สุดท้ายแม่เจียงก็ติดต่อหาสวีซุ่ยหนิง
ครั้งนี้เธอเอ่ยวาจาอย่างมีมารยาทมาก มากเสียจนไม่รู้จะเอ่ยออกมายังไง
ต่อให้เป็นอย่างนี้ สวีซุ่ยหนิงก็ไม่ได้สนทนาอะไรกับเธอมากอยู่ดี
แต่เรื่องที่เฉินลู่ไม่ยอมคืนแหวนให้กับเจียงเจ๋อ เธอก็ยังโทรไปถามเขาอีกครั้ง
ตอนที่โทรศัพท์ของเฉินลู่ดังขึ้น เขากำลังฟังเพื่อนร่วมอาชีพที่เป็นชาวต่างชาติกล่าวรายงานอยู่ แต่สายเรียกเข้าทำให้ดวงตาของเขาวาววับ แล้วเขาก็กดรับสายโดยไม่ลังเล ต่อให้ตอนนี้จะกำลังประชุมอยู่ก็ตาม
ที่จริงนี่ก็สามารถบอกได้ว่า ตอนนี้เฉินลู่กำลังเป็นฝ่ายเสียเปรียบ อาจเพราะไม่ได้ติดต่อกับสวีซุ่ยหนิงมานานแล้ว ถึงได้ยิ่งรู้สึกว่าแค่โทรศัพท์สายเดียวก็มีค่ามาก
สวีซุ่ยหนิงพยายามเรียบเรียงสารที่จะพูด แล้วเอ่ย: "แหวนของเจียงเจ๋อ นายยังไม่คืนเขาอีกเหรอ?"
ความรู้สึกดีใจของเฉินลู่หายไปครึ่งหนึ่ง เขาเอ่ยอย่างเย็นชา: "ฉันเคยบอกไปแล้ว ฉันไม่มีทางคืนแหวนเขา"
"นายไร้เหตุผลเกินไปหน่อยหรือเปล่า" สวีซุ่ยหนิงขมวดคิ้วแล้วเอ่ย "เดิมทีนั่นเป็นของที่ฉันให้เขา แถมได้ยินมาว่าหลังจากที่ได้แหวนไป เขาก็ดูมีความสุขขึ้นมาบ้าง"
"ดังนั้นหมายความว่าตอนนี้เธอนั้นใส่ใจความรู้สึกของนักโทษที่ทำร้ายเธออย่างนั้นสิ?" น้ำเสียงของเฉินลู่เย็นชายิ่งกว่าเดิม
สวีซุ่ยหนิงชะงักไป
แน่นอนว่าไม่ใช่ เธอก็แค่ไม่พอใจที่เฉินลู่มายุ่งกับสิ่งของของเธอ ไม่ว่าจะพูดยังไง สิทธิ์ในการจัดการแหวนวงนั้นก็ไม่ได้เป็นของเฉินลู่อยู่ดี
"ถ้านายคิดแบบนั้น ฉันก็ทำอะไรไม่ได้"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน
แรกๆ สงสารนอ อ่านไปอ่านมาสงสารพอ...
เฉินลู่ไอ้คนเลว ส่วนสวีซุ่ยหนิงก็ใจอ่อนน่าสงสารเสียจริง...
ซุยหนิงย้ายที่อยู่เถอะ สงสารนาง เจอแต่ผู้ชายเลวๆ...
สวีซุยหนิงทำไมชอบเป็นของเล่นของเฉินลู่ล่ะ...
ช่วยอัพต่อด้วยค่ะ...