น้ำเสียงของผู้ชายคนนั้นดังสอดเข้ามาในหูเธอ น้ำเสียงที่คงไว้ซึ่งความเเหบและเย็นชาอย่างเช่นทุกครั้ง
เพียงแค่นั้นก็ทําให้ใจของเมเดลีนดิ่งลงเหว
คุณผู้หญิงวิทแมน
เมื่อกี้เขาพึ่งเรียกเธออย่างนั้น
ความหมายของ ‘คุณผู้หญิงวิทแมน’ ที่เขาพูดมันคืออะไรกันแน่?
เมเดลีนมองดูใบหน้าได้รูปที่ทำให้เธอตกอยู่ในภวังค์มานับครั้งไม่ถ้วนด้วยความใจเย็น พร้อมกับถอนหายออกมาเพื่อผ่อนปรนอารมณ์
หากมองจากชุดที่เขาสวมใส่อยู่ในตอนนี้แล้ว การแต่งตัวของเขาบ่งบอกได้ชัดว่า เขาเองก็เป็นหนึ่งในผู้ที่มาร่วมงานประมูลในค่ำคืนนี้เช่นกัน และจากการที่เขามาปรากฏตัวที่นี่อย่างสง่าผ่าเผยก็ดูเหมือนว่าร่างกายของเขาจะหายดีแล้ว
“คุณผู้หญิงวิทแมน สบายดีไหมครับ?” เจเรมี่ถามด้วยรอยยิ้มจาง ๆ
เมเดลีนพยักหน้าก่อนจะตอบกลับไปว่า “ฉันสบายดี”
“หากคุณไม่เป็นอะไรแล้ว ผมขออนุญาตปล่อยมือ” ในทันทีที่เสียงของเขาเงียบไป เขาก็รีบดึงแขนของตัวเองออกจากเอวของเธออย่างรวดเร็ว ราวกับว่าเขาไม่มีความอาลัยอาวรณ์ใดอยู่เลย
หลังจากนั้นเมเดลีนก็เห็นเจเรมี่หันหนีและเดินจากไป แล้วหัวใจของเธอก็แข็งกระด้างขึ้นมาทันที
เธอรู้ดีว่าเจเรมี่อาจเชื่อในเรื่องที่เธอเลิกแยแสและไม่หลงเหลือความรู้สึกอะไรให้กับเขาอีกแล้วมาตั้งแต่เมื่อสามเดือนก่อน
เมเดลีนร้อนใจต้องการที่จะบอกความจริงทุกอย่างกับเจเรมี่ เธอสาวเท้าเดินหน้าเข้าไปหาเขา “เจเรมี่...”
“เอวลีน”
แทบจะในทันที เสียงของเฟลิเป้ก็ได้ดังขึ้นราวกับฝันร้าย
ดูเหมือนว่าเขากำลังเดินมุ่งหน้ามาทางฝั่งที่เมเดลีนยืนอยู่ด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนเช่นเคย เขาเอามือของตัวเองวางลงที่เอวบางของเมเดลีน ก่อนจะก้มศีรษะลงให้ริมฝีปากบางของเขาแนบชิดที่ข้างหูของเมเดลีน “ถ้าคุณต้องการบอกความจริงกับเจเรมี่ล่ะก็ ผมรับรองเลยว่าคุณจะไม่ได้เห็นลิเลียนอีกต่อไป”
น้ำเสียงเฟลิเป้ยังคงไว้ซึ่งความนุ่มนวลและอ่อนโยน แต่ในคำพูดของเขากลับเต็มไปด้วยการข่มขู่และตักเตือน
เจเรมี่มั่นใจว่าตัวเองได้ยินเมเดลีนเรียกชื่อเขาเมื่อกี้นี้ เขาตัดสินใจหันหลังกลับไปมองยังต้นตอของเสียง และเห็นเฟลิเป้กำลังโอบอุ้มเมเดลีนไว้ในอ้อมแขนพลางกำลังกระซิบอะไรบางอย่างกับเธออย่างใกล้ชิด
“เอวลีนผมขอเตือนว่าอย่าทำอะไรที่คุณจะต้องเสียใจทีหลัง ตกลงไหม?” เฟลิเป้เตือน “วันนี้เป็นโอกาสที่ดี คุณควรมีความสุขให้มากนะ คุณคงไม่รู้ว่าคุณดูสวยงามแค่ไหนเวลายิ้ม”
เมเดลีนเหยียดริมฝีปากสีชมพูของเธอ พลางแสร้งทำเป็นเเดกดัน “ฉันก็แค่ดีใจที่ได้พบอดีตสามีของฉันที่นี่”
“งั้นเหรอครับ?” เจเรมี่ร่วมวงหัวเราะออกมาด้วย เขาหยิบไวน์แดงสองแก้วจากพนักงานเสิร์ฟที่กำลังจะเดินผ่านไปแล้วส่งให้เมเดลีนหนึ่งแก้ว “งั้นผมสงสัยว่า ผมจะดื่มกับอดีตภรรยาของตัวเองได้ไหม? อาเฟลิเป้คงไม่ว่าอะไรใช่ไหมครับ” เขาเหลือบมองเฟลิเป้แวบหนึ่ง
“แน่นอน ไม่มีปัญหา” เฟลิเป้ยิ้มอย่างใจกว้าง “อย่างไรเราก็เป็นครอบครัวเดียวกัน และหลังจากดื่มไวน์แก้วนี้แล้วก็ถือว่าอดีตของนายกับเอวลีนได้จบลงอย่างสมบูรณ์สักทีนะ”
“อืม” เจเรมี่ดูเหมือนยกมุมปากของเขาขึ้นเล็กน้อย เขามองไปยังเมเดลีนที่กำลังยิ้มราวกับดอกไม้บาน ก่อนจะยื่นแก้วไวน์ของตัวเองไปชนแก้วกับเธอเบาๆ “แด่อดีตภรรยา นี่คือการจากลาอย่างสันติ”
คำพูดของเขาเต็มไปด้วยความหมาย ก่อนจะกระดกไวน์ในแก้วทีเดียวหมด
เมเดลีนอยู่ในอาการตกตะลึง มันคล้ายกับหัวใจของเธอโดนตัดออกเป็นชิ้น ๆ
ถึงอย่างนั้น เธอก็ต้องฝืนยิ้มและกลืนของเหลวในแก้วลงท้องไป เธอกลืนมันลงไปพร้อมกับความคับข้องใจและความสิ้นหวังที่กำลังจะพวยพุ่งออกมา
“อาเอวลีนดื่มเก่งมากเลยครับ” เจเรมี่กล่าวชมเชยแล้วเหลือบมองโทรศัพท์ของตัวเองเมื่อมีแสงวาบขึ้นมา “แฟนของผมมาถึงที่นี่แล้ว งั้นผมไม่รบกวนคุณอาเฟลิเป้และคุณอาเอวลีนแล้วครับ ไว้เจอกันใหม่นะครับ”
แฟน?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ
1...
1...
1...
นางเอกโคตรโง่เลย เชื่อผู้ชายคนนี้ได้ไง ก็รู้อยู่ว่าเขานิสัยไม่ดีและจะแย่งตัวเองมาจากสามี ดันไปเชื่อมัน เอายามาแอบฉีดให้สามีเฉยเลย แทนที่จะปรึกษากันก่อน...
ต่อให้ทำผิดแล้วก็ไม่ควรให้อภัยอ่ะ เพราะมันเลวมาก รู้ว่านังเมอร์ทำชั่ว แต่ก็ช่วยปกปิดสารพัด ขนาดฆ่าคนตาย ยังยึดหลักฐานไป ปล่อย ห้นางเอกรับโทษแทนตั้งสามปี ไม่เคยมาดูดำดูดี พอออกมาได้ก็ยังทุบตีสารพัด ไม่เข้าใจว่านางเอกจะกลับมารักได้ไง...
หวาดเสียวว่านางเอกจะกลับมารักสามีเก่า โอ่ย ไม่ไหวนะ ต้องท่องไว้ว่ามันทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจไว้หนักหนาสาหัส ทำลูกตายด้วยนะ ทำลายหลุมศพปู่กับลูกอีก...
ทำไมไม่เอาหลักฐานให้ลุง ลุงเป็นคนดี ต้องเชื่ออน่นอน มีอำนาจด้วย ช่วยคุยกับตำรวจได้...
อ้าว รีบบอกพ่อแม่สิ จะปล่อยอีชั่วนี่ไว้กับพ่อแม่ได้ไง...
เรื่องนี้อ่านแล้วโคตรโมโห นางเอกน่าจะฆ่าแม่งให้หมดทุกตัวเลย อย่าให้เป็นว่ายกโทษให้สามีนะ...
อย่าได้กลับไปอยู่กับสามีเลย ชั่วช้าขนาดนั้น ต้องแก้แค้นให้สาสม...