ในช่วงระหว่างที่เฉินลู่รอเธอกลับมา เขาครุ่นคิดว่าจะวางแผนงานให้เธอหรือไม่ก็ควรจะให้เงินเธอเท่าไร เพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องทำงานหนัก
เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้ที่เธออยู่ที่โรงพยาบาล เธอเป็นกังวลในเรื่องของงาน บ่อยครั้งในช่วงกลางดึกเขามักจะเห็นว่าเธอนั้นไม่หลับไม่นอน เธอมัวแต่มองดูอะไรบางอย่างด้วยท่าทีลับๆล่อๆ ตอนนี้เมื่อได้ไตร่ตรองดูแล้ว นอกจากเอกสาร ไม่มีทางเป็นอย่างอื่นได้
เฉินลู่ไม่เคยรู้สึกคับข้องใจมากเท่านี้มาก่อน เขาระงับอารมณ์ทุกอย่างไว้ ท่าทีการแสดงออกของเขายังคงเป็นปกติ เขาเอ่ยอย่างอ่อนแรง "หนิงหนิง เธออย่าเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องตลก ฉันหวังดีกับเธอจริงๆ"
โทรศัพท์ของสวีซุ่ยหนิงกลับดังขึ้น อาจจะเป็นลูกค้าคนสำคัญ แม้เสี้ยววินาทีเธอก็ไม่อยากเสียเวลา เธอรีบเก็บอุปกรณ์ตามความต้องการของอีกฝ่ายในทันที
จากนั้นเพียงไม่กี่นาทีเธอก็ออกไปอีกครั้ง ไม่แม้แต่จะเหลียวมองเขา
เฉินลู่ยังคงนิ่งอยู่กับที่และไม่มีการส่งเสียงใด
พนักงานของบริษัทจ้องมองเขาและกล่าว "คุณผู้ชายคะ อีกเดี๋ยวพวกเราก็จะเลิกงานแล้ว คุณกลับไปก่อนดีไหมคะ คาดว่าทางพี่หนิงหนิงวันนี้อาจจะไม่ได้กลับมาที่นี่แล้วค่ะ"
เขาตอบรับ'อืม'ด้วยน้ำเสียงที่ไม่อาจแยกแยะอารมณ์ได้
"พี่หนิงหนิงทำเพื่อบริษัทมากมาย เธอต้องการที่จะเป็นเลิศ หวังว่าคุณจะเข้าใจ"
บทสนทนาระหว่างเขาและสวีซุ่ยหนิงเมื่อครู่นี้ เมื่อเพื่อนร่วมงานได้ฟังแล้วก็ไม่อาจจับประเด็นได้ จากสถานการณ์ของทั้งสอง คิดว่าพวกเขาอาจจะเป็นแฟนกัน ส่วนเขานั้นถูกแฟนสาวเมิน อารมณ์ของเขาจึงไม่ดีเท่าไรนัก
เช่นนั้นพนักงานก็เลยมาปลอบโยนเขา
แต่ประโยคนี้กลับทำให้เฉินลู่รู้สึกได้ถึงคลื่นนับพันในใจ
เขาพลันนึกถึงลั่วจือเห้อโดยไม่รู้ตัว
จู่ๆสวีซุ่ยหนิงกลับทำงานอย่างหนักเพื่ออะไรกัน?
แม้ว่าลั่วจือเห้อจะชอบสวีซุ่ยหนิง แต่พ่อและแม่ของเขาก็คงจะไม่เห็นด้วยในเรื่องระหว่างเธอและเขา หากว่าต้องการให้ผู้หลักผู้ใหญ่ให้การอนุมัติก็จำเป็นจะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง เฉินลู่อดคิดไม่ได้ว่าที่เธอต้องการจะเป็นเลิศก็เพื่อที่จะได้รับการอนุมัติจากพ่อแม่ของลั่วจือเห้อ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน
แรกๆ สงสารนอ อ่านไปอ่านมาสงสารพอ...
เฉินลู่ไอ้คนเลว ส่วนสวีซุ่ยหนิงก็ใจอ่อนน่าสงสารเสียจริง...
ซุยหนิงย้ายที่อยู่เถอะ สงสารนาง เจอแต่ผู้ชายเลวๆ...
สวีซุยหนิงทำไมชอบเป็นของเล่นของเฉินลู่ล่ะ...
ช่วยอัพต่อด้วยค่ะ...