สรุปตอน บทที่114 ปกป้อง – จากเรื่อง เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน โดย จิ่นอวิ๋น
ตอน บทที่114 ปกป้อง ของนิยายการโต้แย้งเรื่องดัง เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน โดยนักเขียน จิ่นอวิ๋น เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
สวีซุ่ยหนิงมองไปที่เฉินลู่ครู่หนึ่ง เขาไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ แต่ท่าทางดูไม่พอใจอย่างชัดเจน
เธอจึงตัดสายโทรศัพท์ทันที
เฉินลู่เงยหน้ามองดูเธออีกครั้งและพูดอย่างเฉยเมย “เธอจะรับสายก็ไม่เป็นไรหรอก”
สวีซุ่ยหนิงพูดเสียงหวานในทันที "ความรู้สึกของนายสำคัญกว่าอีก"
เฉินลู่ไม่พูดอะไรอีก และโจ๊กชามนั้นก็ถูกกินอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้พูดอะไร สวีซุ่ยหนิงก็ถอนหายใจในใจ ดูเหมือนจะง้อยากสินะ
“เอาอีกชามไหม?” เธอถาม
เฉินลู่ตอบว่า “ได้”
ไม่รู้ว่าเขามีแรงมากขึ้นจากการกินโจ๊กชามแรกหรือเปล่า ดังนั้นเขาจึงกินโจ๊กชามที่สองได้เร็วขึ้น
สวีซุ่ยหนิงคิดว่าเขาเป็นโรคกลัวความสกปรกเป็นพิเศษ ดังนั้นเธอจึงอยากทำสิ่งที่ทำให้เขาพอใจ โดยตั้งใจจะทำความสะอาดโต๊ะ แต่วันนี้เขากลับไม่ได้เคร่งครัดในเรื่องนี้มากนักและบอกว่า "ให้พยาบาลมาจัดการในวันพรุ่งนี้เถอะ พวกเราควรพักผ่อนได้แล้ว"
สวีซุ่ยหนิงพูดว่า "แต่มันสกปรกมากเลยนะ นายต้องไม่ชินกับมันแน่ๆ"
เฉินลู่เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดเรียบๆว่า “เธอเหนื่อยมามากแล้วนะ”
สวีซุ่ยหนิงพบว่าเฉินลู่ดูเหมือนจะอ่อนโยนขึ้น จะพูดยังไงดีล่ะ ดูเหมือนว่าอารมณ์ของเขาไม่ค่อยแปรปรวนมากนัก ทำให้เธอรู้สึกว่าอ่อนโยนขึ้น
เธอรู้สึกราวกับว่าเธอได้พบหนทางแล้ว
ในอีกสองวันต่อมา สวีซุ่ยหนิงดูแลทุกเรื่องของเฉินลู่ด้วยตัวของเธอเอง
เจ้าหน้าที่พยาบาลแทบไม่มีบทบาทอื่นนอกจากการดูแลสุขอนามัย
ในตอนที่สวีซุ่ยหนิงยังไม่มา เฉินลู่อยู่ในห้องพักผู้ป่วยแทบจะตลอดเวลา นางพยาบาลเองก็ไม่กล้ากล้าพาเขาออกไปเดินเล่น แน่นอนว่าเหตุการณ์ในช่วงเวลาเหล่านั้นไม่ได้ดีเท่ากับสองวันนี้
และเมื่อเธอมาถึง เธอจะพาเฉินลู่ออกไปเดินเล่นทุกวัน
และไม่ว่าที่ไหนต่างก็มีเด็กไร้อารยธรรมอยู่ทุกหนทุกแห่ง การเลือกปฏิบัติต่อชาวเอเชียมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่ทั้งสองคนเพิ่งเดินไปที่สวน ก็มีเด็กอายุ 12 หรือ 13 ปีทำท่าตาหยีเพื่อเยาะเย้ยชาวเอเชียเพียงเพราะพวกเขายืนขวางทาง
เฉินลู่และสวีซุ่ยหนิงไม่ให้ความสนใจใดๆ
แต่ไม่คิดเลยว่าเด็กจะก้าวร้าวมากขึ้นกว่าเดิม เขาหยิบปืนของเล่นออกมาและเล็งตรงไปยังเฉินลู่ การแสดงออกของเขาเต็มไปด้วยการยั่วยุ
ใบหน้าของสวีซุ่ยหนิงซีดเผือด เฉินลู่บอกให้เธอหยุดยืนบังเขาแต่เธอไม่ยอมฟัง และกระซิบว่า "ไม่เอา"
วินาทีถัดมา แม่ของเด็กคนนั้นออกมา เมื่อเห็นการกระทำของลูกชาย สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันที ก่อนจะรีบดึงลูกชายตนเองมาขอโทษ
เฉินลู่พูดอย่างเย็นชาว่า “ผมหวังว่าคุณควรจะสอนลูกชายว่าอะไรคือการเคารพผู้อื่นนะครับ หมอฝานเป็นคนเอเชีย เขาคงไม่ยินดีที่มีคนดูถูกคนไข้ของเขา”
แม่ของเด็กชายร้องไห้น้ำตานองหน้า พวกเธอเป็นเพียงแค่ครอบครัวคนธรรมดาในเมืองนี้ เดิมทีเป็นเรื่องยากที่เฉินลู่และพรรคพวกจะมาที่นี่ เข้าใจความยากลำบากของพวกเธอและรับปากว่าจะช่วยรักษาเด็กให้ฟรี ไม่คิดว่าจู่ๆจะถูกเด็กชายทำลายไปดื้อๆแบบนี้
เด็กชายเริ่มหวาดกลัวและร้องไห้ออกมา
ไม่ว่าหญิงสาวจะวิงวอนขอความเมตตาอย่างไร เฉินลู่ก็ไม่สนใจที่จะมองพวกเขาอีกต่อไป เขาลากสวีซุ่ยหนิงกลับไปที่โรงพยาบาล
ทั้งสองเข้าไปในลิฟต์ สวีซุ่ยหนิงกำลังจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อหันหน้าไปก็พบว่าเขากำลังจ้องมองเธอโดยไม่ไหวติง
“เธอนี่ทุ่มเทจังเลยนะ เป็นเหลยเฟิงที่ยังมีชีวิตอยู่[1]หรือไง?” เขาเหน็บแนมเธอ
สวีซุ่ยหนิงตอบว่า "ฉันปกป้องนาย นายจะไม่ขอบคุณฉันก็ได้ แต่การที่มาพูดล้อเล่นแบบนี้ นายยังมีสำนึกอยู่ไหม?"
เฉินลู่หัวเราะเสียงต่ำสองครั้ง ก่อนจะก้มลงจูบเธอ
เหลยเฟิงที่ยังมีชีวิตอยู่[1] ใช้เรียกผู้ที่มีน้ำใจช่วยเหลือผู้อื่นเหมือนกับเหลยเฟิง ทหารในสังกัดกองทัพปลดแอกประชาชนของสาธารณรัฐประชาชนจีน บุคคลซึ่งเป็นแบบอย่างในการอุทิศตน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน
แรกๆ สงสารนอ อ่านไปอ่านมาสงสารพอ...
เฉินลู่ไอ้คนเลว ส่วนสวีซุ่ยหนิงก็ใจอ่อนน่าสงสารเสียจริง...
ซุยหนิงย้ายที่อยู่เถอะ สงสารนาง เจอแต่ผู้ชายเลวๆ...
สวีซุยหนิงทำไมชอบเป็นของเล่นของเฉินลู่ล่ะ...
ช่วยอัพต่อด้วยค่ะ...