ความทรงจำที่เลือนรางก่อนหน้านี้ก่อนที่เธอจะยอมจำนนต่อความมืดและหมดสติไปในที่สุด เธอจำได้แค่ว่าจู่ ๆ เจเรมี่ก็มาดูเหมือนจะช่วยเธอได้ทัน
เธอจำได้ว่าเขากอดเธอไว้แน่นแค่ไหนและปลอบโยนเธอได้ยังไงรวมถึงตัวเธอที่โน้มข้าไปในอ้อมกอดเขาเพราะเขาทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยขึ้น ...
มาเดลีนใจเต้นแรง เป็นจังหวะที่คุ้นเคยข้างในอีกครั้ง
เธอกัดริมฝีปากและกำหมัดแน่น
‘ไม่หรอก ฉันจะตกหลุมรักเขาอีกครั้งได้ไงกัน?
'ฉันเกลียดเขา!
‘ความรักในตัวฉันตายไปพร้อม ๆ กับการถูกผลักไปยังจุดจบที่ล้ำลึกนั่นที่เขาบังคับให้ฉันเป็นผู้รับในตอนนั้น’
‘มันก็เหมือนกับว่าผู้รอดชีวิตจากการจมน้ำจะไม่โหยหาทะเลอีกต่อไป
‘แต่ฉันสัญญาว่าฉันจะให้นายรู้ว่าการที่หายใจไม่ออกมันรู้สึกยังไง เจเรมี่’
…
เอโลอิสเดินกลับไปยังห้องพักฟื้นของเมเรดิธซึ่งเจเรมี่เองเดินตามมาไม่นานหลังจากนั้น
เอโลอิสดูเหมือนจะภูมิใจในตัวเองเมื่อเจเรมี่มาถึง เมื่อคิดว่าคำพูดของเธอต้องทำให้เขาสำนึกบ้าง
“นายใช้เวลานานเกินไปแล้วกว่าจะนึกเป็นห่วงเมเรดิธได้” น้ำเสียงของเอโลอิสเย็นชา
“เมเรดิธมีช่วงเวลาที่ผ่านมาอย่างยากลำบาก เจเรมี่ ฉันไม่อยากเชื่อว่าเธอ... ถูกชายสี่คนเอาเปรียบ อยู่เคียงข้างเธอนะ เจเรมี่ ฉันกลัวว่าเธอจะฆ่าตัวตายเงียบๆ เพราะภาระนี้มันมากเกินกว่าที่เธอรับมือไหว…” โรสเช็ดน้ำตาอย่างเศร้าโศกเล่นในบทของแม่ที่ใจสลาย
เจเรมี่ขมวดคิ้ว ส่งสายตาจ้องไปที่โรส
ท่ามกลางการร้องไห้ปลอม ๆ ของเธอ โรสหันไปมองสายตาที่ดูน่าสงสัยของเจเรมี่ทันที
“ฉันคิดว่านายดูเมเรดิธอยู่ตลอดเวลานี้ไม่ใช่หรือไง? แล้วเธอไปลงเอยที่โรงงานเศษกระดาษทางทิศตะวันตกได้ไงกัน?”
“ฉันแค่ละสายตาไปเอาน้ำมาให้เธอข้างนอก แต่เมเรดิธได้หายไปแล้วเมื่อฉันกลับมา” โรสพูดตะกุกตะกักเพื่ออธิบาย
“ฉันคิดว่าขาของเธอหักอยู่ไม่ใช่หรือไง? ทำไมจู่ ๆ เธอจะกลับมาเดินได้อีก?”
“มัน…ต้องมีคนวางแผนที่จะพาเมเรดิธหนีไป!” โรสโกหก “มันต้องเป็นวีล่าแน่ ๆ เธอต้องบอกให้ใครสักคนลักพาตัวเมเรดิธไป!”
เจเรมี่จ้องมองอย่างแข็งกร้าว “แล้วคุณมีหลักฐานอะไรอื่นอีกบ้างที่สนับสนุนว่าวีล่าทำอย่างนั้น? ผมขอแนะนำให้ตรวจสอบคำพูดของตัวเองก่อนที่คุณจะกล่าวหาคนอื่นอย่างไร้เหตุผล”
“...” โรสพูดไม่ออก เมื่อปะทะเข้ากับสายตาเย็นชาของเจเรมี่ โรสก็มีเม็ดเหงื่อเย็น ๆ ผุดออกมา มันก่อตัวขึ้นจากความกดดันทั้งหมดที่เธอรู้สึกในตอนนี้
“ฉันหาหลักฐานมาพิสูจน์ได้แน่นอนว่าเธอคือคนที่อยู่เบื้องหลัง!” ทันใดนั้นเอโลอิสก็ประกาศว่า “เธอเท่านั้นที่จะทำร้ายเมเรดิธด้วยวิธีที่โหดเหี้ยมได้!”
เจเรมี่ขมวดคิ้วคมขณะที่เธอพูด เขาขยับริมฝีปากเพื่อพูด แต่พยาบาลคนหนึ่งได้เดินมาเปิดประตูออกเสียก่อน “เธอฟื้นแล้ว แต่อารมณ์ของเธอค่อนข้างแปรปรวน พยายามอย่าทำให้กระทบกระเทือนจิตใจ”
“เมเรดิธ” เอโลอิสอุทานออกมาสุดใจพร้อมกับความทุกข์ที่เห็นได้ชัดที่แสดงออกมาบนใบหน้า
เธอผลักประตูเพื่อเข้าไปแต่ในเวลานั้นโรสรั้งเธอไว้ “ฉันคิดว่าคนที่เมเรดิธอยากเห็นมากที่สุดในตอนนี้คือเจเรมี่ คุณนายมอนต์โกเมอรี ฉันแน่ใจว่านายต้องมีเรื่องพูดกับเธอมากมาย เจเรมี่ เราควรปล่อยให้พวกเขาใช้เวลาส่วนตัวสักพัก!”
เอโลอิสเห็นด้วย
เธอมองดูเข้าไปภายในห้องอย่างกังวล เธอหันไปตักเตือนเจเรมี่ “เข้าไปซะ และปลอบเมเรดิธเข้าใจไหม? อย่าทำให้เธอเจ็บช้ำน้ำใจอีก!”
เจเรมี่ไม่สนใจสิ่งที่เอโลอิสพูด เจเรมี่ผลักเปิดประตูและเดินเข้าไปข้างใน
สำหรับห้องวีไอพีกว้างขวางมาก เมื่อเดินเข้ามา เจเรมี่เห็นว่าเตียงวางเปล่าไม่มีใครและไม่พบเมเรดิธในห้องนี้เลย
เขาเงยหน้าขึ้นมองไปทางระเบียงแต่จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวในห้องน้ำ
เขาพยามมองไปรอบ ๆ จากนั้นเจเรมี่เดินไปที่ห้องน้ำ ประตูถูกเปิดกว้าง เสียงน้ำไหลจากฝักบัวกระทบเข้ามาในหูของเขาในขณะที่ดวงตาของเขาสบกับเมเรดิธ
เจเรมี่รู้สึกรังเกียจที่ได้เห็นเมเรดิธในขณะนั้นมาก ๆ เขาหมุนตัวกลับเพื่อหลีกเลี่ยงสายตาที่จะมองเธอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ