“ได้ค่ะ”
เมเดลีนเดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจไปด้วยท่าทีที่สง่างาม
เมื่อเดินผ่านเจเรมี่ เธอหยุดเดินและตั้งคำถามที่เหน็บแนมกับเขา “นี่เรียกว่าความเชื่อใจที่นายมีให้อย่างนั้นเหรอ?
มุมปากของเธอยกขึ้นเล็กน้อยในขณะที่หัวเราะเบา ๆ ภาพรอยยิ้มที่บานสะพรั่งของเธอสะท้อนเข้ามาในดวงตาของเจเรมี่ มันทำให้เข้าถึงนึกถึงกุหลาบแดงที่บานสะพรั่ง สวยงาม ไหลไปตามอารมณ์ และบางครั้งก็เปิดเผยเข้าถึงง่ายในแบบของตัวเอง
อีวอนราวกับกำลังแหวกว่ายอยู่ในสายธารแห่งความปีติยินดีอย่างลับ ๆ ในขณะที่เห็นว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจพาตัวเมเดลีนขึ้นรถไป
คาเลนกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งราวกับได้ยกภูเขาทั้งลูกออกจากอก เมื่อเห็นว่าเจเรมี่กำลังจะเดินออกไป เธอเข้าไปห้ามปรามทันที
“ตอนนี้ลูกคงจะเห็นตัวจริงของมันแล้วใช่ไหม เจเรมี่? ลูกเองคงจะรักผู้หญิงอย่างมันไม่ลงอีกแล้ว แม่พูดถูกไหม? ในอดีตพวกเรารวมตัวกันใส่ร้ายและทรมานมัน แล้วจะทำไม? ตระกูลวิทแมนไม่ได้ติดหนี้บุญคุณอะไรมันสักหน่อย มันสมควรโดนแล้ว!”
เจเรมี่ไม่อยากจะเสวนากับคาเลนอีก เขาเดินออกไปอีกครั้ง
“จะไปไหนน่ะลูก เจเรมี่? นี่คงไม่ได้จะไปแก้ต่างแทนนังผู้หญิงคนนั้นใช่ไหม?!”
“ผมอยากอยู่คนเดียว” เขาเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา และเดินจากไปโดนไม่หันหลังกลับมามอง
เนื่องจากกลัวว่าจะทำให้เจเรมี่โกรธ อีวอนจึงกลับมาสร้างความสัมพันธ์อันดีกับคาเลนทันทีที่เขาเดินจากไป “อย่าโกรธไปเลยค่ะ คุณป้าคาเลน เจเรมี่รักเมเดลีนมาก มันก็สมเหตุสมผลแล้วนี่คะที่เขาจะรู้สึกแย่แบบนี้ ปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวสักพักเถอะค่ะ”
คาเลนรู้สึกขุ่นเคือง แต่ยั้งปากเอาไว้ทัน
เมเดลีนถูกนำตัวมาที่สถานีตำรวจ และเจเรมี่ก็ไม่ได้กลับบ้านเลยนับตั้งแต่ตอนนั้น
อีวอนหาข้ออ้างที่จะอยู่เป็นเพื่อนคาเลน ดังนั้นเธอจึงอยู่ที่วิลล่าทั้งคืน
เมื่อเห็นผู้ดูแลสาวเข็นรถเข็นของนายท่านอาวุโสวิทแมนมารับประทานอาหารเย็นที่ห้องอาหาร อีวอนเงยหน้าขึ้นไปมองหน้านายท่านอาวุโสที่กำลังมองเธอด้วยสายตารังเกียจ
คาเลนไม่สนใจอยู่แล้ว และตอนนี้ทั้งเจเรมี่และวินส์ตันเองก็ไม่อยู่บ้าน ไม่มีอะไรที่เธอจะต้องกลัว
หลังจากรับประทานอาหารมื้อเย็นเสร็จ อีวอนรออย่างใจจดใจจ่อ จนกระทั่งถึงตอนดึกสงัด เธอแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่เคยใส่ไปบ้านพักคนชรา ตอนที่ปลอมตัวเป็นเมเดลีน แม้ว่าเธอจะถูกจับได้ แต่ด้วยวิกผมปลอมและหน้ากากอันนี้ เมเดลีนก็จะกลายเป็นแพะรับบาปแทนเธออีกครั้ง
เมื่อสังเกตเห็นว่ากล้องวงจรปิดหยุดทำงานเรียบร้อยแล้ว อีวอนเดินไปปิดไฟทั้งหมดเพื่อให้แน่ใจ ขณะย่องเข้าไปในห้องของนายท่านอาวุโส
เมื่อแน่ใจแล้วว่านายท่านอาวุโสนอนหลับอยู่บนเตียงและมีเสียงกรนดังขึ้น เธอหยิบหมอนแล้วกดเข้าไปที่หน้าของนายท่านอาวุโส
“ตายซะเถอะ ไอ้แก่! ฉันอยากรู้จริง ๆ ว่าแกจะยังมีปัญญาพูดอะไรได้อีกไหมถ้าแกตายไปแล้ว!”
เธอยิ้มเยาะราวกับฆาตรกรและกดหมอนแรงขึ้น
จากนั้น ไฟทั้งหมดสว่างขึ้น!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ
1...
1...
1...
นางเอกโคตรโง่เลย เชื่อผู้ชายคนนี้ได้ไง ก็รู้อยู่ว่าเขานิสัยไม่ดีและจะแย่งตัวเองมาจากสามี ดันไปเชื่อมัน เอายามาแอบฉีดให้สามีเฉยเลย แทนที่จะปรึกษากันก่อน...
ต่อให้ทำผิดแล้วก็ไม่ควรให้อภัยอ่ะ เพราะมันเลวมาก รู้ว่านังเมอร์ทำชั่ว แต่ก็ช่วยปกปิดสารพัด ขนาดฆ่าคนตาย ยังยึดหลักฐานไป ปล่อย ห้นางเอกรับโทษแทนตั้งสามปี ไม่เคยมาดูดำดูดี พอออกมาได้ก็ยังทุบตีสารพัด ไม่เข้าใจว่านางเอกจะกลับมารักได้ไง...
หวาดเสียวว่านางเอกจะกลับมารักสามีเก่า โอ่ย ไม่ไหวนะ ต้องท่องไว้ว่ามันทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจไว้หนักหนาสาหัส ทำลูกตายด้วยนะ ทำลายหลุมศพปู่กับลูกอีก...
ทำไมไม่เอาหลักฐานให้ลุง ลุงเป็นคนดี ต้องเชื่ออน่นอน มีอำนาจด้วย ช่วยคุยกับตำรวจได้...
อ้าว รีบบอกพ่อแม่สิ จะปล่อยอีชั่วนี่ไว้กับพ่อแม่ได้ไง...
เรื่องนี้อ่านแล้วโคตรโมโห นางเอกน่าจะฆ่าแม่งให้หมดทุกตัวเลย อย่าให้เป็นว่ายกโทษให้สามีนะ...
อย่าได้กลับไปอยู่กับสามีเลย ชั่วช้าขนาดนั้น ต้องแก้แค้นให้สาสม...