อ่านสรุป บทที่ 111 จาก เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน โดย จิ่นอวิ๋น
บทที่ บทที่ 111 คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายการโต้แย้ง เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย จิ่นอวิ๋น อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
เฉินลู่ชำเลืองมองเธอ
สวีซุ่ยหนิงเอ่ย "ฉันมาตอนกลางดึกแล้ว เครื่องบินเจอสภาพอากาศแปรปรวน ไม่ค่อยได้พักผ่อนเลย"
เขารู้สึกได้ว่าการพูดค่อนข้างเหนื่อย เขาเพียงพยักหน้าเบาๆ
สวีซุ่ยหนิงครุ่นคิดอย่างไม่ใส่ใจ ได้ยินมาว่าโดยปกติแล้วยิ่งทะเลาะกันรุนแรงมากเท่าไร ช่วงเวลาแห่งความสมานฉันท์ก็ยิ่งยากมากเท่านั้น ในเวลานี้เธอจะต้องอ่อนโยนมากเป็นพิเศษถึงจะถูก
อันที่จริงการที่เฉินลู่ซูบผอมแบบนี้ เมื่อได้เห็นก็รู้สึกเป็นกังวลไม่น้อย ไม่รู้ว่าเซี่ยซีที่ไร้ซึ่งความรักต่อเขา เมื่อได้เห็นรูปลักษณ์ของเขาเช่นนี้ เธอจะเจ็บปวดใจหรือเปล่า
เซี่ยซีจะคิดอย่างไร เธอไม่มีทางรู้ได้เลย
สวีซุ่ยหนิงลังเลอยู่ชั่วครู่ จากนั้นเอื้อมมือไปสัมผัสมือของเฉินลู่ เขาเหลือบมอง แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธและพูดอะไร
สวีซุ่ยหนิงกล่าว "วันนี้ฉันรู้สึกเมาเครื่อง วิ่งวุ่นไปมาขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แถมฉันยังทำเรื่องลาแล้วก็โดนหักเงินเดือนอีก นายช่วยแสดงท่าทีกระตือรือร้นกว่านี้หน่อยไม่ได้เลยเหรอ?"
มุมปากของเขายกยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ไม่รู้ร้อนไม่รู้หนาว หมายความว่าอย่างไร ไม่ง่ายดายที่จะคาดเดา แต่คาดว่าไม่ใช่ความหมายที่ดีนัก
สวีซุ่ยหนิงบีบมือที่ร้อนผ่าวของเขา เธอครุ่นคิดอีกครั้งและเอ่ย "อุณหภูมิของนายน่าจะประมาณ39องศา"
ท้ายที่สุดสวีซุ่ยหนิงก็คาดการณ์ไม่ผิด ไข้ของเฉินลู่สูงถึง39.2องศา เขาตัวร้อนมาก
เมื่อสวีซุ่ยหนิงได้ยินตัวเลขของอุณหภูมิ สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปทันใด เฉินลู่กลับแสดงสีหน้าเรียบเฉย มองเห็นเพียงความเหนื่อยล้าเท่านั้น
เมื่อแพทย์เอ่ยถึงข้อควรระวัง สวีซุ่ยหนิงก็ตั้งอกตั้งใจฟังเป็นอย่างดี เฉินลู่ไม่รับฟังอะไรทั้งนั้นเพราะเขาเองก็เป็นแพทย์ ภายในใจของเขาย่อมรู้ดีอยู่แล้ว
สวีซุ่ยหนิงประคองเขากลับไปยังห้องพักผู้ป่วย ระยะทางไม่ไกลนักแต่เขาก็รู้สึกเหนื่อย ระหว่างทางหอบหายใจอยู่ครู่หนึ่ง ทั้งสองยืนเผชิญหน้ากัน เขาโน้มตัวและเอียงศีรษะซบลงบนไหล่ของเธอ
นี่เป็นครั้งแรกของวันนี้ที่เขาใกล้ชิดกับเธอ
สวีซุ่ยหนิงไม่รู้ว่าตัวเธอนั้นครุ่นคิดได้อย่างไร เรื่องการทะเลาะนี้ควรจะปล่อยไปได้แล้ว
เธอปล่อยให้เขาพิงซบ จัดทรงผมให้กับเขา ทรงผมของเขานั้นไม่เป็นระเบียบเหมือนเช่นก่อนหน้านี้ เขาไม่ชอบให้ใครแตะต้องตัวเขา ส่วนบริเวณผมก็ยิ่งแล้วใหญ่ไม่ชอบให้ใครมาแตะต้องเลย แต่เขาในตอนนี้ไม่มีแรงแม้แต่ะจะสระผม
สวีซุ่ยหนิงพอจะเข้าใจแล้วว่าเฉินลู่คิดอะไรถึงได้เรียกให้เธอมา
"ยังไม่กินอะไรใช่ไหม?" เขาอยู่ใกล้ชิดกับเธอมาก แม้ว่าเธอจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาก็ตาม
เธอไม่ได้ให้ความสนใจกับการนอนหลับสบายหรือไม่สบายอยู่แล้ว โซฟาไร้คุณภาพก็ไม่เป็นปัญหา เห็นได้ชัดเลยว่าข้อดีของสวีซุ่ยหนิงคือการใช้ชีวิตอย่างง่ายดาย
เฉินลู่คิดอยากจะเรียกเธอให้ขึ้นมานอนบนเตียง แต่ลมหายใจของเธอนั้นคงที่ราวกับว่าเข้าสู่ห้วงความฝันไปแล้ว
เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องลากร่างที่ป่วยของเขาลงจากเตียง ในตอนนี้หากต้องอุ้มสวีซุ่ยหนิงนั่นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ในขณะที่เฉินลู่ขยับร่างกาย เขารู้สึกได้ว่าราวกับกำลังจะหมดสติ
เนื่องจากการกระทำของเขา สวีซุ่ยหนิงจึงตื่นขึ้น แต่ทว่าสายตาของเธอยังคงงัวเงีย เห็นได้ชัดว่าสติของเธอยังคงไม่เต็มร้อย
เฉินลู่เอ่ย "มานอนบนเตียง"
เธอพยักหน้าราวกับว่าได้ยินคำสั่ง จากนั้นเธอก็ขึ้นมานอนบนเตียง
เฉินลู่เองก็ง่วงมากเช่นกัน เมื่อเอ่ยเรียกเธอเสร็จก็เอนกายนอนลงภายใต้ผ้าห่ม หันไปกอดเธอด้วยความคุ้นเคย ทั้งสองต่างก็ผล็อยหลับและเข้าสู่ห้วงนิทราไปพร้อมกัน
โรคเจ้าชาย[1] คือ โรคเจ้าชาย (Prince Syndrome) อาการทางจิต ที่ทำให้ผู้ป่วยคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าชาย เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล เป็นที่หนึ่งอยู่เสมอ หลงตัวเอง เห็นแก่ตัว ไม่มีความรับผิดชอบ ไม่แคร์สังคม ทำอะไรไร้จิตสำนึก ชอบเรียกร้องความสนใจของคนอื่น มีความสุขเมื่อคนอื่นให้ความสนใจตนเอง จิตใจหยาบกระด้าง หยาบคาย ยกตัวเองให้สูงกว่าคนอื่นเสมอ โกหกเก่ง ไปจนถึงขาดความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นตลอดจน ปฏิเสธคำพูดและเหตุผลของผู้อื่น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน
แรกๆ สงสารนอ อ่านไปอ่านมาสงสารพอ...
เฉินลู่ไอ้คนเลว ส่วนสวีซุ่ยหนิงก็ใจอ่อนน่าสงสารเสียจริง...
ซุยหนิงย้ายที่อยู่เถอะ สงสารนาง เจอแต่ผู้ชายเลวๆ...
สวีซุยหนิงทำไมชอบเป็นของเล่นของเฉินลู่ล่ะ...
ช่วยอัพต่อด้วยค่ะ...