บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ นิยาย บท 351

เมื่อมองเข้าไปใกล้ ๆ อย่างละเอียดแล้ว ผู้หญิงคนนั้นคือโรสอย่างแน่นอน

เธอรู้สึกสับสน ที่นี่คือร้านสัก แล้วโรสกับเมอร์มาทำอะไรกันที่นี่?

เมอร์มาที่นี่เพื่อสักลายที่ตัวงั้นเหรอ?

หรือเป็นเพราะเธอรักเจเรมี่มากไปจนอยากจะสักชื่อของเขาบนร่างกาย?

หลังจากยืนคิดอยู่สักพัก เธอคิดที่จะเดินเข้าไป

ในจังหวะเดียวกันกับที่เธอเดินเข้าไป เธอได้ยินโรสพูดอย่างมีความสุขกับใครบางคนทางโทรศัพท์ “ไม่ต้องห่วง ฉันเคยถามใครบางคนเกี่ยวกับเรื่องนี้มานานมากแล้ว ร้านสักคนนี้มีฝีมือเก่งกาจ เพราะงั้นพวกมอนต์โกอเมอรีจะไม่สังเกตเห็นมันอย่างแน่นอน ทั้งนี้ เมอร์กำลังทำการปรับแต่งรอยสักเก่า มันจะไม่มีอะไรผิดพลาดอย่างแน่นอน”

เมื่อเอโลอิสได้ยินแบบนั้น เธอหยุดนิ่งแล้วใช้ความคิดใหม่อีกครั้ง

‘พวกมอนต์โกเมอรีจะได้ไม่สังเกตเห็นคืออะไร?

‘สิ่งที่มอนต์โกเมอรีมองไม่เห็นคืออะไร?’

หัวใจของเอโลอิสเต้นแรง เลือดของเธอกำลังสูบฉีดอย่างมาก

ครึ่งชั่วโมงต่อมา เมเรดิธและโรสได้เดินออกจากร้านไป

เอโลอิสซ่อนตัวอยู่อีกด้านหนึ่งของร้าน เมื่อเธอเห็นเมเรดิธ การแสดงสีหน้าบนใบหน้าของลูกสาวสุดที่รักของเธอมีเพียงจิตใจที่กำลังเบิกบาน ไม่มีร่องรอยของความเศร้าบนใบหน้าเหลืออยู่ให้เห็น

เธอมองอย่างไม่เชื่อสายตาเมื่อเมเรดิธเดินห่างออกไป จากนั้น เธอตั้งสติกับตัวเองแล้วเดินเข้าไปในร้านสักนั่น

เอโลอิสส่งรูปถ่ายเมเรดิธในโทรศัพท์ของเธอและถามพนักงานที่นั่น “เมื่อกี้ผู้หญิงคนนี้ทำอะไร?”

พนักงานปฏิเสธเธอด้วยสีหน้าจริงจัง “ทางเราไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลที่เป็นความลับของลูกค้าได้ เพื่อป้องกันความเป็นส่วนตัวตามที่กฎหมายกำหนด”

จากนั้น เอโลอิสหยิบเงินสด 500 ดอลลาร์ออกมาอย่างไม่ขี้งก ดวงตาของพนักงานเป็นประกายเมื่อเขารับเงิน “โอ้ คือว่าผู้หญิงคนนั้น มาเติมสีบนรอยสักของเธอที่จางลงไปแล้ว เธอมาที่นี่ก็เพื่อเพิ่มสีแล้วแต่งเติมก็เท่านั้น”

สัก? แต่งเติม?

เอโลอิส รู้สึกสับสน

‘เมอร์มีรอยสักด้วยเหรอ?’

เธอไม่เคยเห็นรอยสักบนตัวเมเรดิธมาก่อนเลยตลอดหลายปีที่ผ่านมาที่ใช้เวลาร่วมกันกับเธอ

หรือว่ามันอยู่ในส่วนที่ค่อนข้างมิดชิดของร่างกาย? นั่นคือเหตุผลที่เมเรดิธไม่ต้องการให้เธอรู้เพราะเธอกังวลว่าพวกเขาจะต่อว่าเธอสินะ?

เมื่อนึกถึงจุดนี้ เอโลอิสรู้สึกว่ามันสมเหตุสมผล แต่นั่นก็ทำให้ เธอรู้สึกเสียใจเล็กน้อย

“เด็กโง่ ก็แค่มีรอยสักเองไม่ใช่เหรอ? ฉันจะตำหนิได้ไงกันล่ะ?”

เอโลอิสถอนหายใจอย่างโล่งอก ไม่มีอะไรที่เธอจะต้องคิดมากอีกแล้วเกี่ยวกับเรื่องนี้และเธอไม่สนใจถึงเหตุผลที่เมเรดิธจงใจไม่รับโทรศัพท์ของเธอในตตอนนั้นด้วย

ครึ่งชั่วโมงต่อมา เมเรดิธและเอโลอิสกลับมาถึงคฤหาสน์มอนต์โกเมอรีด้วยกัน

เอโลอิสเดินไปยังห้องนอนเมเรดิธเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอให้เครื่องประดับราคาแพงที่เธอซื้อเมื่อกี้นี้แก่เมเรดิธ

แม้ว่าเมเรดิธจะใช้ชีวิตแบบหญิงสาวผู้มั่งคั่ง แต่เธอก็ยังมีความโลภเหมือนเมื่อก่อน เมื่อเธอเห็นเธอก็ไม่สามารถซ่อนความสุขของเธอได้

“คุณแม่คะ ใจดีกับหนูมากเกินไปแล้ว” เธอกำลังสวมบทบาทเล่นละครในบทลูกสาวที่ว่านอนสอนง่าย

เอโลอิสตบไหล่เพื่อปลอบเธอและพูดว่า “เธอเป็นลูกสาวคนเดียวของแม่ เพราะงั้นไม่ว่าเธอจะทำอะไร แม่ก็จะคอยสนับสนุนและปกป้องลูกอยู่เสมอ”

เอโลอิสกำลังบอกใบ้เธอผ่านคำพูด เพื่อที่เธอหวังว่าเมเรดิธจะบอกเธอเกี่ยวกับรอยสักนั่นและไม่ใช่เพียงบอกกับโรสเท่านั้นแต่แม่บุญธรรมของเธอก็เช่นกัน

และมันแน่นอนอยู่แล้วว่าเมเรดิธไม่เข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ของประโยคนี้ เธอสวมเครื่องประดับที่งดงามและจัดเตรียมเสื้อผ้าสองสามชุด

“คุณแม่คะ หนูคิดว่าหนูจะคิดดีแล้ว แม้ว่างานแต่งงานของหนูกับเจเรมี่จะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ แต่ทุกคนก็ยังรู้ว่าเราแต่งงานกันแล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปหนูจะย้ายไปอยู่กับเขา”

สีหน้าของเอโลอิสเปลี่ยนไป “เมอร์ นี่ลูกชอบเจเรมี่มากขนาดนั้นเลยเหรอ? เขาไม่คู่ควรกับลูกเลยสักนิด”

“เจเรมี่เป็นคนที่หนูรักมากที่สุดในชีวิตนี้ เขาน่าทึ่งในหลาย ๆ ด้าน เขาแค่กำลังสับสนกับ วีล่า ควินน์ คนนั้น วันหนึ่ง เจเรมี่จะตระหนักได้เองว่าหนูเป็นผู้หญิงที่คู่ควรกับความรักของเขามากที่สุด” เมเรดิธพูดอย่างมีเหตุผล “มันไม่ใช่แค่นั้นค่ะ หนูยังอยากให้แจ็คมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบเหมือนกับครอบครัวอื่น ๆ บ้าง”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ