แม่ลั่วตอบ: "แน่อยู่แล้วค่ะ"
เซี่ยซีคิดว่าในจุดนี้ ลั่วจือเห้อทำได้ดีกว่าเฉินลู่มาก เขาเข้าหาอีกฝ่ายอย่างจริงใจเปิดเผย ดีกว่าลูกชายตัวเองที่ต้องรอจนสถานการณ์บีบบังคับถึงจะยอมพูดคำว่า "แต่งงาน"
เธอถึงกับคิดว่าสวีซุ่ยหนิงอาจจะใจอ่อน
แต่เซี่ยซีกลับไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเฉินลู่ ในเมื่อเรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว เขากับสวีซุ่ยหนิงติดต่อกันยิ่งน้อยยิ่งดี ใช้เวลาสักครึ่งปี ก็คงจะกลายเป็นอดีตของกันและกัน
ในช่วงนี้เฉินลู่มักจะกลับมาที่บ้านตระกูลเฉิน ระหว่างมื้อเย็นวันนี้ เขาก็บังเอิญนึกเรื่องย้ายบ้านขึ้นมาได้
เซี่ยซีกลับมองเขาด้วยแววตาซับซ้อน "บ้านหลังนั้นก็เป็นแกที่เป็นคนเลือก คนออกแบบ ตอนนี้บอกจะย้ายก็ย้าย? อย่าย้ายบ้านเพราะบ้านหลังนั้นทำให้แกนึกถึงอดีตที่ไม่อยากนึกถึง"
ตอนที่ทั้งสองคนยังรักและใกล้ชิดกันส่วนใหญ่มักจะอยู่ในบ้านหลังนั้น ความหวานในวันวาน กลายเป็นความทรมานในวันนี้
แต่ว่าในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว เซี่ยซีไม่อยากจะเชื่อ ว่าเขาปล่อยไปได้แล้วจริงๆ
"ก็แค่อยากหาบ้านที่อยู่ใกล้โรงพยาบาลเท่านั้นเอง ไปทำงานอยู่ไกลวุ่นวาย" เฉินลู่กำลังจะย้ายไปประจำที่โรงพยาบาลอื่น
คำอธิบายนี้ ถือว่ามีน้ำหนักพอสมควร
เซี่ยซีลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เล่าเรื่องที่คุยกับคุณนายลั่วให้เฉินลู่ฟัง: "ที่จริงฉันไม่อยากจะบอกแกเท่าไหร่ เพราะคิดว่าไม่มีความจำเป็น แต่ว่าคิดว่ายังไงก็ควรจะบอกให้แกได้รู้ วันนั้นฉันได้คุยกับน้าลั่ว น้าลั่วบอกว่า อาเห้อบอกกับที่บ้านว่าตั้งใจจะแต่งงานกับหนิงหนิง ไม่รู้เหมือนกันว่าใช้วิธีไหน น้าลั่วของแกถึงดูไม่ได้รังเกียจหนิงหนิงด้วย"
เฉินลู่เงียบ เขาไม่พูดอะไร
เซี่ยซีจ้องเขา: "คนเราต้องเดินไปข้างหน้า"
"อืม" เฉินลู่เอ่ยรับ ผ่านไปครู่หนึ่งจึงจะเอ่ยอย่างเสียงนิ่ง "ผมอิ่มแล้ว ขอตัวขึ้นไปด้านบนก่อน"
เซี่ยซีขมวดคิ้วแล้วเอ่ยว่า: "แกกินเข้าไปแค่ไม่กี่คำเอง"
เฉินลู่ตอบนิ่งๆ: "ไม่ค่อยอยากอาหาร"
เซี่ยซีมีอะไรที่อยากพูดมากมาย แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้พูดออกมา วันถัดไป เธอยังคงหลับอยู่ แต่อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงของล้มกระแทกพื้นดังอึกทึก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน
แรกๆ สงสารนอ อ่านไปอ่านมาสงสารพอ...
เฉินลู่ไอ้คนเลว ส่วนสวีซุ่ยหนิงก็ใจอ่อนน่าสงสารเสียจริง...
ซุยหนิงย้ายที่อยู่เถอะ สงสารนาง เจอแต่ผู้ชายเลวๆ...
สวีซุยหนิงทำไมชอบเป็นของเล่นของเฉินลู่ล่ะ...
ช่วยอัพต่อด้วยค่ะ...