เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน นิยาย บท 11

สวีซุ่ยหนิงมองชายตรงหน้า เธอคาดเดาว่าตอนนี้ใบหน้าของเธอนั้นอาจซีดขาวยิ่งกว่าใบหน้าของจางอวี้

เธอรีบหันหลังและคิดจะหนี

ลั่วจือเห้อกลับเหยียบชายกระโปรงของเธอ คว้าเข็มขัดของเธอไว้และดึงเธอกลับมา เธอเซถลาซบร่างกายของเขาราวกับลูกไก่ตัวน้อย มือของเขานั้นโอบรอบเอวของเธอและเอ่ยด้วยรอยยิ้มเสแสร้ง "เอวบางซะด้วย"

ใบหน้าของสวีซุ่ยหนิงแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่ออีกครา ภายใต้ชุดเดรสสีดำสนิท เรือนร่างของเธอนั้นดูเปล่งประกาย

"เธอนี่ทั้งอกใหญ่และเอวบาง ทำไมถึงขัดใจเจียงเจ๋อได้นะ?" ลั่วจือเห้อกระซิบข้างหู "ตามหลักแล้วผู้หญิงที่มีหน้าอกใหญ่และเอวบางนั้นเป็นที่นิยมอย่างมาก"

สวีซุ่ยหนิงไม่อาจต้านทานได้

เจียงเจ๋อเอ่ยคำพูดพวกนี้เธอคงจะส่ายหน้าหนี เฉินลู่ทั้งโหดเหี้ยมและไร้ความรู้สึก หลับนอนกับเธอสองครั้งกลับไม่เคยเอ่ยปากชมเธอเลยแม้แต่ประโยคเดียวและไม่คิดว่าเธอนั้นเป็นหญิงงามเลยด้วยซ้ำ

ตลอดทั้งชีวิตของสวีซุ่ยหนิง นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนพูดกับเธอแบบนี้

"ขอโทษด้วย ฉันไม่ใช่คู่ควงของนาย ขอตัวก่อน" สวีซุ่ยหนิงฝืนยิ้มและคิดจะหนี

"ไม่เป็นไร เธอมาเป็นคู่ควงของฉันได้" ลั่วจือเห้อพูดอย่างเป็นกันเอง "เธอปฏิเสธได้นะ แต่หากเธอปฏิเสธ ฉันจะพาเธอไปพบกับเจียงเจ๋อ"

สวีซุ่ยหนิงอยากร้องไห้ รีบส่งสายตาหาจางอวี้ : รีบมาช่วยเหลือเพื่อนฝูงด่วนค่ะ!

จางอวี้รีบก้าวเท้าไปด้านหน้าสองก้าวและเอ่ยด้วยความลังเล “พี่เห้อ สวีซุ่ยหนิงเป็นเพื่อนของฉัน พี่อย่าทำให้เธอลำบากใจเลย”

ลั่วจือเห้อจ้องมองสวีซุ่ยหนิงด้วยความสนใจ "ฉันทำให้เธอลำบากใจงั้นเหรอ?"

สวีซุ่ยหนิงครุ่นคิดภายในใจ นายทำให้ฉันลำบากใจจนอยากจะร้องไห้เลยล่ะ

"เธอดูสิ เธอออกจะมีความสุขเมื่อได้อยู่กับฉัน เธอไปจัดการเรื่องของตัวเองเถอะ" ลั่วจือเห้อยื่นคำขาด

จางอวี้อยากช่วยใจจะขาดแต่ไม่อาจช่วยได้จริงๆ

ในความเป็นจริงคือเธอไม่กล้าช่วย ลั่วจือเห้อคือคนเลวทรามที่สุดในกลุ่ม หากเปรียบว่าเฉินลู่คือผู้อาวุโสที่น่าเคารพยกย่อง ลั่วจือเห้อก็คือมัจจุราชตัวน้อยที่คอยทำให้ผู้อื่นต้องปวดหัว

ตอนที่จางอวี้ยังเป็นเด็ก เธอถูกเขากลั่นแกล้งมาไม่น้อย ตอนนี้เขาทั้งใจดีและอ่อนโยน ตอนนี้เธอไม่กล้าที่หาเรื่องใส่ตัวจริงๆ

เธอจึงทำได้เพียงแค่ทอดทิ้งเพื่อนรักของเธอ

"ซุ่ยซุ่ย งั้นฉันไปจัดการธุระก่อนนะ" จางอวี้พูดด้วยท่าทีไร้สติ "พี่เห้อเป็นคนที่ดีมากคนหนึ่ง ไม่ทำให้เธอลำบากหรอก"

จากนั้นก็เหลือเพียงแค่ลั่วจือเห้อและสวีซุ่ยหนิง

เธอกลัวตายจริงๆ เธอไม่รู้จักลั่วจือเห้อ ทว่าชื่อของเขา เธอคุ้นหูเป็นอย่างดี ตอนนั้นเธอได้กระทำสิ่งที่ผิดศีลธรรมต่อลั่วจือเห้อ

เขาและเธอเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน ในตอนที่เพิ่งเข้ามหาวิทยาลัย เธอได้เล่นเกมพูดความจริงหรือเลือกรับคำท้าและเธอพ่ายแพ้ เธอถูกบังคับให้เขียนจดหมายรักสิบฉบับและส่งให้เหล่าชายหนุ่มที่มีชื่อเสียงในโรงเรียน

แม้ว่าเธอจะไม่เคยเห็นลั่วจือเห้อ แต่เขานั้นมีชื่อเสียง ดังนั้นจดหมายรักหนึ่งในสิบฉบับเขาก็ได้รับมันเช่นกัน

สวีซุ่ยหนิงจำได้ว่าเนื่องจากจดหมายรักนั้นทำให้เขาถูกเพื่อนร่วมชั้นล้อเลียน ภายในจดหมายได้เขียนไว้ว่า : ฮัลโหล เด็กหนุ่มนกอินทรีที่รักของฉัน

เนื่องจากว่ามันน่าอายจนเกินไป เธอจึงจำได้อย่างแม่นยำ และเมื่อได้ลองคิดดูแล้ว ตอนที่เธอนำจดหมายไปส่ง แม้แต่แมสก์เธอก็ไม่ได้ใส่เลยด้วยซ้ำ

เพียงแค่สวีซุ่ยหนิงนึกถึงเรื่องนี้ เธอก็รู้สึกอับอายไปสามบ้านแปดบ้านแล้ว ไม่กล้าจินตนาการเลยว่าเมื่อลั่วจือเห้อได้อ่านจดหมาย ใบหน้าของเขาจะมืดมนเพียงใด

นับว่าโชคดี ลั่วจือเห้อไม่รู้จักเธอและอาจจำเรื่องก่อนหน้านี้ไม่ได้

....

ลั่วจือเห้อและสวีซุ่ยหนิงนั่งหลบมุมอยู่ในระยะไกล

ขณะนั้นสวีสุ่ยหนิงมือไม้สั่นไปหมด เธอประหม่ามากเสียจนดื่มน้ำผิดแก้ว เธอหยิบแก้วน้ำของลั่วจือเห้อขึ้นมาดื่ม

สีหน้าของเธอซีดเผือดอีกครา

เมื่อเธอเห็นเฉินลู่นั่งอยู่ที่โต๊ะตรงข้าม ใบหน้าของเธอยิ่งซีดขาวยิ่งกว่าเก่า ไม่เหมือนกับคนที่ยังมีลมหายใจ

เฉินลู่ยังคงแต่งกายดูดีเช่นเคย ราวกับว่าเขาเหลือบมองใบหน้าของเธอจากหางตาและมองดูลั่วจือเห้อที่อยู่ข้างกาย จากนั้นเขาหันไปทักทายคนรอบข้างอย่างไม่ใส่ใจ

ด้วยความทุกข์ทนในขณะนั้น เธอรู้สึกว่าตัวเองต้องหนีไปในเวลานี้

ลั่วจือเห้อกระตุกยิ้มและเอ่ย "ทำไมล่ะ ลืมเลือนเด็กหนุ่มนกอินทรีของเธอไปแล้วงั้นเหรอ?"

สวีซุ่ยหนิงสำลักน้ำทันใด เธอไอจนน้ำตาไหลออกมา

ลั่วจือเห้อเช็ดปากให้เธอพลางเอ่ย "เธอแอบส่งจดหมายฉบับนั้นให้ฉันที่หน้าหอพัก ฉันเห็นเต็มสองตา"

สวีซุ่ยหนิง "......"

รอยยิ้มของลั่วจือเห้อชัดเจนยิ่งกว่าเก่า "แล้วฉันก็ยังเห็นเธอส่งจดหมายให้เฉินลู่ที่อยู่ห้องถัดไปอีกด้วย"

ขณะนั้น เฉินลู่หันกลับมาชำเลืองมองที่โต๊ะของพวกเขา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน