เฉินลู่จ้องมองไปยังด้านหน้า เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ "ก่อนอื่นไม่ต้องพูดว่าลั่วจือเห้อนั้นสนิทชิดเชื้อกับเธอถึงขั้นนั้นหรือไม่ การกระทำจากจิตใต้สำนึกของเธอนั้นล้วนแต่เป็นการกระทำที่เธออยู่กับฉัน เห็นได้ชัดว่าเธอรู้อยู่แก่ใจว่าฉันคือใคร"
"อีกอย่าง สันจมูกของลั่วจือเห้อไม่ได้คมชัดเท่าของฉัน ฉันลูบไล้ปลายจมูกกับเธออยู่หลายครั้ง ฉันไม่เชื่อว่าเธอจะไม่สามารถแยกแยะได้" เขาหยุดนิ่งไปเพียงไม่กี่วินาทีและกล่าวเสริมว่า "หากว่าเธอจำฉันไม่ได้จริงๆ ฉันก็คงไม่ทำต่อหรอก"
สวีซุ่ยหนิงรู้สึกว่าเฉินลู่ก็เป็นเช่นนี้ ต้องการบีบเค้นเธอให้ตาย
ไม่ว่าจะด้วยเหตุใด ทุกเหตุผลล้วนแต่ถูกเขาเปิดโปง
"ซุ่ยซุ่ย เธอต้องการใช้วิธีการตีมึนจำคนผิดเพื่อแกล้งทำเป็นไร้เดียงสากับฉันงั้นเหรอ? แค่ใช้ฉันเป็นเครื่องมือในการตอบสนองความต้องการทางร่างกายของเธองั้นสิ?" ท้ายที่สุดเฉินลู่ก็หันกลับมาจ้องมองเธอและเอ่ยอย่างจริงจัง "แต่หากเธอต้องการแบบนี้ ฉันเองก็เอาตามนั้น"
อันที่จริงหากเขาไม่พูดคำพูดเหล่านี้ สวีซุ่ยหนิงเองก็ไม่คิดจะพูดอะไร ยิ่งเขาวางสถานะของเขาต่ำเท่าไร กลับทำให้เธอรู้สึกแย่มากเท่านั้น
เธอไม่เอ่ยคำพูดใดสักคำกระทั่งวินาทีสุดท้ายที่ลงจากรถ
ขณะที่ลงจากรถ ราวกับว่าเธอนั้นกำลังวิ่งอย่างสุดชีวิต
เฉินลู่มองดูการเคลื่อนไหวที่กระสับกระส่ายและค่อนข้างไม่พร้อมเพรียงกันของเธอและเอ่ย "หากว่าเจ็บก็ไปหาฉันที่โรงพยาบาล หากเธอหายากินเองก็คงไม่ดีขึ้นหรอก"
สวีซุ่ยหนิงนั้นวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
........
ตลอดทั้งวันสวีซุ่ยหนิงดูเหม่อลอยเล็กน้อย
เมื่อลั่วจือเห้อมาหาเธอ เธอไม่ได้เป็นฝ่ายริเริ่ม ในสถานการณ์ตอนนี้ เธอไม่อาจหน้าด้านหน้าทนคบหากับลั่วจือเห้อได้
แต่ครานี้ลั่วจือเห้อนั้นมีท่าทีแน่วแน่และนัดเธอออกมา
เมื่อสวีซุ่ยหนิงเห็นเข้า ภายในจิตใจของเธอก็ยังรู้สึกไม่สบายใจ
"หนิงหนิง แม่ของฉันถามว่าในช่วงนี้สถานะของเราเป็นอย่างไรบ้าง" ลั่วจือเห้อเอ่ยถาม "เธอคิดว่าความสัมพันธ์ของเรานั้นต้องไปต่ออีกขั้นไหม?"
เมื่อเขาพูดเช่นนี้ สวีซุ่ยหนิงก็ยิ่งรู้สึกตำหนิตัวเองมากขึ้น เธอพูดด้วยความยากลำบาก "ฉันเกรงว่าฉันไม่อาจจะคบกับนายได้แล้ว เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยนะ"
"อุบัติเหตุอะไร?"
"มันเป็นอุบัติเหตุที่ฉันไม่สามารถคบหากับนายได้" สวีซุ่ยหนิงกล่าว "ต่อให้นายจะเห็นด้วย แต่แม่ของนายก็คงจะไม่เห็นด้วยหรอก เพื่อฉันแล้วนายไม่จำเป็นจะต้องโกรธเคืองครอบครัวของนายเลย แล้วก็เรื่องของบริษัท นายช่วยเพิกเฉยต่อฉันได้ไหม ฉันเองก็เกรงใจมากที่ไปรบกวนนาย"
เห็นได้ชัดว่าลั่วจือเห้อนั้นปิดปากเงียบ
เมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่ง เขาเอ่ยปากถาม "เธอคิดดีแล้วเหรอ?"
สวีซุ่ยหนิงพยักหน้า
เธอมองดูเขาอย่างจริงจังเป็นเวลานาน ไม่เห็นความเศร้าในดวงตาของเขาและอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอก
และสำหรับตัวเธอเอง เดิมทีสวีซุ่ยหนิงคิดว่าตัวเธอนั้นมีความรู้สึกที่ดีต่อลั่วจือเห้อมากขึ้น เพียงแต่หลังจากที่เอ่ยคำพูดออกไปอย่างชัดเจนแล้วเธอคาดไม่ถึงว่าตัวเธอเองจะรู้สึกโล่งใจ
"เรื่องบริษัทนั้นไม่เป็นอะไรหรอก การที่ลงทุนกับเธอไม่ใช่ว่าฉันเองจะไม่ได้เงิน ทั้งได้เงินทั้งช่วยเหลือนั่นก็เป็นผลประโยชน์ทั้งนั้น" ลั่วจือเห้อเอ่ยติดตลก "ดูเหมือนว่าฉันจะถามช้าไปแล้ว"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน
แรกๆ สงสารนอ อ่านไปอ่านมาสงสารพอ...
เฉินลู่ไอ้คนเลว ส่วนสวีซุ่ยหนิงก็ใจอ่อนน่าสงสารเสียจริง...
ซุยหนิงย้ายที่อยู่เถอะ สงสารนาง เจอแต่ผู้ชายเลวๆ...
สวีซุยหนิงทำไมชอบเป็นของเล่นของเฉินลู่ล่ะ...
ช่วยอัพต่อด้วยค่ะ...