เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน นิยาย บท 26

เมื่อเซี่ยซีมาหาเฉินลู่ โจวอี้ก็อยู่ที่นั่นด้วย เท้าของเธอกำลังวางพาดลูกชายของเธอราวกับว่าเป็นราชินี

เมื่อได้เห็น หัวใจของเซี่ยซีราวกับมีเปลวเพลิงปะทุ

กระทั่งโจวอี้หันศีรษะมาและเห็นเธอ เธอสำรวมเล็กน้อย คิดจะลุกขึ้นมาทักทาย เซี่ยซีกลับเอ่ยอย่างเย็นชา "ฉันมาหาเฉินลู่"

เฉินลู่หันกลับมาและมองเธออย่างไม่ใส่ใจ เขาลุกขึ้น ทั้งสองเดินออกมาด้านนอก เขาเป็นฝ่ายเอ่ยปากก่อน "มีอะไรครับ?"

เซี่ยซีเอ่ย "แกรังแกสวีซุ่ยหนิง แล้วแกไม่รับผิดชอบงั้นเหรอ?"

เขาชะงักงัน จากนั้นภายในเวลาอันรวดเร็วเขาก็สามารถคาดเดาได้ว่าทำไมเธอถึงได้รู้เรื่องนี้ ไม่มีอะไรมากไปกว่าคำพูดที่หลุดออกจากปากแม่เจียง

เฉินลู่เอ่ยอย่างสงบ "ก็แค่สนองความต้องการของทั้งสองฝ่ายก็เท่านั้น"

เซี่ยซีเอ่ย "ความต้องการทั้งสองฝ่ายหรือไม่ แน่นอนว่าแกพูดนับว่าใช่ เธอจะกล้าขัดแกงั้นเหรอ? หากว่าเป็นความต้องการทั้งสองฝ่ายจริงๆ ทันทีที่เธอเห็นแก เธอจะหลบหน้าหนีแบบนั้นเหรอ? ฉันจะไปหาเธอและถามเธอให้แน่ชัด หากเธอต้องการให้แกรับผิกชอบ แกจะต้องแต่งงานกับเธอ"

นัยต์ตาของเขาเย็นเยียบ

เข้าใจแล้วว่าเธอไม่อยากให้โจวอี้เข้ามายุ่งเกี่ยว

"สวีซุ่ยหนิงไม่มีทางยินยอม" เฉินลู่ไม่อยากให้เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นในช่วงที่ใกล้จะถึงวันแต่งงาน เขาเอ่ย "หากคุณไม่เชื่อ ผมจะไปถามเป็นเพื่อนคุณด้วย"

เมื่อสวีซุ่ยหนิงพบเฉินลู่อีกครั้งในขณะที่เธออยู่บ้านตระกูลจาง เธอรู้สึกเสียใจมากที่เธอย้ายมาอยู่บ้านตระกูลจาง

แต่ทว่าในตอนนี้เธอจำเป็นจะต้องเดินไปด้านข้างเซี่ยซีและเอ่ย "คุณป้า สวัสดีค่ะ"

เซี่ยซียิ้มและมองเธอ "หนิงหนิง เรื่องระหว่างเธอและเฉินลู่ ฉันได้ฟังมาแล้ว ได้ยินว่าเธอคบกับเจียงเจ๋อมาหนึ่งปี ไม่มีเรื่องเลยเถิดอะไรเกิดขึ้นเลย เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นเด็กที่ได้รับการสั่งสอนมาอย่างดี หากเธอต้องการ เราตระกูลเฉินยินดีจะรับผิดชอบ"

สวีซุ่ยหนิงมองเฉินลู่ ราวกับว่าเขากำลังนั่งดื่มชาอย่างไรอย่างนั้น ทว่าสายตาของเขาจ้องมองเธอคล้ายจะไม่ตั้งใจ ความหมายของคำเตือนนั้นไม่ควรจะชัดเจนจนเกินไป

"ครอบครัวฉันไม่ได้สั่งสอนมาดีหรอกค่ะ" สวีซุ่ยหนิงเอ่ยคำพูดให้ความร่วมมือ "ฉันไม่คิดอยากจะแต่งงานกับเฉินลู่ เขาและโจวอี้ดูเหมาะสมกันดีแล้วค่ะ คุณป้าทำให้พวกเขาสมปรารถนาเถอะค่ะ"

เซี่ยซีขมวดคิ้วแน่น "เธอไม่ยินยอมจริงๆหรือ?"

สวีซุ่ยหนิงส่ายหน้า "ไม่ยินยอมค่ะ"

เฉินลู่ยังเอ่ยเพิ่มเติมอีกว่า "เธอมีคนในใจอยู่แล้ว"

สวีซุ่ยหนิงชำเลืองมองเฉินลู่ จากนั้นเธอพยักหน้าให้กับเซี่ยซี

เซี่ยซีค่อนข้างผิดหวัง ยิ่งใกล้วันแต่งงานของเฉินลู่และโจวอี้ เธอยิ่งร้อนใจ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถหาใครสักคนมาทำลายงานแต่งงานนี้ ทว่าเธอก็ไม่อาจบังคับฝืนใจผู้หญิงคนอื่นได้

ท้ายที่สุดเมื่อเธอจากไป สีหน้าเธอดูไม่สู้ดีนัก ในทางตรงกันข้ามสีหน้าของเฉินลู่กลับดูสบายใจไร้กังวล

ไม่กี่วันต่อมา สวีซุ่ยหนิงพักอยู่ภายในบ้านตระกูลจางอย่างสงบ จางอวี้มีนิสัยรักความสนุก เธอมักออกไปเที่ยวเล่นนอกบ้านอยู่บ่อยครั้งและจะพาเธอไปด้วยเสมอ ดังนั้นสวีซุ่ยหนิงจึงได้พบกับลั่วจือเห้ออีกครั้ง

ภายในร้านสนุกเกอร์แห่งหนึ่ง เพียงพริบตาลั่วจือเห้อก็สังเกตเห็นเธอ เขาตกตะลึงครู่หนึ่งจากนั้นใบหน้าก็ประดับด้วยรอยยิ้ม "แม่สาวหน้าอกใหญ่"

สวีซุ่ยหนิงมองผู้คนรอบตัวเธอ เธอรู้สึกได้ว่าสายตาของพวกเขากำลังจับจ้องไปยังสถานที่แห่งหนึ่งเพียงเพราะคำพูดของเขา เธอหน้าแดงระเรื่อและเอ่ยขอร้อง "ลั่วจือเห้อ นายหยุดเรียกฉันแบบนั้นเถอะ"

"ไม่ดีเหรอ?" เขาเอ่ยถามด้วยท่าทีสบายใจ

"ถ้าอย่างนั้นฉันเรียกนายว่าเด็กหนุ่มนกอินทรี นายจะยินดีไหม?"

ลั่วจือเห้อยิ้มและเอ่ย "ฉันยินดีเป็นอย่างยิ่ง"

สวีซุ่ยหนิงกลับอับอายเล็กน้อย จากนั้นตะโกนเรียกชื่อเขาอีกครั้ง "ลั่วจือเห้อ"

ทันทีที่เสียงเบาลง เธอยืดอกราวกับว่างอนอย่างไรอย่างนั้น

ลั่วจือเห้อเลิกคิ้วขึ้นและละสายตาในทันใด "แกล้งเธอเล่นหรอก อย่าใส่ใจเลย เธอไม่อยากให้ฉันเรียก ฉันก็จะไม่เรียกแล้ว"

สวีซุ่ยหนิงเล่นสนุกเกอร์ไม่เป็น ในไม่ช้าเธอก็หาที่นั่งไม่ไกลนัก มองโต๊ะสนุกเกอร์ของจางอวี้

ลั่วจือเห้อกำลังเล็งลูกสนุกเกอร์ ชายหนุ่มด้านข้างสะกิดเขาและเอ่ย "พี่เห้อ สาวสวยคนนั้นชอบพี่แน่เลย"

ลั่วจือเห้อเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ "เธอคนนั้นเป็นแฟนเก่าของเจียงเจ๋อ"

คนด้านข้างนั้นหยุดพูดทันใด ลั่วจือเห้อเป็นคนที่ชัดเจน สามารถเรียกได้ว่าเป็นคนประหลาด ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่กินหญ้าข้างรัง[1] เขาจะไม่แตะต้องเลย แม้หญิงสาวจะงดงามเพียงใด แต่ก็ไร้วาสนากับเขา

หลังจากนั้นไม่กี่นาที คนคนนั้นพูดขึ้นอีกว่า "พี่เห้อ งานแต่งของเฉินลู่ พี่เตรียมของขวัญไปเท่าไร?"

ลั่วจือเห้อเอ่ย "โจวอี้เคยจีบฉัน เฉินลู่ระมัดระวังแค่ไหน ไม่ใช่ว่านายไม่รู้ แม้แต่การ์ดเชิญก็ไม่ถึงมือฉัน"

หนึ่งเกมจบลงอย่างรวดเร็ว เขาเดินไปยังจุดพักผ่อนที่สวีซุ่ยหนิงนั่งอยู่และดื่มน้ำอึกใหญ่

สวีซุ่ยหนิงเห็นลูกกระเดือกที่เคลื่อนที่ไปมาของเขา หัวใจของเธอเต้นถี่ระรัวเป็นเวลาสองสามวินาที จากนั้นเธอรีบละสายตา

ร่างกายของลั่วจือเห้อเต็มไปด้วยออร่า ผู้ชายประเภทนี้สามารถดึงดูดเธอได้อย่างง่ายดาย ทว่าเธอทำได้เพียงแค่คิดภายในใจ ไม่กล้าคาดหวังถึงการพัฒนาใดๆทั้งสิ้น

"เธออยู่กับจางอวี้ ในมือของเธอมีผู้ชายดีๆมากมาย หากต้องการหาใครสักคน สามารถให้เธอช่วยแนะนำได้" ลั่วจือเห้อเอ่ย

หัวใจของสวีซุ่ยหนิงจมดิ่ง เธอรู้ว่าเขากำลังเอ่ยเตือนความคิดของเธออีกครั้ง แม้ว่าเธอจะชื่นชมเขา แต่เธอก็ไม่เคยคิดจะคบหากับเขา

สวีซุ่ยหนิงรู้สึกเศร้าเล็กน้อย ทว่าสีหน้าของเธอยังคงสงบนิ่ง เธอยิ้มและเอ่ย "ฉันยังไม่คิดวางแผนจะมีความรักหรอกนะ เฮ้ จางอวี้ พวกเธอเล่นกันไปเลย ฉันขอตัวก่อน"

ลั่วจือเห้อขมวดคิ้วแน่น เอื้อมมือคว้ามือของเธอไว้ สวีซุ่ยหนิงกลับเบี่ยงตัวหลบเล็กน้อยพร้อมกับเอ่ย "ลั่วจือเห้อ หากว่าฉันคิดจะยั่วยวนนาย ขอให้ฟ้าผ่าตาย"

เขาชะงักไปชั่วขณะ

เธอยิ้มอย่างสุภาพ "งั้นฉันขอตัวก่อนนะ"

ลั่วจือเห้อนั่งอยู่เช่นนั้นพักใหญ่ จากนั้นเขาลุกขึ้นและเดินออกไป

เฉินลู่คาดไม่ถึงว่าหน้าประตูร้านสนุกเกอร์จะได้พบกับสวีซุ่ยหนิงที่กำลังนั่งยองอยู่บนพื้น มือทั้งสองของเธอกำลังกุมศีรษะและทอดถอนหายใจ

ท่าทีดูกลัดกลุ้มเป็นอย่างมาก

เฉินลู่เพิ่งผ่าตัดเสร็จและเพิ่งเลิกงาน เมื่อผ่านมาทางนี้ เผอิญพบกับเธอเข้าก็เลยจอดแวะเสียหน่อย เมื่อนึกถึงตอนที่เธอช่วยเขาในเรื่องของเซี่ยซี ไปส่งเธอสักหน่อยก็ได้

ทว่าเขายังไม่ทันจะลงจากรถ เขาเห็นลั่วจือเห้อเดินออกมาและนั่งยองๆลงข้างกายเธอ จากนั้นยกมือขึ้นและลูบศีรษะของเธอพลางเอ่ย "ขอโทษนะ"

เมื่อเฉินลู่ได้ฟังเสียงของลั่วจือเห้อ เขาสัมผัสได้ถึงน้ำเสียงที่ทุกข์ใจ

หญ้าข้างรัง[1] หมายถึง หาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน