แม่ของไรอันเริ่มมีอารมณ์ฉุนเฉียว เธอยื่นมือออกไปพยายามดึงแขนของเมเดลีนอีกครั้ง แต่เจเรมี่ไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ทำอย่างที่ใจหวัง
เขาดึงเมเดลีนเข้ามาไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเย็นชา
“ทำไม? ได้อย่างที่ต้องการแล้วไม่สนใจเรื่องที่สัญญาไว้แล้วงั้นสิ?” เขาพูดอย่างเย็นชา
แม่ของไรอันชะงักและรู้สึกกลัวเจเรมี่ขึ้นมาเล็กน้อยจนไม่กล้าพูดอะไรต่อ เธอเริ่มตั้งคำถามกับเมเดลีนอีกครั้งหลังจากเห็นความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในห้องไอซียู
“เอวลีน เธออยู่ในนั้นนานมากนะ เธอพูดอะไรกับไรย์ เธอจงใจพูดอะไรบางอย่างที่ไรย์ไม่อยากได้ยินเพื่อกระตุ้นเขา อาการของเขาเลยแย่ลงใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นทำไมหมอถึงต้องรีบเข้าไปแบบนั้นล่ะ?”
“เอวลีน ฉันไม่คิดว่าเลยว่าเธอจะร้ายกาจขนาดนี้!” นายท่านโจนส์เองก็ตำหนิเมเดลีนด้วยเช่นกัน
เจเรมี่รักภรรยาของเขามาก เขาจะปล่อยให้พ่อและแม่ของไรอันโจมตีคนที่เขารักอย่างนี้ต่อไปได้ยังไง
แต่เมื่อเขากำลังจะพูด เมเดลีนก็จับมือของเขาเอาไว้ “เจเรมี่”
เธอมองเขาด้วยรอยยิ้ม พลางส่ายหน้าเล็กน้อย
“ไม่จำเป็นต้องโต้เถียงกับพวกเขา ฉันได้ทำในสิ่งที่ควรทำแล้ว สำหรับผลลัพธ์…”
เธอมองเข้าไปในห้อง ‘ไรอัน คุณต้องตื่นขึ้นมาฟังสิ่งที่ฉันอยากจะบอก ดังนั้นคุณต้องตื่น’
“เธอหมายความว่ายังไง? ฉันขอร้องให้เธอเข้าไปให้กำลังใจไรย์ แล้วตอนนี้เธอกำลังพูดเรื่องอะไร? ถ้าไรย์ยังคงไม่อยากมีชีวิตอยู่ แล้วจะมีประโยชน์อะไรที่ฉันยอมให้เธอเข้าไปหาเขา?” น้ำเสียงขมขื่นส่งออกมาจากคุณนายโจนส์พลางยิ้มอย่างนึกตำหนิตนเอง
“ต้องมีบางอย่างผิดปกติกับฉันแน่ ๆ ที่ขอร้องให้เธอเข้าไปหาไรย์! ฉันลืมไปได้ยังไงว่าคนตระกูลวิทแมนน่ะโหดเหี้ยมขนาดไหน รวมถึงเธอด้วย! เธออยากให้ไรย์ตาย!”
“พอแล้ว!” เจเรมี่ขัดจังหวะอย่างเย็นชา
“แค่ปล่อยให้ภรรยาผมเข้าไปหาเขา นั่นก็มากเกินพอแล้ว!”
“แก…” ได้ยินอย่างนั้นแม่ของไรอันก็ทนไม่ไหว แต่ก็รู้ว่าไม่สามารถตอบโต้อะไรเจเรมี่ได้ ด้วยเหตุนี้เธอจึงมุ่งเป้าไปที่เมเดลีนอีกครั้ง “เอวลีน ถ้าไรย์อาการหนักเพราะเธอจริง ๆ เธอจะต้องชดใช้ด้วยชีวิต!”
หลังจากที่สาปแช่งอีกฝ่าย ทันใดนั้นหมอก็เดินออกมาจากห้อง
เธอรีบวิ่งเข้าไปหาทันที “หมอ ลูกชายของฉันอาการดีขึ้นบ้างไหม? เขาอาการแย่ลงเพราะผู้หญิงคนนี้ใช่หรือเปล่า?”
หมอขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ “คุณครับ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าคุณผู้หญิงคนนี้เข้าไปหาลูกชายของคุณ อาการของเขาก็คงไม่ดีขึ้นหรอกนะครับ”
“ว่าไงนะ? ดีขึ้น?” ทั้งพ่อและแม่ของไรอันต่างก็ตกใจ “หมอพูดจริงหรือเปล่า?”
“พวกคุณคิดว่าผมโกหกจริง ๆ เหรอครับ?” หมอถามด้วยสีหน้าจริงจัง “ถ้าเมื่อกี้ไม่ใช่เพราะะคุณไม่ยอมให้เธอเข้าไปในนั้น ผมคงไม่ต้องออกมาบอกว่าทุกอย่างสายเกินไปแล้ว ผมทำไปเพื่อไม่ให้ทุกอย่างล่าช้าเกินไปกว่านี้”
“...”
หลังจากที่ได้ยินอย่างนั้น ใบหน้าของคนทั้งสองก็รร้อนผ่าวด้วยความละอายใจ
“สิ่งสำคัญสำหรับผู้ป่วยแบบนี้คือความตั้งใจที่จะมีชีวิตอยู่ ในฐานะพ่อแม่ของเขา หากคุณต้องการให้ลูกชายของคุณมีชีวิตอยู่ต่อไป คุณต้องขอบคุณผู้หญิงคนนี้และอย่าตำหนิเธออีก”
“...”
ได้ยินอย่างนั้นความเงียบก็เกิดขึ้น การด่าทอและสาปแช่งที่ปล่อยออกมากำลังกัดกร่อนที่ก้นบึ้งของหัวใจคนทั้งคู่ พวกเขารู้สึกราวกับว่ากำลังถูกตบหลายครั้งและอับอายเป็นอย่างมาก
“ละ… แล้วตอนนี้ลูกฉันเป็นยังไงบ้าง? ตอนนี้เขาสบายดีไหม” ผู้เป็นแม่เอ่ยถามอย่างระมัดระวังขณะที่มองดูท่าทีของเมเดลีน “เมื่อกี้นี้เธอพูดอะไรกับลูกชายฉัน? มันได้ผลจริง ๆ เหรอ?”
แพทย์ไม่สามารถทนกับท่าทีของแม่ผู้ป่วยได้ เขาจึงเอ่ยออกมาอย่างเคร่งขรึม “ตอนนี้ผมก็บอกคุณอย่างชัดเจนแล้ว ถ้าคุณยังคิดว่าเธอกำลังทำร้ายลูกชายของคุณอีก เราก็คงไม่มีอะไรจะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกแล้ว”
“...”
เพราะไม่ต้องการอธิบายอะไรอีกต่อไป ดังนั้นหมอจึงเดินจากไป
“เจเรมี่ เราก็ควรไปเหมือนกัน” เมเดลีนบอกเขาเพราะเธอไม่อยากจะยืนอยู่ตรงนี้อีกต่อไป
ก่อนที่จะออกมาจากบ้าน เมเดลีนก็มีความรู้สึกว่าเธอต้องทำอะไรบางอย่างอยู่แล้ว
หลังจากได้พูดกับไรอันแบบนั้น เธอก็รู้สึกราวกับว่าความหนักอึ้งทั้งหมดในหัวใจได้ถูกยกออกไปทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ