ดวงตาของเขาติดตรึงอยู่ที่เธอและหัวใจของเขาก็เริ่มเต้นรัวในทันใด
เธอช่างสวยจนแทบลืมหายใจในยามนี้
มีบรรยากาศเยือกเย็นรายรอบตัวเธอและรอยยิ้มน้อย ๆ บนใบหน้า อย่างไรก็ตาม ยิ่งเธอเยือกเย็นมากเท่าใดเธอก็ยิ่งดูมีเสน่ห์เท่านั้น
ต่อให้เธอไม่ได้แต่งตัว แต่เห็นได้ชัดว่าเธอแต่งหน้าเล็กน้อย
เขายังสามารถมองเห็นรอยแดงรอบนิ้วนางข้างซ้ายของเธอที่กำลังกำกระเป๋าคลัทช์ในตอนนี้
มันคือรอยช้ำจากการที่เธอฝืนถอดแหวนออกอย่างแรง
ฟาเบียนนำเธอไปยังชั้นสอง ตอนที่พวกเขาเดินผ่านเจเรมี่ เมเดลีนแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นเขาและเดินผ่านไปราวอากาศธาตุ
เจเรมี่คว้าลำแขนบอบบางของเธอด้วยดวงตาเศร้าสร้อย “ทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่?”
เมเดลีนไม่แม้แต่จะมองเขา “ไม่ใช่เรื่องของคุณ” เธอตอบอย่างเย็นชาและเดินขึ้นบันไดต่อไปหลังจากที่แกะมือเขาออก
หลงเหลือเพียงความว่างเปล่าในอุ้งมือของเจเรมี่และหัวใจของเขาก็เริ่มเต้นผิดจังหวะ
ห้องนั่งเล่นชั้นสอง
ตอนนี้โยริคนั่งอยู่บนโซฟาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม มีความปั่นป่วนอย่างรุนแรงภายใต้ดวงตาระแวดระวัง
ภายนอกชายหนุ่มดูหล่อเหลา และเขามีดวงตาซึ่งคมกริบราวกับเหยี่ยวอยู่ใต้หว่างคิ้วสมบูรณ์แบบ
“แกคิดอะไรอยู่? กล้าดียังไงถึงจุดไฟเผาคนโดยไร้ความคิด? ที่นี่คือเกลนเดล รู้ไหมว่าตระกูลมอนต์โกเมอรีมีสถานะยังไง?”
ลาน่าเย้ยหยันอย่างไม่แยแส “พวกมันไม่มีทางเทียบได้กับสเตเจี่ยน จอห์นสัน ไม่ว่าจะมีอำนาจมากแค่ไหนก็ตาม!”
“แกคิดว่าแก๊งสเตเจี่ยน จอห์นสัน เป็นเรื่องที่น่าภูมิใจหรือไง? เราไม่เหมือนตระกูลมอนต์โกเมอรี แกต้องขอโทษเอวลีน มอนต์โกเมอรี เมื่อเธอมาถึงที่นี่”
“ขอโทษมัน?” ลาน่าหัวเราะคิกจากนั้นดวงตาของเธอก็เข้มขึ้น “ฉันใจดีกับมันอย่างที่สุดแล้วที่ปล่อยให้มันได้มีชีวิตยืนยาวขนาดนี้”
“หุบปาก!”
เมเดลีนไม่ได้จับมือโยริค อย่างไรก็ตาม เทียบกับตอนที่เธอเห็นเขาก่อนหน้านี้ ตอนนี้เขาทำให้เธอรู้สึกว่าเขาเป็นคนถ่อมตน ไม่ใช่หัวหน้าแก๊งผู้โหดเหี้ยม
“ฉันได้ยินว่าคุณรีบมาจากเมืองเอฟคุณจอห์นสัน คุณมาที่นี่เพียงเพื่อจะขอโทษฉันเหรอคะ?” เมเดลีนถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่มีรอยยิ้มบนใบหน้าอันเย็นชาทรงเสน่ห์ของเธอ
โยริคพยักหน้าแล้วเอ่ยอย่างนุ่มนวล “คุณมอนต์โกเมอรี ผมจะชดเชยความสูญเสียทั้งหมดที่ตระกูลมอนต์โกเมอรีได้รับ คุณพ่อคุณแม่ของคุณล่วงลับไปแล้ว และผมหวังว่าคุณจะสามารถระงับความเศร้าโศกและยอมรับโชคชะตาได้”
“ยอมรับโชคชะตา?” เมเดลีนหัวเราะหึแล้วเหลือบมองไปยังลาน่าซึ่งดูไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง “แน่นอนค่ะ แต่ฉันต้องการให้ผู้หญิงคนนี้คุกเข่าและขอโทษฉัน”
หลังจากลาน่าได้ยินเช่นนั้นเธอก็พุ่งตรงไปยังเมเดลีนราวกับว่าได้สูญเสียกิริยาโดยสิ้นเชิง
“เอวลีน แกรู้ไหมว่าพี่ชายของฉันไม่เคยพูดจาดีขนาดนี้กับผู้หญิงมาก่อน นับประสาอะไรกับการขอโทษ?! อย่าไร้ยางอายและไม่รู้คุณให้มันมากนัก!”
“หุบปากของแกซะ!” โยริคคำรามใส่ลาน่า
“พี่โยริค!” ลาน่าเริ่มคร่ำครวญอย่างไม่พอใจ แต่โยริคเพียงหันข้างให้เธออย่างเย็นชา
“คุณมอนต์โกเมอรี ถ้าคุณต้องการให้ลาน่าขอโทษคุณ ได้เลยครับ” โยริคยังคงยิ้มอย่างอบอุ่น จากนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเมื่อหันมาออกคำสั่งแก่ลาน่าอย่างเข้มงวด “ไปขอโทษคุณมอนต์โกเมอรีสิ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ
1...
1...
1...
นางเอกโคตรโง่เลย เชื่อผู้ชายคนนี้ได้ไง ก็รู้อยู่ว่าเขานิสัยไม่ดีและจะแย่งตัวเองมาจากสามี ดันไปเชื่อมัน เอายามาแอบฉีดให้สามีเฉยเลย แทนที่จะปรึกษากันก่อน...
ต่อให้ทำผิดแล้วก็ไม่ควรให้อภัยอ่ะ เพราะมันเลวมาก รู้ว่านังเมอร์ทำชั่ว แต่ก็ช่วยปกปิดสารพัด ขนาดฆ่าคนตาย ยังยึดหลักฐานไป ปล่อย ห้นางเอกรับโทษแทนตั้งสามปี ไม่เคยมาดูดำดูดี พอออกมาได้ก็ยังทุบตีสารพัด ไม่เข้าใจว่านางเอกจะกลับมารักได้ไง...
หวาดเสียวว่านางเอกจะกลับมารักสามีเก่า โอ่ย ไม่ไหวนะ ต้องท่องไว้ว่ามันทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจไว้หนักหนาสาหัส ทำลูกตายด้วยนะ ทำลายหลุมศพปู่กับลูกอีก...
ทำไมไม่เอาหลักฐานให้ลุง ลุงเป็นคนดี ต้องเชื่ออน่นอน มีอำนาจด้วย ช่วยคุยกับตำรวจได้...
อ้าว รีบบอกพ่อแม่สิ จะปล่อยอีชั่วนี่ไว้กับพ่อแม่ได้ไง...
เรื่องนี้อ่านแล้วโคตรโมโห นางเอกน่าจะฆ่าแม่งให้หมดทุกตัวเลย อย่าให้เป็นว่ายกโทษให้สามีนะ...
อย่าได้กลับไปอยู่กับสามีเลย ชั่วช้าขนาดนั้น ต้องแก้แค้นให้สาสม...