เสียงเกรี้ยวกราดของผู้ชายคนหนึ่งดังออกมาจากโถงทางเดิน
เจเรมี่หันไปมองคนที่บุกเข้ามาและเข้าใจเจตนาของผู้มาเยือนในทันที
เขาส่งสัญญาณให้สาวใช้ไปจัดการงานของตัวเองต่อ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเรียบนิ่ง “ถ้ามีเวลาคุณควรไปโรงพยาบาล ไม่ใช่มาแสดงไอคิวต่ำ ๆ ของคุณแถวนี้”
“ว่าไงนะ? เจเรมี่ แกฆ่าไรย์แล้วยังกล้าบอกว่ามันไม่เกี่ยวอะไรกับแกอีกงั้นเหรอ?! เจเรมี่ฉันจะบอกให้นะ ว่าไรย์จะไม่มีวันตายฟรีแน่!” แม่ของไรอันสาปแช่งทั้งน้ำตา และเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
นายท่านโจนส์เองก็โกรธมากพลางกัดฟันข่มอารมณ์แน่น “เจเรมี่ ถึงแม้ว่าไรย์ของเราจะฆ่าผู้หญิงที่ชื่อลาน่า จอห์นสันจริง แต่ก็ควรเป็นตำรวจที่ทำหน้าที่ลงโทษเขา! คุณเป็นใครถึงได้ยิงไรย์แบบนั้น?”
“พวกวิทแมนนี่มีนิสัยชอบรังแกคนในตระกูลโจนส์มาแต่ไหนแต่ไรเลยใช่ไหม? ไม่ใช่แค่พวกแกที่ฆ่าพ่อฉัน แต่ตอนนี้แกยังจะฆ่าลูกชายฉันอีก!”
เจเรมี่ขมวดคิ้ว ความขุ่นเคืองปรากฏขึ้นในแววตาเขาอย่างชัดเจน ก่อนจะย้ำด้วยสีหน้าจริงจัง “ไม่ว่าในอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต คนในตระกูลวิทแมนก็ไม่เคยทำร้ายใคร”
แววตาของเขาสง่าผ่าเผยและตรงไปตรงมา
“ผมจะพูดแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ว่าการตายของผู้อาวุโสโจนส์ไม่เกี่ยวอะไรกับปู่ของผม ส่วนไรอัน ถ้าเขาตายด้วยกระสุนปืนจริง ๆ เขาก็ต้องโทษการกระทำของตัวเอง ไม่เกี่ยวกับคนอื่นเลย”
“กะ แกกำลังจะบอกว่าไรย์เป็นคนที่ต้องโดนกล่าวโทษอย่างนั้นเหรอ?!” แม่ของไรอันยอมรับไม่ได้กับสิ่งที่ได้ยิน เธอจึงโยนความหงุดหงิดด้วยการกล่าวโทษใส่คนอื่นทันที “คุณและเอวลีน มอนต์โกเมอรี คือคนที่ฆ่าไรย์! เอวลีนเป็นฝ่ายที่ไม่แน่นอน และเล่นกับความรู้สึกของลูกชายฉัน คุณก็เลยเกลียดมาก แล้วระบายความแค้นด้วยการยิงไรย์จนตายต่างหากล่ะ!
“อย่าคิดว่า คุณจะทำอะไรก็ได้เพียงเพราะตระกูลวิทแมนเป็นตระกูลอันดับหนึ่งในเกลนเดล ฉันจะทวงความยุติธรรมคืนมาให้ไรย์แน่!”
“คุณรู้ด้วยเหรอว่าความยุติธรรมคืออะไร?” เจเรมี่โกรธขึ้นมาทันที
คำพูดของอีกฝ่ายกำลังกระตุ้นบางอย่างในตัวเขาอย่างแรง
เธอจะด่าเขาก็ได้หากเธอต้องการ แต่อย่ายุ่งกับเมเดลีน
ดวงตาที่ล้ำลึกแข็งกร้าวขึ้นทันทีพร้อมกับความเย็นชาที่หมุนวนอยู่ภายใน “เป็นลูกชายของคุณที่เข้าหาภรรยาของผมด้วยแรงจูงใจซ่อนเร้นมาตั้งแต่ต้น ภรรยาของผมปฏิบัติตัวต่อเขาเหมือนเพื่อน แต่เขาทำอะไรล่ะ? เขาแค่ต้องการใช้เธอเพื่อแก้แค้นเท่านั้น!”
“ลินนี่เป็นคนที่มีสุขภาพแข็งแรง สง่าผ่าเผย ฉลาด และมีความมั่นใจ ตอนนี้ลูกชายของคุณทำให้เธอกลายเป็นคนสติฟั่นเฟือน คุณคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงได้มายืนตำหนิภรรยาผมอยู่ที่นี่?
เจเรมี่รู้ว่าพ่อและแม่ของไรอันกำลังตามหลังเขามาซึ่งชายหนุ่มไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับพวกเขานัก ด้วยเหตุนี้เขาจึงขับรถตรงไปที่โรงพยาบาลที่ไรอันเข้ารับการผ่าตัด
เมื่อมาถึงไฟสีแดงในห้องผ่าตัดก็เพิ่งดับลง พร้อมกับศัลยแพทย์ที่เดินออกมา
เจเรมี่ชำเลืองมองบุคคลทั้งสองที่ตามหลังมา ก่อนจะก้าวไปข้างหน้าและถาม “คนที่ถูกยิงเป็นยังไงบ้าง? เขายังรอดใช่ไหม?”
หลังจากได้ยินคำถามของเจเรมี่ หัวใจของคนเป็นพ่อและแม่ก็บีบแน่น ยากที่จะหายใจได้ถนัดอย่างเดิม
ก่อนที่วินาทีต่อมาพวกเขาจะเห็นแพทย์ส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ “กระสุนถูกนำออกไปแล้วครับ แต่เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้จึงถูกย้ายไปยังห้องไอซียูแล้ว ถ้าเขาฟื้นก็แสดงว่าเราจะยังพอมีหวัง แต่ความเป็นไปได้ก็น้อยมากเหมือนกัน”
หลังจากฟังสิ่งนั้นแม่ของไรอันก็ตกตะลึง จากนั้นเธอก็ร้องครวญครางออกมาด้วยความเจ็บปวด “ไรย์!”
ทันใดนั้นเธอก็ยกนิ้วชี้ไปที่เจเรมี่ด้วยน้ำตาที่ไหลอาบใบหน้า “เจเรมี่ วิทแมน แกมันฆาตกร! แกจะต้องตายโหง! เอวลีน มอนต์โกเมอรีก็จะต้องตายโหงไปเหมือนกัน! ครอบครัวของพวกแกทั้งหมดจะต้องตายโหงกันทั้งตระกูล!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ
1...
1...
1...
นางเอกโคตรโง่เลย เชื่อผู้ชายคนนี้ได้ไง ก็รู้อยู่ว่าเขานิสัยไม่ดีและจะแย่งตัวเองมาจากสามี ดันไปเชื่อมัน เอายามาแอบฉีดให้สามีเฉยเลย แทนที่จะปรึกษากันก่อน...
ต่อให้ทำผิดแล้วก็ไม่ควรให้อภัยอ่ะ เพราะมันเลวมาก รู้ว่านังเมอร์ทำชั่ว แต่ก็ช่วยปกปิดสารพัด ขนาดฆ่าคนตาย ยังยึดหลักฐานไป ปล่อย ห้นางเอกรับโทษแทนตั้งสามปี ไม่เคยมาดูดำดูดี พอออกมาได้ก็ยังทุบตีสารพัด ไม่เข้าใจว่านางเอกจะกลับมารักได้ไง...
หวาดเสียวว่านางเอกจะกลับมารักสามีเก่า โอ่ย ไม่ไหวนะ ต้องท่องไว้ว่ามันทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจไว้หนักหนาสาหัส ทำลูกตายด้วยนะ ทำลายหลุมศพปู่กับลูกอีก...
ทำไมไม่เอาหลักฐานให้ลุง ลุงเป็นคนดี ต้องเชื่ออน่นอน มีอำนาจด้วย ช่วยคุยกับตำรวจได้...
อ้าว รีบบอกพ่อแม่สิ จะปล่อยอีชั่วนี่ไว้กับพ่อแม่ได้ไง...
เรื่องนี้อ่านแล้วโคตรโมโห นางเอกน่าจะฆ่าแม่งให้หมดทุกตัวเลย อย่าให้เป็นว่ายกโทษให้สามีนะ...
อย่าได้กลับไปอยู่กับสามีเลย ชั่วช้าขนาดนั้น ต้องแก้แค้นให้สาสม...