เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน นิยาย บท 254

ความกระตือรือร้นของลั่วจือเห้อทำให้แม่สวีรู้สึกผ่อนคลายลง เธอยิ้มและเอ่ย "เรื่องพวกนั้นให้พ่อของหนิงหนิงเขาทำเถอะ"

"ครับ"

ในขณะที่สวีซุ่ยหนิงพูดคุยกับแม่ของเธอ เขาเองก็ไม่ได้เอ่ยแทรกและไม่ได้แสดงท่าทีร้อนรน เขาเพียงนั่งเงียบๆอยู่อย่างนั้น หลังจากนั่งพักอยู่ครู่ใหญ่ เขาคงจะรู้สึกเบื่อ เขาลุกขึ้นและเริ่มปอกแอปเปิ้ล ท้ายที่สุดเขาก็ส่งแอปเปิ้ลให้กับสวีซุ่ยหนิง

แม่สวีอดไม่ได้ที่จะจ้องมองลั่วจือเห้อให้มากขึ้น เมื่อเธอมองแล้วก็รู้สึกคุ้นตา

ลั่วจือเห้อปล่อยให้เธอมองสำรวจ เธอมองอยู่นานก็นึกไม่ออก ท้ายที่สุดเขาก็เอ่ยปาก "ครั้งก่อนผมก็มาที่นี่ครับ หนิงหนิงพาผมไปทานอาหารด้วย"

พ่อสวีที่นั่งอยู่ด้านข้างเอ่ยเสริม "ครั้งล่าสุดคนนั้นไง ที่เขามากินข้าวที่บ้านเราแล้วคุณเอ่ยปากชมคนนั้นน่ะ จำได้หรือเปล่า?"

จากนั้นแม่สวีก็ตอบสนอง

จะบอกว่าชอบก็คงชอบ แต่ท่าทีของเฉินลู่ทำให้เธอฟุ้งซ่านอยู่ไม่มากก็น้อย เธอนึกถึงเรื่องที่เขาและสวีซุ่ยหนิงเลิกรากัน เธอเองรับเฉินลู่มาเป็นลูกเขยด้วยใจจริง แต่ผลลัพธ์ที่ได้ เธอไม่สามารถแสร้งได้ว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น แม่สวีได้รับผลกระทบทางจิตใจจากเฉินลู่ ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ให้ความสนใจกับลั่วจือเห้อมากนัก ชุดสบายๆในวันนั้นแตกต่างจากชุดทางการในวันนี้เป็นอย่างมาก ในระยะนี้เธอเองก็ไม่ได้นึกถึงเรื่องนี้เลย

อย่างไรก็ตามเธอเคยพบเขาเพียงแค่ครั้งเดียว ส่วนใหญ่จะเป็นพ่อสวีที่พูดคุยกับเขา เธอเองก็ยุ่งวุ่นวายอยู่ภายในครัว แม้ว่าจะจำไม่ได้และไม่รู้จักก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

เดิมทีแม่สวียับยั้งชั่งใจ แต่หลังจากที่จำลั่วจือเห้อได้เธอเองก็ผ่อนคลายลง ครั้งก่อนเขาเองก็สุภาพมาก เห็นได้ชัดว่าแตกต่างจากเฉินลู่

แม่สวีนั้นเป็นคุณครู เมื่อเธอป่วย นักเรียนหลายคนก็มาเยี่ยมเธอ

ลั่วจือเห้อคอยช่วยเหลือสวีซุ่ยหนิง คอยช่วยเธอต้อนรับผู้คน

นักเรียนของแม่สวีนั้นเยอะมาก ต่างก็รู้จักกับสวีซุ่ยหนิง เห็นว่ามีหลายคนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ

ในครั้งนี้สวีซุ่ยหนิงได้พบเจอกับเพื่อนเก่าที่ทำให้เธอต้องนับเวลาถอยหลัง เมื่ออีกฝ่ายเห็นเธอ เขาก็ลูบศีรษะอย่างอึดอัดและเอ่ย "สวีซุ่ยหนิง ฉันก็แค่อยากมาเจอคุณครู"

"อ่อ" เธอมองเขาด้วยสายตาซับซ้อน

ชายคนนั้นชำเลืองมองเธอและกำลังจากไป

ใบหน้าของสวีซุ่ยหนิงซีดเผือด เธออ้าปากและพบว่าริมฝีปากของเธอแห้งเกรอะ ชายคนนั้นยืนนิ่งและมองมาที่เธอราวกับว่ากำลังรอให้เธอเอ่ยปาก

"คนคนนั้น เขายังสบายดีไหม?" สวีซุ่ยหนิงเอ่ยถามด้วยความยากลำบาก

"ขอโทษด้วย ฉันไม่รู้ ในตอนนั้นฉันไม่ได้เข้าไปหาเธอ เป็นเพราะฉันกลัวมาก" ชายคนนั้นเอ่ยขอโทษ "สวีซุ่ยหนิง เพราะฉันกลัวมากจนเกินไป ในตอนนั้นที่ฉันไม่ได้เข้าไปช่วยเธอ เธออย่ากล่าวโทษฉันเลย ฉันเองก็รู้สึกผิด หลายปีที่ผ่านมานี้ฉันไม่กล้าติดต่อไปหาเธอเลย แต่คุณครูคือผู้มีพระคุณของฉัน ฉันจึงมาที่นี่ ไม่อย่างนั้นตลอดทั้งชีวิตของฉันก็คงไม่มีหน้ามาพบเธอ"

สวีซุ่ยหนิงรู้สึกเพียงว่าสมองของเธอนั้นว่างเปล่า สิ่งที่เปล่งประกายคือความมืดมิดในคืนนั้น รอยยิ้มอันน่าสยดสยองของลุงวัยกลางคนและเสียงกระโปรงที่ฉีกขาด

รวมถึงร่างกายที่เปลือยเปล่าของคนคนนั้นและบีบบังคับให้เธออ้าปาก

กลายเป็นเงาที่เธอหลีกหนีไม่พ้น

.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน