คำพูดที่สุดแสนสะเทือนใจของมาเดลีนทำให้เอโลอิสร้องไห้ออกมาอย่างบ้าคลั่งหนักกว่าเดิม และในขณะนี้ ฌอนอดกลั้นน้ำตาของเขาไม่ให้ไหลออกมา
พวกเขายังจำได้ดีในตอนนั้นที่พวกเขาพบมาเดลีนในห้องผู้ต้องหาหลังจากที่บริทนีย์ของตัวเองถูกฆ่า
ใบหน้าของมาเดลีนในตอนนั้นทั้งขาวและซีดมาก ภาพนั้นยังคงปรากฏอยู่ในหัวของพวกเขาเช่นเดียวกันกับการกระทำที่โหดร้ายที่ทั้งคู่ได้ทำต่อเธอ
พวกเขาทั้งสาปแช่งและตบมาเดลีนทั้งหมดก็เพื่อเมเรดิธ ฌอนถึงกับตบมาเดลีนที่อ่อนแอจนร่วงทรุดลงกับพื้น
หัวใจของเขาเจ็บปวดเมื่อนึกย้อนกลับไปในช่วงเวลานั้น
พวกเขาทนต่อความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในหัวใจจากความสำนึกผิดที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่ได้เลย
เอโลอิสและฌอนนึกไม่ออกเลยว่ามาเดลีนจะต้องใช้หัวใจที่แข็งแกร่งแค่ไหนกันเพื่อที่จะไม่ร้องไห้ออกมาในสถานการณ์นั้น
และในขณะนี้ มาเดลีนเข้มแข็งและแข็งแกร่งอย่างที่เคยเป็นมา เธอยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อนึกถึงอดีตอันน่าสังเวชของตัวเอง
“ทั้งหมดมันเป็นอดีตไปแล้วล่ะ และฉันก็ไม่อยากจะพูดถึงมันอีกแล้ว”
เธอฉีกยิ้มออกมาในขณะที่แววตาผิดหวังได้ปรากฏขึ้นในสายตาคู่นั้นของเธอ
“ฉันไม่โทษพวกคุณเลยที่โดนเล่ห์อุบายของเมเรดิธหลอก ฉันก็แค่ผิดหวังที่พ่อแม่ของฉันไม่สามารถแยกแยะสิ่งที่ถูกและผิดได้ พวกคุณรู้ว่าเธอทำผิดแต่ก็ยังเลือกที่จะเข้าข้างและปกป้องผู้หญิงคนนั้น แล้วพวกคุณก็รู้ดีว่าเธอได้ทำเรื่องผิดมนุษยธรรมไปมากแค่ไหนแต่ก็ยังคงเลือกที่จะปกป้องผู้หญิงคนนั้นอยู่”
“เอวลีน…”
“ในวันนั้นตอนที่จี้เส้นนั้นมันตกมาจากคอของฉัน จากจบเรื่องนั้นฉันได้แอบเดินเข้าไปขโมยแปรงสีฟันของคุณนายมอนต์โกเมอรีจากโรงพยาบาลเพื่อตรวจดีเอ็นเอระหว่างเรา มีบางอย่างที่ทำให้ฉันรู้สึกว่ามีสายสัมพันธ์แปลกประหลาดระหว่างเรา แต่คุณกลับแน่ใจมากว่าฉันเป็นคนขโมยจี้ของเมเรดิธ บางทีนี่อาจจะเป็นโชคชะตาที่ฉันถูกลิขิตมาให้พบเจอ แต่ไม่สามารถอยู่ร่วมกันกับพ่อแม่ของฉันได้”
หลังจากที่เธอพูดด้วยสายตาที่ผิดหวังและทำการใช้สายตาเพ่งพิจารณาไปทั่วร่างของเอโลอิส จากนั้น เธอมองไปที่ฌอนที่กำลังรู้สึกสำนึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก
“ถึงแม้ว่าฉันจะไม่มีโอกาสได้สัมผัสความรักของพ่อกับแม่ แต่ฉันก็ยังอยากที่จะขอบคุณทั้งสองคนที่พาฉันมาที่โลกใบนี้ สิ่งที่ฉันเฝ้าใฝ่ฝันมากที่สุดในโลกก็คือการที่มีพ่อแม่ คนที่ฉันรักมากที่สุดในโลกใบนี้ได้ถูกกำหนดไว้แล้วว่าไม่มีทางเป็นของฉัน ฉันจะไม่เรียกร้องมันเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว”
จบคำพูดนั้น เธอได้หันหลังเดินออกไปโดยไม่ลังเล
“เอวลีน! เอวลีน!” เอโลอิสคร่ำครวญและวิ่งเข้าไปหาเธอโดยที่ฌอนตามมาข้างหลัง เพียงแต่มาเดลีนไม่หันกลับไปมองเลยแม้แต่น้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ
1...
1...
1...
นางเอกโคตรโง่เลย เชื่อผู้ชายคนนี้ได้ไง ก็รู้อยู่ว่าเขานิสัยไม่ดีและจะแย่งตัวเองมาจากสามี ดันไปเชื่อมัน เอายามาแอบฉีดให้สามีเฉยเลย แทนที่จะปรึกษากันก่อน...
ต่อให้ทำผิดแล้วก็ไม่ควรให้อภัยอ่ะ เพราะมันเลวมาก รู้ว่านังเมอร์ทำชั่ว แต่ก็ช่วยปกปิดสารพัด ขนาดฆ่าคนตาย ยังยึดหลักฐานไป ปล่อย ห้นางเอกรับโทษแทนตั้งสามปี ไม่เคยมาดูดำดูดี พอออกมาได้ก็ยังทุบตีสารพัด ไม่เข้าใจว่านางเอกจะกลับมารักได้ไง...
หวาดเสียวว่านางเอกจะกลับมารักสามีเก่า โอ่ย ไม่ไหวนะ ต้องท่องไว้ว่ามันทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจไว้หนักหนาสาหัส ทำลูกตายด้วยนะ ทำลายหลุมศพปู่กับลูกอีก...
ทำไมไม่เอาหลักฐานให้ลุง ลุงเป็นคนดี ต้องเชื่ออน่นอน มีอำนาจด้วย ช่วยคุยกับตำรวจได้...
อ้าว รีบบอกพ่อแม่สิ จะปล่อยอีชั่วนี่ไว้กับพ่อแม่ได้ไง...
เรื่องนี้อ่านแล้วโคตรโมโห นางเอกน่าจะฆ่าแม่งให้หมดทุกตัวเลย อย่าให้เป็นว่ายกโทษให้สามีนะ...
อย่าได้กลับไปอยู่กับสามีเลย ชั่วช้าขนาดนั้น ต้องแก้แค้นให้สาสม...