เมเดลีนคิดว่าเธอตอบกลับเมเรดิธได้ดี อีกฝ่ายคงรู้สึกสะเทือนไม่น้อย แต่ทว่าเมื่อได้ยินคำพูดของเมเรดิธ เธอกลับรู้สึกพ่ายแพ้อย่างไร้ทางสู้
เจเรมี่อยู่เคียงข้างหล่อนในการตรวจสุขภาพของแม่เด็กในระยะหลัง
มันควรจะเป็นสิ่งที่สามีภรรยาพึงกระทำ แต่เจเรมี่กำลังให้ความสำคัญกับผู้หญิงอีกคน
เมเรดิธเดินนำหน้าด้วยความภาคภูมิใจ “แมดดี้เกิดอะไรขึ้น? เธอกำลังรู้สึกอารมณ์เสีย? หรือกำลังรู้สึกอกหัก?"
เมเดลีนกำหมัดแน่น เพื่อผ่อนคลายอารมณ์ที่ไม่สงบของตัวเธอเอง เธอปฏิเสธที่จะยอมให้ตัวเองเสียภาพลักษณ์ที่นิ่งสงบ “ไม่หรอก ฉันแค่รู้สึกว่าเธอช่างไร้ยางอาย”
ทันทีที่จบประโยค เมเดลีนจ้องมองใบหน้าที่บิดเบี้ยวของเมเรดิธ
“นี่! เมเรดิธ ฉันเองไม่คิดว่าจะสามารถพบเจอผู้หญิงคนไหนที่ไร้ยางอาย และยังภาคภูมิใจแบบเธอ คนที่คิดว่าตัวเองสูงส่งมากทั้ง ๆ ที่เป็นได้แค่เมียน้อย”
"แก..."
“วันหนึ่ง เจเรมี่จะรู้ว่าลูกในท้องของเธอ มันไม่ใช่สายเลือดของเขา”
หน้ากากจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ที่เมเรดิธสวมอยู่ถูกฉีกออกจากใบหน้า ทันใดนั้นเธอก็ยิ้มออกมา ขณะที่เธอพูดว่า
“เจเรมี่รักฉันมาก ต่อให้เด็กคนนี้จะไม่ใช่ลูกของเขา แต่เขาก็ยังคงรักเด็กคนนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายอย่างไม่มีข้อแม้ ไม่เหมือนกับเธอ ที่มีลูกของเขาแล้วยังไง? มันไม่ใช่แค่ว่าเขาไม่ต้องการนะ แต่เขาไม่เคยอยากให้เธอคลอดเด็กเหลือขอนั่น!”
เมเรดิธกัดฟันคว้าเมเดลีนที่กำลังจะหันหลังกลับเพื่อเดินจากไป ทันใดนั้นใบหน้าของเมเรดิธ เริ่มกดต่ำลงเสียงสะอื้น ถูกส่งออกมาจากมือที่ป้องปาก เสียงของเธอดังมาก ในขณะที่เธอพูด
“แมดดี้ ได้โปรด ฉันรักเจเรมี่ ได้โปรดให้เขากลับมาหาฉัน”
อะไรอีก?
“แมดดี้ เธอแค่โวยวายและทุบตีฉันตามที่เธอต้องการก็ได้ แต่อย่าทำร้ายลูกฉัน! อ้าา!"
เมเรดิธกรีดร้องออกมาอย่างดูทุกข์ทรมาน ในขณะเดียวกันก็ปล่อยมือของแมดดี้ก่อนจะกลิ้งลงบันได
ตามสถานการณ์ รูปลักษณ์ตามแบบที่ออกมาเต็มไปด้วยข้อกล่าวหาและความไม่คาดคิด เมเดลีนถูกชี้เป้าว่าเป็นคนผิด มีคนชี้มาที่เธอและตะโกนว่า “ผู้หญิงคนนั้น เธอผลักผู้หญิงท้องตกบันได!”
“ไม่ใช่ฉัน! ฉันไม่ได้ทำ!”
เมเดลีนพยายามอธิบายอย่างเต็มที่ แต่ไม่มีใครเชื่อเธอ
เธอต้องการลงไปดูสภาพของเมเรดิธ หลังจากเธอแกล้งออกแรงตกลงไป
เมเดลีนยังคงทำได้เพียงแค่พูดซ้ำ ๆ ว่าเธอไม่ได้ผลักดันเมเรดิธ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางหลักฐานที่เรียกว่าพยานรูปธรรมต่อหน้าเธอ
ภาพการรักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาล แสดงให้เห็นว่าเธอกำลังคุยกับเมเรดิธที่ตรงบันได
ในขณะนั้นการแสดงออกของเมเรดิธก็ดูเป็นมิตรเเละจริงใจ ในขณะที่เมเดลีนเองแสดงท่าทางเย็นชา จากนั้นพวกเขาก็เริ่มผลักดันกันไปมา ก่อนที่เมเรดิธจะถูกเมเดลีน ‘ผลัก’ ให้ตกบันได
หญิงตั้งครรภ์สองคนมาที่สถานีเพื่อให้ปากคำ พวกเขาบอกว่า เมเรดิธขอร้องเมเดลีนอย่าทำร้ายลูกของเธอ เมื่อพวกเขาหันกลับไปก็พบว่าเมเรดิธถูกผลักตกบันไดไปเรียบร้อย
เมเดลีนเองก็ตกใจไม่นัอย เมื่อเห็นหลักฐานและได้ยินคำให้การของพยาน
เธอถูกเมเรดิธิตีกรอบให้เป็นแบบนั่น การกระทำครั้งนี้สามารถหลอกทุกคนได้ และผลของมันทำให้เธอถูกคุมตัวไปที่ห้องขัง
เมเดลีนรู้สึกประหม่าเมื่อเห็นลูกกรงและสภาพแวดล้อมที่มืดสลัว
หากเธอถูกตัดสินว่าทำร้ายร่างกาย เธอจะต้องเข้าคุกแน่นอน อย่างไรก็ตาม เธอตั้งครรภ์ในขณะนี้ เธอไม่สามารถปล่อยให้ลูกของเธอต้องทนทุกข์ทรมานไปกับเธอได้
เมื่อคิดได้ก็วิ่งไปที่ลูกกรงอย่างบ้าคลั่ง “ฉันถูกใส่ร้าย! ฉันไม่ได้ผลักใคร! ฉันอยากเจอสามี! ได้โปรดให้ฉันพบสามีของฉัน!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ
1...
1...
1...
นางเอกโคตรโง่เลย เชื่อผู้ชายคนนี้ได้ไง ก็รู้อยู่ว่าเขานิสัยไม่ดีและจะแย่งตัวเองมาจากสามี ดันไปเชื่อมัน เอายามาแอบฉีดให้สามีเฉยเลย แทนที่จะปรึกษากันก่อน...
ต่อให้ทำผิดแล้วก็ไม่ควรให้อภัยอ่ะ เพราะมันเลวมาก รู้ว่านังเมอร์ทำชั่ว แต่ก็ช่วยปกปิดสารพัด ขนาดฆ่าคนตาย ยังยึดหลักฐานไป ปล่อย ห้นางเอกรับโทษแทนตั้งสามปี ไม่เคยมาดูดำดูดี พอออกมาได้ก็ยังทุบตีสารพัด ไม่เข้าใจว่านางเอกจะกลับมารักได้ไง...
หวาดเสียวว่านางเอกจะกลับมารักสามีเก่า โอ่ย ไม่ไหวนะ ต้องท่องไว้ว่ามันทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจไว้หนักหนาสาหัส ทำลูกตายด้วยนะ ทำลายหลุมศพปู่กับลูกอีก...
ทำไมไม่เอาหลักฐานให้ลุง ลุงเป็นคนดี ต้องเชื่ออน่นอน มีอำนาจด้วย ช่วยคุยกับตำรวจได้...
อ้าว รีบบอกพ่อแม่สิ จะปล่อยอีชั่วนี่ไว้กับพ่อแม่ได้ไง...
เรื่องนี้อ่านแล้วโคตรโมโห นางเอกน่าจะฆ่าแม่งให้หมดทุกตัวเลย อย่าให้เป็นว่ายกโทษให้สามีนะ...
อย่าได้กลับไปอยู่กับสามีเลย ชั่วช้าขนาดนั้น ต้องแก้แค้นให้สาสม...