ถ้างั้นหมายความว่าเมเรดิธไม่ใช่คนโปรดของเจเรมี่อีกต่อไปสินะ กลับกลายเป็นว่าคนที่เขาให้ความสนใจเป็นพิเศษตอนนี้เป็นคนที่ตายไปแล้ว…
“คุณกำลังมองหาอะไรงั้นเหรอ? ให้ฉันช่วยหาไหม?” มาเดลีนเอ่ยถามขึ้นอย่างใจเย็น ในขณะที่เธอเห็นว่าเจเรมี่หยุดเคลื่อนไหวเหมือนจะบอกว่าเขาเพิ่งรับรู้ว่ามีใครบางคนที่ยังมีชีวิตอยู่อยู่ที่นี่ด้วย
เขาลุกขึ้นยืนอย่างช้า ๆ รูปลักษณ์ที่สมบูรณ์แบบของเขาแปลกไปด้วยความเศร้าที่ไม่อาจบรรยายได้ปะปนไปด้วยความกลัวในขณะที่ดวงตาของเขา เต็มไปด้วยความดุร้ายน่ากลัวและรุนแรง เขาดูราวกับว่าเขากลัวว่าเขาอาจจะไม่สามารถกู้คืนบางสิ่งหรือหาบางสิ่งนั้นกลับคืนมาได้อีก
มาเดลีนเริ่มสับสนมากขึ้นและเธอถามเขาอีกครั้งในขณะที่เดินเข้าไปหาเขา “คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม? นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
“ผมจะไปส่งคุณที่บ้านตอนนี้” ในที่สุดแล้วเขาก็ยอมพูดออกมา แต่ไม่มีความอบอุ่นหรืออารมณ์ใด ๆ ที่สามารถสัมผัสได้ในน้ำเสียงของเขา มีเพียงความเย็นยะเยือกที่น่ากลัวแผ่ซ่านออกมาจากตัวเขา
มาเดลีนได้ถูกพาตัวกลับมาส่งที่อพาร์ตเมนต์ ถ้าเป็นเมื่อก่อน เจเรมี่มักจะรอให้เธอเดินเข้าไปในตึกที่พักก่อนที่เขาจะจากไป แต่วันนี้ ทว่าเขาขับรถออกไปทันทีที่เธอก้าวลงจากรถได้ไม่ถึงเสี้ยววินาที
เธอกำลังยืนอยู่ในจุดที่กำลังสับสน อย่างหาคำตอบไม่ได้ในขณะที่มองไปยังรถที่เพิ่งขับออกไป ดวงตาของเธอแคบลง ผู้หญิงที่อยู่ในหลุมศพนั้นเป็นใครกัน? เธอมีความสำคัญกับเขาอย่างมากในขณะที่หลุมศพของเธอถูกทำลายเมื่อเขาเห็นจนแทบจะบ้าคลั่งในนาทีนั้น
อีกด้านหนึ่ง เจเรมี่กำลังเร่งความเร็วมุ่งไปที่ประตูคฤหาสน์ตระกูลวิทแมน ก่อนที่แม่บ้านจะเดินเข้าไปแจ้งคนในบ้าน เจเรมี่รีบวิ่งเข้าไปในห้องนั่งเล่นพร้อมกับกลิ่นอายที่ไม่เป็นมิตร
ในเวลาเดียวกัน เมเรดิธกำลังดื่มน้ำชายามบ่ายและมองดูเครื่องประดับกับเอโลอิสอย่างสบาย ๆ ทันทีที่พวกเธอเห็นเจเรมี่เดินเข้ามาข้างในอย่ารีบร้อน พวกเธอทั้งสองต่างพากันผงะ “เจเรมี่” เมเรดิธมีอาการตกใจและเธอก็วิ่งเข้ามาหาเขาด้วยสีหน้าประหลาดใจ “เจเรมี่ คุณมาที่นี่เพื่อมาพบฉันใช่ไหม?”
เจเรมี่จ้องใบหน้าที่อยู่ตรงหน้าเขา ด้วยดวงตาของเขาที่เต็มไปด้วยความเย็นชา “คุณใช่ไหมที่เป็นคนทำ คุณใช่ไหม?”
“...” เมเรดิธทำหน้ามึนงงด้วยความไร้เดียงสา
“เจเรมี่ คุณกำลังพูดเรื่องอะไรงั้นเหรอ? ฉันไปทำอะไร? ฉันอยู่กับคุณแม่ที่นี่ตั้งหลายวันและแทบไม่ได้ออกจากบ้านเลยสักก้วเดียว”
“เจเรมี่ ที่พูดหมายความว่ายังไง? คุณรีบมาที่นี่แทบจะในทันทีเพื่อจะมายัดเยียดข้อกล่าวหา มันเป็นเพราะวีล่าพูดอะไรบางอย่างออกมาอีกแล้วงั้นเหรอ? ทำไมยัยนั่นชอบทำให้เกิดปัญหา!”
“ผมไม่ได้กำลังพูดอยู่กับคุณกรุณาหุบปากตัวเองไว้จะดีกว่าและอย่าให้ได้ยินว่าพูดใส่ร้ายวีล่าอีก” เจเรมี่ ไม่ได้มองไปที่เอโลอิส ดวงตาคมเข้มอันย็นชาขจ้องไที่เมเรดิธ เท่านั้น
“ผมยังไม่ได้คุยอะไรกับคุณเลยนะ คุณควรปิดปากตัวเองดีกว่าและอย่าให้ผมได้ยินการใส่ร้ายต่อวีล่าอีก” เจเรมี่ไม่ได้มองไปที่เอโลอิส ดวงตาที่คมและเย็นชาของเขาจับจ้องไปที่เมเรดิธเท่านั้น
“ผมจะให้โอกาสคุณสารภาพอีกครั้ง คุณเป็นคนที่สั่งให้คนไปรื้อถอนหลุมศพ หมายเลข 97 ถนนสันติภาพหรือไม่?”
เขากล่าวออกมาอย่างไม่อ้อมค้อม ถึงสถานที่ตั้งของสุสาน
เมเรดิธตาเบิกกว้างพร้อมกับทำท่าทางสงสัย “หมายเลขที่ 97 ถนนสันติภาพ งั้นเหรอ? เจเรมี่ ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าคุณกำลังพูดอะไร”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ
1...
1...
1...
นางเอกโคตรโง่เลย เชื่อผู้ชายคนนี้ได้ไง ก็รู้อยู่ว่าเขานิสัยไม่ดีและจะแย่งตัวเองมาจากสามี ดันไปเชื่อมัน เอายามาแอบฉีดให้สามีเฉยเลย แทนที่จะปรึกษากันก่อน...
ต่อให้ทำผิดแล้วก็ไม่ควรให้อภัยอ่ะ เพราะมันเลวมาก รู้ว่านังเมอร์ทำชั่ว แต่ก็ช่วยปกปิดสารพัด ขนาดฆ่าคนตาย ยังยึดหลักฐานไป ปล่อย ห้นางเอกรับโทษแทนตั้งสามปี ไม่เคยมาดูดำดูดี พอออกมาได้ก็ยังทุบตีสารพัด ไม่เข้าใจว่านางเอกจะกลับมารักได้ไง...
หวาดเสียวว่านางเอกจะกลับมารักสามีเก่า โอ่ย ไม่ไหวนะ ต้องท่องไว้ว่ามันทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจไว้หนักหนาสาหัส ทำลูกตายด้วยนะ ทำลายหลุมศพปู่กับลูกอีก...
ทำไมไม่เอาหลักฐานให้ลุง ลุงเป็นคนดี ต้องเชื่ออน่นอน มีอำนาจด้วย ช่วยคุยกับตำรวจได้...
อ้าว รีบบอกพ่อแม่สิ จะปล่อยอีชั่วนี่ไว้กับพ่อแม่ได้ไง...
เรื่องนี้อ่านแล้วโคตรโมโห นางเอกน่าจะฆ่าแม่งให้หมดทุกตัวเลย อย่าให้เป็นว่ายกโทษให้สามีนะ...
อย่าได้กลับไปอยู่กับสามีเลย ชั่วช้าขนาดนั้น ต้องแก้แค้นให้สาสม...