เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน นิยาย บท 248

สรุปบท บทที่ 248: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน

ตอน บทที่ 248 จาก เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 248 คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายการโต้แย้ง เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน ที่เขียนโดย จิ่นอวิ๋น เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

สวีซุ่ยหนิงยิ้มแล้วพยักหน้าให้จางอวี้

เธอคุยกับเจี่ยงหนานตั๋วนิดหน่อย จากนั้นเขาก็เหมือนนึกอะไรได้แล้วเอ่ยว่า: "หลังจากนั้น โจวอี้ก็ไม่ได้รักษาที่นี่ต่อแล้ว"

"เธอรักษาจนใกล้หายดีแล้วไม่ใช่เหรอ แบบนั้นก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วสิ?" สวีซุ่ยหนิงหลุบตาลง "แค่กระโดดลงมาจากชั้นสอง คิดว่ายังไงก็น่าจะไม่มีอาการที่รุนแรงจนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต แถมยังมีหมอเก่งๆ ช่วยรักษาเธอตั้งหลายคน"

"หมอเก่งๆ" สามคำนี้ หมายถึงเงินจำนวนมากที่จ่ายไป

"เป็นคนคนนั้นที่ไม่สนใจจะช่วยเธอต่อแล้ว" เขาเงียบไปแป๊บหนึ่งถึงจะบอก

เจี่ยงหนานตั๋วยังจำได้ วันนั้นหลังจากที่โจวอี้ได้รับการทำแผลเรียบร้อยแล้ว เฉินลู่ดูไม่ได้สนใจว่าเธอเป็นยังไงบ้าง แต่เขากลับยืนอยู่ข้างเตียงของเธอแล้วเอ่ยอย่างโมโห: "เธอพอใจแล้วสิ?"

เขารู้จักกับเฉินลู่มาหลายปี แต่ไม่เคยเขาโกรธแบบแค่มองก็รู้ได้เหมือนวันนั้น

สวีซุ่ยหนิงไม่พูดอะไร แต่ไม่ว่าจะยังไง โจวอี้ก็ได้สมบัติไปตั้งเยอะตั้งแยะ ชีวิตต่อจากนี้ของเธอยังสามารถอยู่ได้อย่างสุขสบายอยู่ดี

เธอกับจางอวี้อยู่ที่นั่นต่ออีกพักใหญ่ก็ออกไป

ตอนที่อยู่ในลานจอดรถ อยู่ๆ จางอวี้ก็ชะงักไป สายตาของเธอมองไปยังทิศทางหนึ่ง แต่สวีซุ่ยหนิงไม่เข้าใจ

"รถคันนั้นเป็นของเฉินลู่ใช่ไหม? ฉันจำได้ว่าที่นี่มีแต่เขาที่มีรถรุ่นนี้" จางอวี้ส่งสายตาให้เธอ

สวีซุ่ยหนิงมองตามสายตาของเธอไป ก็นิ่งไปเล็กน้อย นั่นเป็นรถของเฉินลู่แน่ๆ แบบไม่ต้องสงสัย เธอเบนสายตาออกมาแล้วเอ่ยว่า: "ไปกันเถอะ"

จางอวี้อยากเอ่ยว่าเขารออยู่เพราะอยากจะมองเธอให้นานกว่าเดิมอีกหน่อยแน่ๆ แต่คิดอีกทีก็คิดว่าไม่จำเป็น เวลาแบบนี้คำพูดพวกนี้คงเป็นสิ่งที่สวีซุ่ยหนิงไม่อยากได้ยินมากที่สุด ดังนั้นเธอเลยทำได้แค่เปิดประตูรถแล้วขึ้นไปนั่ง

เฉินลู่มองตามรถของพวกเธอที่ขับออกไป จนกระทั่งบุหรี่ในมือเผาไหม้จนถึงก้นกรอง จนสัมผัสได้ว่ามันลวกมือ เขาถึงได้ขับรถออกไป

-

หลังจากที่สวีซุ่ยหนิงกลับถึงบ้าน เธอก็แยกตัวกับจางอวี้

เดิมทีเธอตั้งใจจะพักผ่อน แต่บังเอิญได้รับโทรศัพท์จากผู้ช่วยของลั่วจือเห้อพอดี ผู้ช่วยติดธุระส่วนตัว เลยอยากให้เธอไปรับเขาที่สนามบินแทน

ตอนนี้สวีซุ่ยหนิงยังไม่นอนพอดี ก็เลยไม่ได้ปฏิเสธ

ลั่วจือเห้อไม่คิดว่าดึกขนาดนี้แล้วแต่เธอกลับเป็นคนมารับเขา ตอนที่มองเห็นเธอเขาจึงตกใจอยู่เล็กน้อย แต่เขากลับรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก: "พอดีเลย ฉันซื้อกระเป๋ามาให้เธอด้วยใบหนึ่ง จะได้ไม่ต้องเอาไปให้เธออีกรอบ"

สวีซุ่ยหนิงถาม: "กี่บาท ฉันโอนคืนให้"

"ไม่ต้องหรอก เธอไม่จำเป็นต้องคิดมากขนาดนั้นก็ได้" ลั่วจือเห้อเอ่ยอย่างล้อเลียน "ถ้าทำอย่างที่เธอพูด เธอมารับฉันอย่างนี้ฉันก็ต้องจ่ายค่ารถให้เธออย่างนั้นสิ?"

สวีซุ่ยหนิงจึงทำได้แค่ปล่อยไป

"พรุ่งนี้บ้านฉันจะชวนญาติมากินข้าวที่บ้าน เธอเองก็มาด้วยกันสิ?"

สวีซุ่ยหนิงเอ่ยอย่างไม่แน่ใจ: "ไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่มั้ง?"

"ก่อนหน้านี้ฉันเองก็เคยไปกินข้าวบ้านเธอนี่? อีกอย่าง เธอเองก็เป็นเพื่อนร่วมงานของฉัน พวกเราไปกินข้าวด้วยกัน ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดอะไร" ลั่วจือเห้อพูดต่อ "ฉันกลับบ้าน ที่บ้านก็เอาแต่เร่งฉันเรื่องแต่งงาน ถ้ามีแขกอย่างเธออยู่ด้วย พวกเขาจะต้องไม่พูดเรื่องพวกนี้แน่ ถือว่าได้ช่วยฉันไปด้วย"

สวีซุ่ยหนิงรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองอธิบายออกไปไม่มีประโยชน์ ก็เลยหันไปมองลั่วจือเห้อ อีกฝ่ายยกยิ้มให้เธออย่างรู้สึกผิด แล้วเอ่ยว่า: "คุณลุง เลิกจับคู่ไปเรื่อยได้แล้วครับ เธอเป็นเพื่อนผมครับ"

แต่ว่าตอนกินข้าวลั่วจือเห้อทั้งตักข้าว เสิร์ฟน้ำ ตักซุปให้กับสวีซุ่ยหนิง ทำให้แม่ลั่วต้องชะงักไปอีกครั้ง เธอใช้เวลาตรึกตรองอยู่ครู่หนึ่ง ก็ถาม: คุณสวีรู้จักกับอาเห้อได้ยังไงเหรอ?"

"ลั่วจือเห้อแย่งเธอตอบ: "ตอนเรียนมหาวิทยาลัย"

"อย่างนั้นครอบครัวของคุณ......"

ลั่วจือเห้อเอ่ย: "แม่ วันนี้ผัดมะเขือม่วงหมูสับของแม่อร่อยดีนะ"

เขาพูดจบ ก็ใช้ตะเกียบคีบให้สวีซุ่ยหนิง แล้วเอ่ยว่า: "เธอลองชิมดู"

ขอแค่เขาลองชิมแล้วอร่อย เขาก็จะคีบมันให้สวีซุ่ยหนิงด้วย แม้แต่ขนมที่ตั้งใจเตรียมไว้ให้เด็กๆ ก็โดนเขาชิงให้เธอก่อนเหมือนกัน

เด็กชายที่เป็นญาติผู้น้องของลั่วจือเห้อมองเขา อยากพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่พูดออกมา

สวีซุ่ยหนิงเองก็ไม่สามารถจะกินทิ้งกินขว้างต่อคนอื่นได้ วันนี้เธอก็เลยกินจนท้องแทบแตก

ลั่วจือเห้อเอ่ย: "ในครัวมีน้ำผลไม้คั้นสดอยู่ ถ้าเธอกินข้าวไม่ไหวแล้วก็ไปดื่มอันนั้น ไปจัดการเองได้เลย ทำตัวตามสบายเหมือนอยู่บ้านเถอะ"

สวีซุ่ยหนิงหมดคำจะพูด ยังไงก็ทำตามใจตัวเองแบบนั้นไม่ได้หรอก: "ไม่เป็นไร ฉันไม่ดื่มก็แล้วกัน"

"เธอรอแป๊บหนึ่ง เดี๋ยวฉันไปรินมาให้" เขาลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปในครัว

สีหน้าของแม่ลั่วดูซับซ้อน หลังจากที่ลูกชายของจนเองกลับออกมาจากในครัว ความสนใจทั้งหมดก็ถูกส่งไปให้คุณสวี แม้แต่กับเธอ ยังคุยด้วยแค่ไม่กี่คำ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน