เมื่อเฉินลู่ได้ยินเสียงของสวีซุ่ยหนิง เขาก็หยุดชะงัก ก่อนจะค่อยๆเอาโทรศัพท์ออกจากหูและเงยหน้าขึ้นมองไปยังทิศทางของประตู
ผู้คนในห้องแต่งงานกันหมดแล้ว เฉินลู่เป็นคนเดียวที่ยังโสด คนโดยรอบจึงเปลี่ยนเรื่องคุยเป็นเรื่องของเขา “หมอเฉิน นั่นแฟนคุณเหรอ?”
เฉินลู่อ้าปากแต่รีบเม้มปากอีกครั้งโดยไม่พูดอะไร
คนด้านนอกรู้สึกว่าฉนวนกันเสียงนั้นดีเกินไป จึงผลักประตูเปิดออกเล็กน้อยและพูดซ้ำสิ่งที่เธอพูดเมื่อกี้นี้ "ฉันมาที่นี่เพื่อตามหาแฟน ฉันขอเข้าไปได้ไหมคะ?"
แน่นอนว่าสวีซุ่ยหนิงไม่ได้เคาะประตูอย่างไร้มารยาท ลั่วจือเห้อบอกกับเธอว่าดินเนอร์วันนี้มีแต่คนในวงการบันเทิงเป็นส่วนใหญ่ เธอสามารถมาได้ แต่เธอก็ยังถามอย่างสุภาพทั้งๆที่ได้รับอนุญาตมาก่อนแล้ว
คนข้างในถามขึ้นว่าเธอกำลังมองหาใคร
สวีซุ่ยหนิงกล่าวอย่างเขินอายเล็กน้อย “แฟนค่ะ”
เธอแอบหลบสายตาเล็กน้อย โดยไม่ได้เปิดประตูเลยสักนิด
เฉินลู่รู้สึกว่ามีความเป็นไปได้สูงที่เธอไม่ได้มองหาเขา
แต่เขายังคงยืนขึ้นและเดินไปที่ประตู ขณะที่เขาสัมผัสที่จับประตูและกำลังจะดึงประตูเปิดออก สวีซุ่ยหนิงก็ถูกดึงออกโดยใครบางคน ตามด้วยเสียงของผู้ชาย “เธอเข้าไปในห้องวีไอพีคนอื่นทำไมน่ะ?"
“พนักงานเสิร์ฟบอกหมายเลขห้องนี้กับฉันนี่นา” สวีซุ่ยหนิงมองดูลั่วจือเห้อและรู้สึกเขินอายอยู่ครู่หนึ่ง เธอยืนเรียกหาแฟนอยู่นาน ถึงว่าไม่มีใคสนใจเธอเลย ที่แท้เธอก็เข้าห้องผิดนี่เอง
ลั่วจือเห้อหยุดชั่วคราว ก่อนเหลือบมองห้องวีไอพีถัดไป หันกลับมามองสวีซุ่ยหนิงแล้วพูดว่า “ถ้าฉันไม่จับเธอไว้ คิดดูว่าเธอจะอับอาบแค่ไหน เมื่อกี้เรียกว่าแฟนเหรอ? ถ้าคนด้านในเอาจริงขึ้นมา เธอจะรอดหรือเปล่า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน
แรกๆ สงสารนอ อ่านไปอ่านมาสงสารพอ...
เฉินลู่ไอ้คนเลว ส่วนสวีซุ่ยหนิงก็ใจอ่อนน่าสงสารเสียจริง...
ซุยหนิงย้ายที่อยู่เถอะ สงสารนาง เจอแต่ผู้ชายเลวๆ...
สวีซุยหนิงทำไมชอบเป็นของเล่นของเฉินลู่ล่ะ...
ช่วยอัพต่อด้วยค่ะ...