขายังรู้สึกได้ถึงความร้อนผ่าวในดวงตา จากนั้นเขาก็ยื่นแขนออกไปกอดเธอไว้แน่น ๆ อีกครั้ง
ทั่วทั้งบริเวณเงียบจนได้ยินเสียงลมหายใจ ขณะที่หัวใจของพวกเขาก็เต้นแรงด้วยความตื่นเต้น
“ลินนี่ คุณไม่ต้องทนอยู่กับวันเหล่านั้นที่ไม่เห็นผมอีกแล้วนะ จากนี้ไปผมจะอยู่กับคุณทุกวินาที”
เมเดลีนยิ้มและหลับตาเอนกายอยู่ในอ้อมแขนของเจเรมี่
เมื่อกลับมาจากเอพริลฮิลล์ เจเรมี่ก็รีบแจ้งข่าวให้ทางอินเตอร์โพลได้รู้ความเคลื่อนไหวของไรอันทันที รวมถึงแจ้งด้วยว่าเขาเป็นคนยิงไรอัน
ทว่าไรอันก็เป็นคนเจ้าเล่ห์ไม่น้อย แม้จะได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก แต่ก็เลี่ยงที่จะไปโรงพยาบาล
หลังจากตรวจสอบโรงพยาบาลเอกชนและรัฐบาลทั้งหมดในเกลนเดลแล้ว พวกเขาก็ยังไม่พบตัวไรอัน
เจเรมี่พาเมเดลีนกลับไปที่บ้านหลังใหม่ เพื่อป้องกันไม่ให้เธอต้องเจอปัญหาไปมากกว่านี้
เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน เขาก็ลงมือเตรียมอาหารเย็นด้วยตัวเอง ส่วนเมเดลีนก็กินอาหารอย่างพึงพอใจ
บางทีเธออาจจะเหนื่อยเกินไป หลังจากที่ทานอาหารและอาบน้ำเสร็จ เธอก็หลับทันที
สองวันที่ผ่านมาวุ่นวายมากเหลือเกิน เจเรมี่เองก็เหนื่อยด้วยเช่นกัน หลังจากอาบน้ำเสร็จเขาก็ค่อย ๆ นอนลงบนเตียง
แสงจันทร์ส่องสว่างเข้ามาภายในห้องผ่านหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดาน เจเรมี่วางมือข้างหนึ่งไว้เหนือศีรษะ และยกอีกข้างขึ้นแตะใบหน้าของเมเดลีนเบา ๆ
เขาจ้องมองเธอ ก่อนจะขยับมาใกล้ ๆ แล้วประทับจูบลงที่ใบหน้าเธอ
หลังจากจูบเธอ เขาก็เริ่มรู้สึกกังวล
เขากลัวว่าการกระทำของตัวเองจะไปรบกวนเมเดลีน กลัวว่าหากเธอลืมตาขึ้นนมาตอนนี้ เธอจะรู้ว่าดวงตาและสีผมของเขาแตกต่างจากที่เคยเป็น และเธอจะจำเขาไม่ได้
อาจเป็นเพราะเขามีความกังวลมากไปจนทำให้เมเดลีนเริ่มรู้สึกตัวจะตื่นขึ้นมาจริง ๆ
เมเดลีนยิ้มหวานออกมา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นประทับจูบเจเรมี่อย่างเร่าร้อน
กลิ่นหอมที่จู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัวทำให้เจเรมี่เงอะงะเล็กน้อย เพราะไม่คาดคิดว่าเมเดลีนจะเป็นฝ่ายจูบเขาก่อนในสถานการณ์แบบนี้
ขณะที่เขายังตกตะลึง เมเดลีนก็จูบเขาอีกเป็นครั้งที่สอง
คราวนี้เมื่อริมฝีปากของเธอกำลังจะละจากไป เจเรมี่ก็ยกมือขึ้นกดศีรษะของเมเดลีนเอาไว้
สายตาของคนทั้งสองสอดประสานกันนิ่งภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืน ราวกับมีกระแสแห่งความหลงใหลไหลผ่านระหว่างพวกเขาอย่างช้า ๆ
ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับเมเดลีนใกล้ ๆ เจเรมี่ก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อควบคุมความรู้สึกภายใน
ในคืนก่อนที่เขาจะกลับมา เขาแสดงอาการหุนหันพลันแล่น จนทำให้เธอหวาดกลัว และอยากจะหนีเขาไป ตอนนี้เขาไม่อยากทำให้เธอรู้สึกกลัวอีก
หลังจากเงียบไปชั่วครู่ ร่างสูงก็เม้มริมฝีปาก และกลืนน้ำลายเพื่อพยายามอดกลั้นความรู้สึกภายใน ก่อนจะแตะศีรษะของเมเดลีนเบา ๆ “รีบนอนเถอะ ฝัน…”
แต่ไม่ทันที่เขาจะได้พูดจบประโยค เมเดลีนก็ประทับจูบลงมาอีกครั้ง เขาชะงักค้างมองผู้หญิงตรงหน้าไว้ด้วยความประหลาดใจ...
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ
1...
1...
1...
นางเอกโคตรโง่เลย เชื่อผู้ชายคนนี้ได้ไง ก็รู้อยู่ว่าเขานิสัยไม่ดีและจะแย่งตัวเองมาจากสามี ดันไปเชื่อมัน เอายามาแอบฉีดให้สามีเฉยเลย แทนที่จะปรึกษากันก่อน...
ต่อให้ทำผิดแล้วก็ไม่ควรให้อภัยอ่ะ เพราะมันเลวมาก รู้ว่านังเมอร์ทำชั่ว แต่ก็ช่วยปกปิดสารพัด ขนาดฆ่าคนตาย ยังยึดหลักฐานไป ปล่อย ห้นางเอกรับโทษแทนตั้งสามปี ไม่เคยมาดูดำดูดี พอออกมาได้ก็ยังทุบตีสารพัด ไม่เข้าใจว่านางเอกจะกลับมารักได้ไง...
หวาดเสียวว่านางเอกจะกลับมารักสามีเก่า โอ่ย ไม่ไหวนะ ต้องท่องไว้ว่ามันทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจไว้หนักหนาสาหัส ทำลูกตายด้วยนะ ทำลายหลุมศพปู่กับลูกอีก...
ทำไมไม่เอาหลักฐานให้ลุง ลุงเป็นคนดี ต้องเชื่ออน่นอน มีอำนาจด้วย ช่วยคุยกับตำรวจได้...
อ้าว รีบบอกพ่อแม่สิ จะปล่อยอีชั่วนี่ไว้กับพ่อแม่ได้ไง...
เรื่องนี้อ่านแล้วโคตรโมโห นางเอกน่าจะฆ่าแม่งให้หมดทุกตัวเลย อย่าให้เป็นว่ายกโทษให้สามีนะ...
อย่าได้กลับไปอยู่กับสามีเลย ชั่วช้าขนาดนั้น ต้องแก้แค้นให้สาสม...