แม่สวีเห็นว่าเขาไม่ได้พูดอะไรจึงถอนหายใจและเอ่ย "คำขอโทษของนาย ฉันรับไว้ แต่ฉันไม่อาจวางใจที่จะให้หนิงหนิงอยู่กับนาย"
เฉินลู่ขมวดคิ้วและไม่เอื้อนเอ่ยสิ่งใด
เห็นได้ชัดเจนว่าสถานการณ์ของทั้งสองนั้นค่อนข้างเงียบมากยิ่งขึ้น แม้กระทั่งกลับถึงบ้านสวี พ่อสวีเองก็ไม่ส่งเสียงใด
แม่สวีกล่าว "นายไปพักผ่อนเถอะ ตอนที่นายมาฉันเห็นตารางเที่ยวบินของนาย พรุ่งนี้เช้ามีตั๋วบินกลับเมืองaนี่ เรื่องของคุณลุง ฉันเองก็เกรงใจไม่กล้าใช้เงินของนายแล้วล่ะ หนิงหนิงอาจคิดว่าเป็นสิ่งสำคัญ แต่ฉันกับคุณลุงเห็นพ้องกันว่าเรื่องของหนิงหนิงมาเป็นอันดับแรก การไปหาหมออะไรนั้น พูดตามตรงแล้วผ่านมาก็ตั้งหลายปีแล้ว ปล่อยให้เป็นไปตามชะตากรรมเถอะ"
เฉินลู่เงียบไปชั่วขณะจากนั้นเอ่ย "เรื่องของคุณลุง ผมไม่สนใจไม่ได้หรอกครับ"
ก่อนหน้านี้เขาเองก็ได้ให้คำสัญญากับสวีซุ่ยหนิงไว้แล้ว
แม่สวีเอ่ยขอบคุณเขาจากนั้นก็ตรงกลับไปยังห้องของตนเอง
เฉินลู่ก็เข้าไปในห้องรับแขก กระทั่งดึกดื่น เขาตื่นขึ้นเพราะอาการปวดท้อง ตลอดทั้งวันไม่มีอาหารตกถึงท้องเขาเลย ต่อมาสวีซุ่ยหนิงทำข้าวผัดให้เขา เขาก็ไม่กิน เขากินอาหารไม่ตรงเวลา ร่างกายของเขาเจอปัญหาไม่น้อย
เฉินลู่อดทนอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาส่งข้อความหาสวีซุ่ยหนิง เขาเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าเธอจะตอบกลับเขาและเขาไม่ได้คิดจะอดทนต่ออาการเจ็บปวดนี้ เพียงแต่เขาไม่คาดคิดว่าสวีซุ่ยหนิงจะมาเคาะประตูห้องเขา
เมื่อเธอเข้ามาและเห็นเม็ดเหงื่อผุดขึ้นไปทั่วร่างกายของเขา เธอขมวดคิ้วแน่น
สวีซุ่ยหนิงพาเฉินลู่ไปยังโรงพยาบาลในตอนกลางดึก ก่อนที่จะออกมาพ่อสวีและแม่สวีก็เอ่ยปากถามด้วยความเป็นกังวล
เรื่องที่โกรธและควรเว้นระยะห่างนั่นก็คืออีกเรื่องหนึ่ง แต่สามีภรรยาคู่นี้ต่างก็มีจิตใจดีงามฝังลึกลงในกระดูกดำ คาดหวังให้ทุกคนใช้ชีวิตโดยไร้โรคภัยไข้เจ็บ
เดิมทีพ่อสวีคิดอยากจะมาด้วย แต่สวีซุ่ยหนิงเอ่ยว่าไม่ต้อง
เพราะว่าเคยคบหากับเฉินลู่ สวีซุ่ยหนิงค่อนข้างคุ้นเคยกับโรงพยาบาล ขั้นตอนการเข้าพบหมอนั้นจำได้บ้างและจำไม่ได้บ้าง
เมื่อเธอได้บอกอาการให้หมอตรวจวินิจฉัยเฉินลู่แล้วก็พาเขาไปให้น้ำเกลือ
มือและเท้าของเฉินลู่เย็นเฉียบ สวีซุ่ยหนิงกลัวว่าเมื่อเขาให้น้ำเกลือแล้วจะรู้สึกไม่สบายตัว เธอเอ่ย "ฉันจะไปซื้อกระติกน้ำร้อนมาให้นาย"
"ไม่จำเป็น" เฉินลู่เอ่ยอย่างไร้เรี่ยวแรง
"มือของนายเย็นมาก อีกเดี๋ยวจะต้องรู้สึกไม่สบายเป็นแน่" สวีซุ่ยหนิงยังยืนกรานจะไป
ผู้ชายที่อยู่ด้านข้างเฉินลู่เอ่ยอย่างอิจฉา "พี่ชาย ภรรยาของพี่นี่ดีมากจริงๆ ภรรยาผมน่ะเห็นว่าผมป่วยเพียงเล็กน้อย เธอขี้เกียจเกินกว่าจะมากับผม ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องรายละเอียดเพียงน้อยนิดเหล่านี้เลย"
"ภรรยา" คำนี้กลับทำให้เฉินลู่ขมวดคิ้วแน่น
เขาอ้าปากแต่ท้ายที่สุดก็ไม่ได้เอ่ยปฏิเสธ
"ปกติแล้วทะเลาะกันบ้างไหมครับ?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน
แรกๆ สงสารนอ อ่านไปอ่านมาสงสารพอ...
เฉินลู่ไอ้คนเลว ส่วนสวีซุ่ยหนิงก็ใจอ่อนน่าสงสารเสียจริง...
ซุยหนิงย้ายที่อยู่เถอะ สงสารนาง เจอแต่ผู้ชายเลวๆ...
สวีซุยหนิงทำไมชอบเป็นของเล่นของเฉินลู่ล่ะ...
ช่วยอัพต่อด้วยค่ะ...