สวีซุ่ยหนิงไม่รู้ว่าตัวเองนอนหลับไปนานเท่าไร เพียงแต่ในความฝันเธอรู้สึกเหมือนว่าเธอกำลังโอบกอดเตาไฟขนาดใหญ่ ท้ายที่สุดเตาไฟนั้นกลับกลายเป็นภูเขาเปลวเพลิงและเธอก็ตื่นขึ้น
เธอลืมตาและเหลือบมองไปทางด้านข้าง เฉินลู่ยังคงหลับอยู่ ร่างกายของเขาแนบชิดกับเธอ ในตอนนี้เขาคงไม่ใช่เตาไฟขนาดใหญ่นั่นหรอกใช่ไหม?
เธอครุ่นคิดชั่วขณะ จากนั้นพลันนึกขึ้นได้ว่าเขาเรียกเธอขึ้นมานอนบนเตียง
สวีซุ่ยหนิงอดขมวดคิ้วไม่ได้ เฉินลู่กินยาลดไข้ไปแล้วแต่เขาก็ยังคงตัวร้อนอยู่ ร้อนแบบนี้ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เท่าไรนัก
ทันใดนั้นเธอรีบลุกขึ้นจากเตียง เธอเข้าไปในห้องน้ำและรองน้ำเย็นไว้ คิดอยากจะเช็ดตัวเขาให้อุณหภูมิร่างกายเย็นลง
คาดไม่ถึงเลยว่าเมื่อเธอสัมผัสเฉินลู่ เขาก็ตื่นขึ้นในทันใด หลังจากที่เขาเห็นเธอ เขาก็เอนตัวนอนลงอีกคราและไอสองสามครั้ง
สวีซุ่ยหนิงใช้มือของเธอโอบรอบข้อมือของเขาพลางใช้ความคิดไตร่ตรอง จากนั้นจ้องมองเขาด้วยแววตาซับซ้อน "นายผอมลงไปประมาณห้ากิโลกรัม"
เฉินลู่ตอบรับ'อืม'ด้วยท่าทีไม่ใส่ใจ เขาหลับตาลงและเอ่ย "เธอไม่ต้องมาเช็ดตัวให้ฉัน ไปพักเถอะ"
เดิมทีสวีซุ่ยหนิงก้มศีรษะและกำลังจะเช็ดแขนให้เขา เมื่อได้ยินเสียงเธอก็เงยหน้าขึ้นพลางเม้มริมฝีปากจากนั้นเอ่ย "แล้วนายจะทำไง นายตัวร้อนแบบนี้มันรู้สึกไม่สบายตัวหรือเปล่า?"
เฉินลู่เอ่ยด้วยเสียงนิ่งเรียบ "ดีขึ้นแล้วเดี๋ยวก็หาย เธอยังไม่กินข้าวเลยนี่ ไปหาอะไรกินก่อนเถอะ"
สีหน้าของสวีซุ่ยหนิงไม่สู้ดีนัก "นายไม่ดูแลรักษาสุขภาพร่างกายของตัวเองเลย นายเองก็เป็นหมอนะ หรือว่านายไม่รู้ว่าหากไข้ขึ้นสูงและไม่ยอมลงแบบนั้นมันจะเป็นอันตราย ไม่แน่ว่าบางทีอาจจะเป็นไข้จนเสียสติ นายรูปหล่อไปก็ไร้ประโยชน์นะถ้าอยู่ๆกลายเป็นคนบ้าสติไม่ดีขึ้นมา หากเป็นแบบนั้นใครจะเอานายกันล่ะ"
เฉินลู่พูดอย่างช่วยไม่ได้ "เธอยังมาบ่นฉันอยู่อีก หรือว่าเธอไม่หิว?"
สวีซุ่ยหนิงรู้สึกหิวนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้หิวถึงขนาดนั้น เธอส่ายศีรษะและกล่าว "ฉันไม่หิว"
"ตอนสมัยเด็ก ฉันก็เคยตัวร้อนแบบนี้" เฉินลู่เอ่ย "หลายปีผ่านไปก็ไม่มีใครสนใจฉัน ยามที่ป่วยก็ต้องไปหาหมอเอง ก่อนการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ฉันมีอาการปอดอักเสบ ฉันก็ผ่านช่วงเวลานั้นมาได้โดยลำพัง กดโทรศัพท์โทรหาผู้เป็นแม่ หล่อนกลับบอกให้ฉันไปหาพ่อ"
นี่เขากำลังเอ่ยถึงอดีตอยู่หรือเปล่านะ?
"แล้วพ่อของนายมาไหม?"
"เขาไปทำงานต่างจังหวัดน่ะ ยังไงก็ไม่อาจมาช่วยได้ทันหรอก" เมื่อเฉินลู่เอ่ยถึงเรื่องราวในตอนนี้ น้ำเสียงของเขากลับดูแข็งกร้าวยิ่งกว่าเก่า
สวีซุ่ยหนิงเงียบไปครู่หนึ่งและพูด "ก่อนหน้านี้ข้างกายนายไม่มีใคร แต่ตอนนี้มีคนคอยอยู่เคียงข้างนายแล้ว นายยังจะโมโหอะไร? แต่คุณป้าก็ทำกับนายไว้ไม่ดีเอาเสียเลย ยังไงนายก็เป็นลูกชายของเธอ"
"สำหรับเธอ ฉันไม่ใช่ลูกชายของเธอหรอก"
ไม่มีความขุ่นเคืองในน้ำเสียงของเฉินลู่ สวีซุ่ยหนิงรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย คำพูดของเขานั้นทำให้เข้าใจและชัดเจนมาก เห็นได้เลยว่าชีวิตที่ผ่านมาของเขานั้นไม่มีความสุข ขาดความรัก ขาดความอบอุ่น บางครั้งที่เฉินลู่ยึดเหตุผลของตัวเองและเลือดเย็น ต้องบอกเลยว่าอย่างไรเสียมันก็เกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อมที่เขาเคยพบเจอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน
แรกๆ สงสารนอ อ่านไปอ่านมาสงสารพอ...
เฉินลู่ไอ้คนเลว ส่วนสวีซุ่ยหนิงก็ใจอ่อนน่าสงสารเสียจริง...
ซุยหนิงย้ายที่อยู่เถอะ สงสารนาง เจอแต่ผู้ชายเลวๆ...
สวีซุยหนิงทำไมชอบเป็นของเล่นของเฉินลู่ล่ะ...
ช่วยอัพต่อด้วยค่ะ...