หลังจากที่ฌอนกลับมาจากศาล ในขณะที่พยาบาลได้ล้างแผลให้เอโลอิสเสร็จพอดี เธอรีบกระโจนเข้าหาเขาเพื่อถาม “เป็นยังไงบ้างคะ ฌอน? เมเรดิธเป็นยังไงบ้าง—”
“หลักฐานเป็นที่ประจักษ์ และผู้พิพากษาตัดสินให้เมเรดิธติดคุก 12 ปี”
“ไม่จริง!” ใบหน้าของเอโลอิสซีดเมื่อสายตาของเธอเปลี่ยนเป็นมืดสนิท เธอแทบจะเป็นลมล้มลง
ฌอนเข้าไปโอบเธอไว้ทันที “เราทำทุกอย่างที่พวกเราจะทำได้แล้ว เอโลอิส”
“แล้วมันมีประโยชน์อะไร? เราไม่สามารถช่วยลูกสาวสุดที่รักของเราเอาไว้ได้!” เอโลอิสร้องไห้อย่างเจ็บปวดสุดขั้วหัวใจ “ทนายความบอกว่าเขาสามารถรับประกันได้ 100 เปอร์เซ็นต์ว่าเมเรดิธจะรอดพ้นกับข้อกล่าวหานี้! แล้วทำไมมันถึงจะจบลงแบบนี้?”
“วีล่าได้ยื่นหลักฐานฟ้องต่อศาลพร้อมนำพยานปากเอกออกมาซึ่งเป็นพ่อแม่บุญธรรมของเมเรดิธเองที่เป็นคนออกมายอมรับสารภาพทุกอย่างว่าเมเรดิธคือคนบงการเรื่องทั้งหมด”
“อะไรกัน? วีล่า ควินน์ ผู้หญิงคนนั้นอีกแล้ว!” ความโกรธมากมายลุกโชนในดวงตาของเอโลอิส “ฉันคิดว่าการที่เราชวนเธอไปทานอาหารค่ำเมื่อคืนก่อน จะทำให้เธอเปลี่ยนใจปล่อยลูกสาวของเราได้ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้หญิงคนนี้จะโหดร้ายขนาดนี้! ทำไมเธอต้องบีบบังคับให้เมเรดิธของเราจนมุม? เมื่อคืนคิดแล้วน่าเจ็บใจฉันไม่ควรรั้งไดอาน่าไว้เลย! สิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้นถ้าเธอตายไปซะจะได้จบ ๆ!”
“เธอโกรธมากจนเป็นบ้าไปแล้ว เอโลอิส? ทำไมถึงพูดแบบนี้” ฌอนทั้งรู้สึกตกใจและขุ่นคืองในเวลาเดียวกัน “คุณรู้ไหมว่าใครเป็นคนบริจาคเลือดให้คุณเมื่อคืนนี้? ถ้าไม่ใช่เวีล่า คุณคงไม่มายืนด่าเธออยู่ที่นี่ในตอนนี้หรอก!”
เอโลอิสตะลึงกับคำพูดของเขา
เอโลอิสกัดฟันแน่นเมื่อนึกถึงสถานการณ์ปัจจุบันของเมเรดิและตอบกลับด้วยความดูถูกว่า “ใครขอให้ผู้หญิงคนนั้นยื่นมือมาช่วยฉันกันล่ะ! เธอบริจาคเท่าไหร่? ฉันจะกรีดเลือดที่ข้อมือคืนให้เธอเดี๋ยวนี้!”
“คุณสามารถคืนเลือดให้เธอได้ แต่จะมีทางไหนที่เราจะคืนเลือดที่ไหลเวียนในร่างกายให้มาเดลีนได้?” ฌอนถามอย่างอารมณ์เสีย
เอโลอิสจ้องฌอนพร้อมกับมีเครื่องหมายคำถามอยู่เต็มใบหน้า “มาเดลีน? ทำไมคุณถึงทำให้ฉันนึกถึงผู้หญิงที่น่าอนาถคนนั้นด้วย? ความตายที่เธอได้รับมันเป็นบทลงโทษที่น้อยที่สุดสำหรับเรื่องเลวร้ายทั้งหมดที่เธอเคยได้ทํา แล้วทำไมเราต้องชดใช้อะไรให้กับเธอด้วย?”
ฌอนขมวดคิ้วอย่างขมขื่นและถอนหายใจ “ก็ในตอนนั้นไงที่คุณเสียเลือดจำนวนมากในระหว่างการผ่าตัดไส้ติ่งอักเสบเมื่อสามปีที่แล้ว จำได้ไหม?
“เมเรดิธและแม่บุญธรรมของเธอได้บอกว่าเมเรดิธเป็นคนที่บริจาคเลือดและทำให้คุณที่อยู่ในสถานการณ์ที่มีชีวิตรอดอย่างปลอดภัย แต่เชื่อไหมว่ามันช่างห่างไกลความเป็นจริงเป็นอย่างมาก เมเรดิธไม่ใช่คนที่บริจาคเลือดเลย แต่ความจริงแล้ว เธอปฏิเสธที่จะบริจาคมันด้วยซ้ำ”
“อะไร...ยังไงกัน?” ดวงตาของเอโลอิสเบิกกว้างขึ้น “นี่คุณพูดอะไรออกมานะ ฌอน? แล้วทำไมเมเรดิธต้องปฏิเสธที่จะบริจาคเลือดให้ฉัน? และ...และถ้าไม่ใช่เมเรดิธ แล้วเลือดที่ว่านั่นเป็นของใครกัน?”
“มันเป็นเลือดของมาเดลีน”
“...” เอโลอิสอ้าปากค้างจนเก็บอาการไม่อยู่ เธอรู้สึกว่าอากาศรอบตัวเธอกลายเป็นสูญญากาศไปในทันที สถานการณ์ตอนนี้ทำให้เธอหายใจลำบากมาก “อะไรนะ… เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรออกมานะ ฌอน? เธอทำสิ่งเลวร้ายพวกนั้นทั้งหมดหลังจากนั้น ทำไมถึงได้มาบริจาคเลือดให้กับฉันกัน? คุณกำลังเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า!”
“ผมไม่ได้เข้าใจผิดอะไรทั้งนั้น ผมใช้เส้นสายส่วนตัวให้เพื่อนช่วยตรวจสอบจากหลักฐานที่ถูกบันทึกไว้ในตอนนั้น มาเดลีนไม่ได้ช่วยเพียงแค่คุณเท่านั้น แต่เธอยังช่วย แจ็คสัน หลานชายของเรา อีกด้วย”
ฌอนถอนหายใจออกมายาวมากทิ้งความรู้สึกผิดและความเสียใจที่เขารู้สึกอยู่นั้นทำให้ระเหยออกมาด้วยความเงียบที่อยู่รอบตัวของพวกเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ
1...
1...
1...
นางเอกโคตรโง่เลย เชื่อผู้ชายคนนี้ได้ไง ก็รู้อยู่ว่าเขานิสัยไม่ดีและจะแย่งตัวเองมาจากสามี ดันไปเชื่อมัน เอายามาแอบฉีดให้สามีเฉยเลย แทนที่จะปรึกษากันก่อน...
ต่อให้ทำผิดแล้วก็ไม่ควรให้อภัยอ่ะ เพราะมันเลวมาก รู้ว่านังเมอร์ทำชั่ว แต่ก็ช่วยปกปิดสารพัด ขนาดฆ่าคนตาย ยังยึดหลักฐานไป ปล่อย ห้นางเอกรับโทษแทนตั้งสามปี ไม่เคยมาดูดำดูดี พอออกมาได้ก็ยังทุบตีสารพัด ไม่เข้าใจว่านางเอกจะกลับมารักได้ไง...
หวาดเสียวว่านางเอกจะกลับมารักสามีเก่า โอ่ย ไม่ไหวนะ ต้องท่องไว้ว่ามันทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจไว้หนักหนาสาหัส ทำลูกตายด้วยนะ ทำลายหลุมศพปู่กับลูกอีก...
ทำไมไม่เอาหลักฐานให้ลุง ลุงเป็นคนดี ต้องเชื่ออน่นอน มีอำนาจด้วย ช่วยคุยกับตำรวจได้...
อ้าว รีบบอกพ่อแม่สิ จะปล่อยอีชั่วนี่ไว้กับพ่อแม่ได้ไง...
เรื่องนี้อ่านแล้วโคตรโมโห นางเอกน่าจะฆ่าแม่งให้หมดทุกตัวเลย อย่าให้เป็นว่ายกโทษให้สามีนะ...
อย่าได้กลับไปอยู่กับสามีเลย ชั่วช้าขนาดนั้น ต้องแก้แค้นให้สาสม...