บทที่ 289 – ตอนที่ต้องอ่านของ เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน
ตอนนี้ของ เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน โดย จิ่นอวิ๋น ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายการโต้แย้งทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 289 จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
"เขตชุมชนของเธอนี่มีมนุษย์ป้าไหม หล่อนเคยเอ่ยถึงเรื่องคนคุ้ยถังขยะบ้างหรือเปล่า?" จางอวี้รู้สึกสงสัยมากจริงๆ พูดตามหลักเหตุและผลแล้วเรื่องแบบนี้ไม่ควรมีใครเห็น
สวีซุ่ยหนิงส่ายหน้า
เธอใช้เวลาอยู่ที่บ้านนั้นไม่นานนัก และแม่สวีไม่ค่อยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องซุบซิบของเพื่อนบ้าน ต่อให้มีก็ไม่มีใครรู้
จางอวี้หยิบของขวัญออกมาแล้วเขย่า มันเบามาก ไม่มีเสียงอะไรเลย เธอคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูด "เธอคิดว่าด้านในนี้คืออะไร?"
สวีซุ่ยหนิงส่ายหน้าอีกครั้ง
เธอดูเหมือนจะไม่ค่อยอยากรู้เท่าไร ไม่พูดอะไรสักคำ ท่าทีเหมือนกับว่ามีเรื่องบางอย่างภายในใจ
จางอวี้เหลือบมองเธอแล้วกล่าว "ไม่แกะดูหน่อยเหรอ?"
สวีซุ่ยหนิงยังไม่ทันเอ่ยห้ามปราม เธอก็เห็นว่าจางอวี้ได้ลงมือแกะกล่องของขวัญแล้ว ด้านในเป็นเพียงบัตรธนาคารธรรมดา
"ฉันคิดว่าเป็นสิ่งของอะไรที่น่าอัศจรรย์ใจ ที่แท้ก็แค่บัตรธนาคารเพียงใบเดียว" จางอวี้เอ่ยอย่างผิดหวัง
นี่มันไม่โรแมนติกเอาเสียเลย
สวีซุ่ยหนิงมองไปที่บัตรธนาคารและเหม่อลอย
ในเวลานั้นทั้งสองยังคงอยู่ในร้านอาหาร จางอวี้เห็นว่าของขวัญนั้นไร้ซึ่งความน่าสนใจ เธอจึงสั่งอาหารมากิน ระหว่างที่ทั้งสองกินได้ไปครึ่งทาง ฝนก็ตกลงมา
จางอวี้ขมวดคิ้วและเอ่ย "ทำไมช่วงนี้ฝนตกตลอด เดินทางไปไหนมาไหนไม่สะดวกเลย"
ทันทีที่เธอพูดจบ เธอได้รับโทรศัพท์สายหนึ่ง ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดอะไร เธอเงยหน้ามองสวีซุ่ยหนิงและเอ่ย "ได้"
หลังจากนั้นไม่นานนัก สวีซุ่ยหนิงได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นข้างกายของเธอ เธอหันศีรษะกลับไปมองจากนั้นเธอก็เห็นเฉินลู่ เขาเข้ามานั่งข้างกายเธออย่างเป็นธรรมชาติ
สวีซุ่ยหนิงขยับเข้าไปนั่งด้านใน
เฉินลู่จ้องมองเธอโดยไม่ส่งเสียงใด
"นายมาพอดีเลย อีกเดี๋ยวนายไปส่งพวกเรากลับหน่อย" จางอวี้เอ่ย
"อืม" เฉินลู่หยิบเมนู สั่งอาหารเพิ่มอีกสองอย่าง จากนั้นหันศีรษะมองสวีซุ่ยหนิง เหมือนว่าเขากำลังครุ่นคิด
สวีซุ่ยหนิงรู้สึกว่าสิ่งนี้นั้นน่าอึดอัดจนเกินไป เธอหยิบแก้วน้ำที่อยู่ด้านหน้าขึ้นมาดื่มเพื่อบรรเทาความรู้สึกอึดอัดนี้
"ยังเจ็บอยู่ไหม?" ฉับพลันเขาก็เอ่ยถาม
สวีซุ่ยหนิงชะงักไปชั่วขณะ เธอหันไปมองหน้าเฉินลู่อย่างไม่อยากจะเชื่อ คำพูดเหล่านี้ยังจะพูดต่อหน้าผู้คนจำนวนมากงั้นหรือ?
เฉินลู่มองดูเธอและเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ "เจ็บสินะ?"
สวีซุ่ยหนิง ".........."
เธอเหยียดเท้าที่อยูใต้โต๊ะด้วยท่าทีบูดบึ้งและเตะเท้าของเขาเพื่อเป็นการเตือน
สีหน้าของจางอวี้เปลี่ยนไปเล็กน้อย หล่อนกระแอมอยู่สองครั้งสองคราและเปลี่ยนหัวข้อบทสนทนา "เฉินลู่ ฉันก็คิดว่านายจะส่งของขวัญอะไรมา ทำไมมันเป็นเพียงแค่บัตรธนาคารธรรมดาได้ล่ะ ไม่น่าสนใจเลย แต่ก็ไม่จำเป็นต้องให้ของขวัญพิเศษแก่หนิงหนิง"
อย่างไรก็ตามเธอรู้สึกว่าหากผู้ชายให้บัตรธนาคารแก่เธอ เธอเองก็จะเบื่อหน่ายในทันที
ในตอนนั้นเฉินลู่โกรธเพราะเรื่องแหวน แต่เขาเองก็รู้ การที่เจียงเจ๋อได้รับการปฏิบัติแบบนั้น คงเป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้เขาเองก็คงจะดีกับสวีซุ่ยหนิงไม่น้อย สวีซุ่ยหนิงก็เลยจดจำความดีของเขาไว้ ดังนั้นตัวเขาเองก็ต้องทำอะไรบ้างเพื่อที่จะกระตุ้นความรู้สึกของเธอ
ใครจะรู้ว่าของขวัญนี้ไม่ได้ถูกส่งไป ความประทับใจของเธอที่มีต่อเขายิ่งแย่ลงไปอีก
อย่างไรก็ตาม ด้วยความโกรธ เขาขี้เกียจเกินกว่าจะอธิบายเรื่องนี้ แต่ไหนแต่ไรเฉินลู่ไม่เคยทะเลาะกับผู้หญิง ราวกับว่าไม่ว่าเรื่องอะไรอีกฝ่ายก็มักจะเป็นฝ่ายผิด เขาก็ขี้เกียจเกินกว่าจะไล่ตาม แต่สำหรับสวีซุ่ยหนิงเขาไม่สามารถควบคุมความโกรธของตัวเองได้เลย แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังรู้สึกว่าบางครั้งเขาก็จู้จี้จุกจิกเกินไป
เช่นเวลาที่สวีซุ่ยหนิงคิดว่าคนอื่นนั้นดี เขาหงุดหงิดเมื่อเธอคิดว่าเขาไม่มีอะไรเทียบกับคนอื่นได้ เห็นได้ชัดว่าคนนั้นก็ไม่ได้ดีอะไรกับเธอมากนัก อย่างน้อยก็ไม่ได้ให้อะไรกับเธอมากมาย แต่คนคนนั้นกลับได้รับความโปรดปรานจากเธอ
หลังจากการทะเลาะกัน เขาเองก็รู้สึกแย่ จากนั้นเขาก็เริ่มคิดที่จะเอ่ยขอโทษ เช่นนั้นในวันนั้นเขาเองก็นั่งอยู่ด้านล่างคนเดียวเป็นเวลานาน
ทำไมเขาถึงเก็บบัตรธนาคารนี้กลับมา เป็นเพียงว่าเขารู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย ไม่อยากให้ความพยายามนั้นเสียเปล่า
ในตอนนั้น เฉินลู่รู้สึกว่าตัวเองมีสถานะต่ำต้อย ต้องยอมลดสถานะตัวเองเพื่อผู้หญิงเพียงคนเดียวเลยหรือ แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่จดจำบทเรียน เพียงแค่เห็นจุดอ่อนก็พร้อมพุ่งชน
แน่นอนตอนนี้ก็ใช่
บางครั้งเฉินลู่ก็คิด รู้สึกตัวเองนั้นไร้ซึ่งอนาคตอันสดใสแล้ว สวีซุ่ยหนิงแข็งข้อ เขาก็ยอมอ่อนข้อ ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าเขาทำถูกต้องแล้ว ยอมเป็นฝ่ายเข้าหาเพื่อที่จะได้ในสิ่งที่เขาต้องการ ตอนนี้กลับมาคิดดูแล้วนี่คือเขาต้องเชื่อฟังเธอ
หากว่าในช่วงมหาลัย มีคนบอกเขาว่าเขาถูกสวีซุ่ยหนิงบีบบังคับจนยอมจำนนและยังประจบเธอ ในตอนนั้นเขาคงจะดูถูกและเหยียดหยาม
เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะมาถึงจุดนี้ จุดที่ต้องมาประจบผู้หญิงที่มากด้วยความมั่นใจในวัยเด็กและประจบสอพลอผู้หญิงของเขา
ผู้ชายคนไหนบ้างที่จะประจบประแจง
"ซุ่ยซุ่ย แต่ไหนแต่ไรฉันไม่เคยมั่วซั่วในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง เรื่องในวันนั้น เธอสามารถรับผิดชอบต่อฉันได้ไหม?" เฉินลู่หันไปมองเธอและเอ่ยถาม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน
แรกๆ สงสารนอ อ่านไปอ่านมาสงสารพอ...
เฉินลู่ไอ้คนเลว ส่วนสวีซุ่ยหนิงก็ใจอ่อนน่าสงสารเสียจริง...
ซุยหนิงย้ายที่อยู่เถอะ สงสารนาง เจอแต่ผู้ชายเลวๆ...
สวีซุยหนิงทำไมชอบเป็นของเล่นของเฉินลู่ล่ะ...
ช่วยอัพต่อด้วยค่ะ...