สวีซุ่ยหนิงยิ้มแล้วพยักหน้าให้จางอวี้
เธอคุยกับเจี่ยงหนานตั๋วนิดหน่อย จากนั้นเขาก็เหมือนนึกอะไรได้แล้วเอ่ยว่า: "หลังจากนั้น โจวอี้ก็ไม่ได้รักษาที่นี่ต่อแล้ว"
"เธอรักษาจนใกล้หายดีแล้วไม่ใช่เหรอ แบบนั้นก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วสิ?" สวีซุ่ยหนิงหลุบตาลง "แค่กระโดดลงมาจากชั้นสอง คิดว่ายังไงก็น่าจะไม่มีอาการที่รุนแรงจนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต แถมยังมีหมอเก่งๆ ช่วยรักษาเธอตั้งหลายคน"
"หมอเก่งๆ" สามคำนี้ หมายถึงเงินจำนวนมากที่จ่ายไป
"เป็นคนคนนั้นที่ไม่สนใจจะช่วยเธอต่อแล้ว" เขาเงียบไปแป๊บหนึ่งถึงจะบอก
เจี่ยงหนานตั๋วยังจำได้ วันนั้นหลังจากที่โจวอี้ได้รับการทำแผลเรียบร้อยแล้ว เฉินลู่ดูไม่ได้สนใจว่าเธอเป็นยังไงบ้าง แต่เขากลับยืนอยู่ข้างเตียงของเธอแล้วเอ่ยอย่างโมโห: "เธอพอใจแล้วสิ?"
เขารู้จักกับเฉินลู่มาหลายปี แต่ไม่เคยเขาโกรธแบบแค่มองก็รู้ได้เหมือนวันนั้น
สวีซุ่ยหนิงไม่พูดอะไร แต่ไม่ว่าจะยังไง โจวอี้ก็ได้สมบัติไปตั้งเยอะตั้งแยะ ชีวิตต่อจากนี้ของเธอยังสามารถอยู่ได้อย่างสุขสบายอยู่ดี
เธอกับจางอวี้อยู่ที่นั่นต่ออีกพักใหญ่ก็ออกไป
ตอนที่อยู่ในลานจอดรถ อยู่ๆ จางอวี้ก็ชะงักไป สายตาของเธอมองไปยังทิศทางหนึ่ง แต่สวีซุ่ยหนิงไม่เข้าใจ
"รถคันนั้นเป็นของเฉินลู่ใช่ไหม? ฉันจำได้ว่าที่นี่มีแต่เขาที่มีรถรุ่นนี้" จางอวี้ส่งสายตาให้เธอ
สวีซุ่ยหนิงมองตามสายตาของเธอไป ก็นิ่งไปเล็กน้อย นั่นเป็นรถของเฉินลู่แน่ๆ แบบไม่ต้องสงสัย เธอเบนสายตาออกมาแล้วเอ่ยว่า: "ไปกันเถอะ"
จางอวี้อยากเอ่ยว่าเขารออยู่เพราะอยากจะมองเธอให้นานกว่าเดิมอีกหน่อยแน่ๆ แต่คิดอีกทีก็คิดว่าไม่จำเป็น เวลาแบบนี้คำพูดพวกนี้คงเป็นสิ่งที่สวีซุ่ยหนิงไม่อยากได้ยินมากที่สุด ดังนั้นเธอเลยทำได้แค่เปิดประตูรถแล้วขึ้นไปนั่ง
เฉินลู่มองตามรถของพวกเธอที่ขับออกไป จนกระทั่งบุหรี่ในมือเผาไหม้จนถึงก้นกรอง จนสัมผัสได้ว่ามันลวกมือ เขาถึงได้ขับรถออกไป
-
หลังจากที่สวีซุ่ยหนิงกลับถึงบ้าน เธอก็แยกตัวกับจางอวี้
เดิมทีเธอตั้งใจจะพักผ่อน แต่บังเอิญได้รับโทรศัพท์จากผู้ช่วยของลั่วจือเห้อพอดี ผู้ช่วยติดธุระส่วนตัว เลยอยากให้เธอไปรับเขาที่สนามบินแทน
ตอนนี้สวีซุ่ยหนิงยังไม่นอนพอดี ก็เลยไม่ได้ปฏิเสธ
ลั่วจือเห้อไม่คิดว่าดึกขนาดนี้แล้วแต่เธอกลับเป็นคนมารับเขา ตอนที่มองเห็นเธอเขาจึงตกใจอยู่เล็กน้อย แต่เขากลับรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก: "พอดีเลย ฉันซื้อกระเป๋ามาให้เธอด้วยใบหนึ่ง จะได้ไม่ต้องเอาไปให้เธออีกรอบ"
สวีซุ่ยหนิงถาม: "กี่บาท ฉันโอนคืนให้"
"ไม่ต้องหรอก เธอไม่จำเป็นต้องคิดมากขนาดนั้นก็ได้" ลั่วจือเห้อเอ่ยอย่างล้อเลียน "ถ้าทำอย่างที่เธอพูด เธอมารับฉันอย่างนี้ฉันก็ต้องจ่ายค่ารถให้เธออย่างนั้นสิ?"
สวีซุ่ยหนิงจึงทำได้แค่ปล่อยไป
"พรุ่งนี้บ้านฉันจะชวนญาติมากินข้าวที่บ้าน เธอเองก็มาด้วยกันสิ?"
สวีซุ่ยหนิงเอ่ยอย่างไม่แน่ใจ: "ไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่มั้ง?"
"ก่อนหน้านี้ฉันเองก็เคยไปกินข้าวบ้านเธอนี่? อีกอย่าง เธอเองก็เป็นเพื่อนร่วมงานของฉัน พวกเราไปกินข้าวด้วยกัน ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดอะไร" ลั่วจือเห้อพูดต่อ "ฉันกลับบ้าน ที่บ้านก็เอาแต่เร่งฉันเรื่องแต่งงาน ถ้ามีแขกอย่างเธออยู่ด้วย พวกเขาจะต้องไม่พูดเรื่องพวกนี้แน่ ถือว่าได้ช่วยฉันไปด้วย"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน
แรกๆ สงสารนอ อ่านไปอ่านมาสงสารพอ...
เฉินลู่ไอ้คนเลว ส่วนสวีซุ่ยหนิงก็ใจอ่อนน่าสงสารเสียจริง...
ซุยหนิงย้ายที่อยู่เถอะ สงสารนาง เจอแต่ผู้ชายเลวๆ...
สวีซุยหนิงทำไมชอบเป็นของเล่นของเฉินลู่ล่ะ...
ช่วยอัพต่อด้วยค่ะ...