เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน นิยาย บท 3

ผู้หญิงของเจียงเจ๋อนั้นมีมากมาย มีเยอะจนนับไม่ถ้วนและมากกว่าหนึ่งคนอยู่แล้ว

แต่เขาจะพูดอย่างไรได้ เขาก็เป็นลูกพี่ลูกน้องของเฉินลู่ ต่อหน้าสวีซุ่ยหนิงเขาย่อมไม่พูดเรื่องไม่ดีของเจียงเจ๋ออยู่แล้ว

เฉินลู่พูดอย่างเหินห่าง "เรื่องส่วนตัวของเขา ฉันไม่รู้"

สวีซุ่ยหนิงเงียบไม่พูดจา เธอรู้ดีว่าคาดคั้นอะไรออกจากปากเขาไม่ได้หรอก แต่ทว่าเมื่อภายในใจมีการคาดเดาไว้แล้วก็มักจะฝังใจ หลังจากที่จางอวี้ส่งเธอกลับบ้าน เธอส่องดูแอพพลิเคชั่นโซเชียลทั้งหมดของเจียงเจ๋อ

ท้ายที่สุดเบาะแสเกี่ยวกับเจียงเจ๋อก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด เธอจึงเปิดดูเวยป๋อของเฉินลู่

เธอเห็นโพสต์ในเวยป๋อของเขาเพียงโพสต์เดียว เขาโพสต์ไว้เมื่อห้าปีก่อน มีเพียงสองพยางค์เท่านั้น

หญิงชั่ว

ไม่มีเครื่องหมายวรรคตอนและไม่รู้ว่าหมายถึงใคร

คำพูดสองพยางค์ที่เรียบง่าย ทำให้คนอื่นรู้สึกได้ถึงความไม่ยินดีรวมถึงความเจ็บปวดที่ต้องอดกลั้นเอาไว้

ตามที่คิดไว้เพื่อผู้หญิงคนนั้นแล้วเฉินลู่อาจจะต้องเผชิญเรื่องราวที่เลวร้ายมาก่อนอย่างแน่นอน

หลังจากที่ผ่านพ้นเรื่องราวแบบนั้นมาได้เขาจึงกลายเป็นคนเช่นนี้ คนไร้หัวใจ มีทักษะอย่างผู้เชี่ยวชาญ

สวีซุ่ยหนิงยังคงเหม่อลอยอยู่กับคำว่าหญิงชั่ว

อันที่จริงเธอกับเฉินลู่นั้นรู้จักกันมานานแล้ว

เมื่อห้าปีก่อน ในตอนที่เธอกำลังเข้ามหาวิทยาลัย เธออยู่โรงเรียนเดียวกับเฉินลู่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่หกได้จัดตั้งกลุ่มช่วยเหลือกันและกัน เป็นเขาที่พาเธอเข้ากลุ่ม แต่เขาอาจจะจำเธอไม่ได้แล้ว เฉินลู่ไม่แม้แต่จะถามชื่อเธอด้วยซ้ำ ทุกครั้งที่พบหน้ากันก็เพราะการฟังบรรยาย

พูดคุยเกี่ยวกับเนื้อหาไม่ถึงสิบนาทีก็ต่างคนต่างไป

สวีซุ่ยหนิงเคยแอบปลื้มเฉินลู่ ตอนที่เธอทำแบบฝึกหัดของชั้นมัธยมศึกษาปีที่หก เธอแสร้งถามเขา "เพื่อนร่วมชั้นเฉิน เพื่อนร่วมห้องของฉันชอบนายมาก เธอให้ฉันมาถามนายว่านายชอบผู้หญิงแบบไหน"

เฉินลู่นั้นรู้เห็นทุกอย่าง เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ "ยังไงก็ไม่ใช่แบบเธอ"

หลังจากนั้น เธอรู้สึกอายที่จะให้เขาสอนภาษาอังกฤษให้กับเธออีก เช่นนั้นเธอจึงให้เพื่อนคนอื่นช่วยเหลือ

ต่อมาได้ยินว่าเขาชอบผู้หญิงคนหนึ่ง ตามจีบผู้หญิงคนนั้นอยู่นานมาก ตั้งแต่มัธยมปลายจนถึงมหาวิทยาลัยปีสอง เป็นการตามจีบที่เนิ่นนานหลายปี

ไม่รู้ว่าเป็นการเลิกราครั้งล่าสุดของเฉินลู่หรือเปล่า

.....

พูดได้เลยว่าการท่องโลกอินเทอร์เน็ตนั้นแม้ว่าจะระมัดระวังตัวขนาดไหนก็ตาม อย่างไรเสียก็มักจะทิ้งร่องรอยและเบาะแสไว้เสมอ

ในที่สุดสวีซุ่ยหนิงก็พบเบาะแสที่คลุมเครือของเจียงเจ๋อและผู้หญิงคนอื่น เป็นอัลบั้มภาพที่เน็ตไอดอลสาวโพสต์ลงบนโลกโซเชียล ภาพบนเตียงนั้น แม้ว่าจะไม่เห็นใบหน้าของเจียงเจ๋อ แต่เธอก็จำได้ว่าคนคนนั้นคือเจียงเจ๋อ

หากเจียงเจ๋อเลิกกับเธอไปแล้วจะพบรักครั้งใหม่ก็ไม่เป็นไร ทำตัวย่ำแย่งี่เง่าก็ไม่เป็นไร แต่เธอรับไม่ได้ว่าตัวเองนั้นถูกสวมเขา

ในวันนั้นสวีซุ่ยหนิงไปหาเจียงเจ๋อ

เมื่อเจียงเจ๋อเห็นเธอ สีหน้าท่าทางของเขานั้นดูไม่ดีนัก "เธอมาได้ไง?"

สวีซุ่ยหนิงกวาดสายตามองห้องด้านหลังเขาและเอ่ยขึ้น "บ้านของนายมีผู้หญิงคนอื่นอยู่ด้วยเหรอ?"

เจียงเจ๋อตอบ "แล้วเกี่ยวอะไรกับเธอ?"

การที่สวมเขาให้กับเธอนั้นไม่เกี่ยวกับเธอเหรอ?

สวีซุ่ยหนิงตัวสั่นเทาด้วยความโกรธ แต่เธอนั้นเป็นเด็กสาวอารมณ์ดี โดยปกติแล้วแทบจะไม่โกรธเคืองสิ่งใดเลย ดังนั้นเจียงเจ๋อจึงนึกไม่ถึงว่าเธอจะยกมือขึ้นและฟาดฝ่ามือลงบนหน้าของเขา

เขาตะลึงงันอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็ก่นด่าเธอ "เธอเป็นบ้าหรือไง?"

"แล้วใครใช้ให้นายนอกใจฉัน"

เจียงเจ๋อโพล่งออกมา "ขอล่ะ เธอไม่ให้ฉันแตะต้องเลยแม้แต่น้อย ยังคิดจะให้ฉันดูแลเธอเหมือนหยกบริสุทธิ์อีกงั้นเหรอ? ตอนนั้นเพื่อที่จะได้ครอบครองเธอ ฉันต้องจ่ายเงินมากมายเท่าไรเพื่อให้พ่อเธอล้มละลาย...."

เมื่อพูดไปได้ครึ่งทาง เขารู้สึกตัวและชะงักงันไปชั่วขณะหนึ่ง

ใบหน้าของสวีซุ่ยหนิงถอดสี "นายพูดว่าอะไรนะ?"

แต่ในความจริงแล้วมันไม่จำเป็นจะต้องพูดอะไรอีก เธอพอจะเดาได้แล้ว ในตอนนั้นที่เธอคบหากับเจียงเจ๋อ ทั้งหมดเป็นเพราะเขาช่วยพ่อของเธอไว้ พ่อเธอล้มละลายและกระโดดตึกเขาก็ช่วยดูแลรักษา เธอรู้สึกซาบซึ้งใจมากจึงตัดสินใจคบกับเขา คาดไม่ถึงเลยว่าเขานั้นจะกำกับละครและยังแสดงละครเองอีกด้วย

เจียงเจ๋อขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นเขายอมรับอย่างไม่เสแสร้ง "ตอนนั้นไม่ใช่ว่าชอบเธอหรือไง ฉันเลยต้องใช้กลอุบายนิดหน่อย แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วจะทำอะไรได้ เอาคืนฉันเหรอ? ในเมืองaนี้ไม่ใช่ว่าครอบครัวของฉันใหญ่ที่สุดหรือไง ใครจะช่วยอะไรเธอได้? เธอทำอะไรฉันไม่ได้หรอก"

.......

เมื่อจางอวี้เห็นสวีซุ่ยหนิง มือทั้งสองข้างของเธอเปื้อนไปด้วยเลือด

"เธอไปสู้รบที่ไหนมาเนี่ย?" เธอเอ่ยแซว

ตอนนั้นสวีซุ่ยหนิงโกรธมาก เธอหยิบก้อนอิฐบนพื้นและเขวี้ยงใส่เจียงเจ๋อ จากนั้นเธอข่วนร่างกายเขา มือทั้งสองของเธอจึงเปื้อนไปด้วยเลือด

"ฉันต้องการให้เจียงเจ๋อเข้าไปในนั้น"

"เข้าไปในไหน?"

สวีซุ่ยหนิงตอบ "เข้า คุก"

ฉับพลันท่าทีของจางอวี้จริงจังขึ้นทันใด เธอแสดงท่าทีไม่อยากจะเชื่อ "ที่รัก เธอรู้ตัวไหมว่ากำลังพูดอะไร?"

สวีซุ่ยหนิง "ฉันรู้ ฉันต้องการส่งเขาเข้าคุก ในสัญญาร่วมธุรกิจของพ่อฉันเขาวางกลอุบายไว้และเขาได้กระทำเรื่องผิดกฎหมายไว้มากมาย เขาเลวแบบนี้กลับยังลอยหน้าลอยตาอยู่ได้"

"แต่เธอจะต้องค้นหาความจริง เธอสามารถสั่นคลอนเบื้องหลังของเจียงเจ๋อได้เหรอ? กลุ่มเพื่อนที่คอยสมรู้ร่วมคิดทำเรื่องชั่วของเขา มีใครบ้างที่ไม่เกรงกลัวเขา" จางอวี้ครุ่นคิดและเอ่ยว่า "มีเพียงเฉินลู่คนเดียวเท่านั้นที่ไม่กลัวเขา ทั้งยังเป็นคนในครอบครัวเขาด้วย"

สวีซุ่ยหนิงพลันนึกถึงใบหน้าของเฉินลู่ รวมถึงร่างกายที่เธอได้สวมกอดในค่ำคืนนั้น เธอขบเม้มริมฝีปาก "เฉินลู่ไม่กลัวเขางั้นเหรอ?"

"คำพูดของเธอกลับกัน ในทางตรงกันข้ามเจียงเจ๋อน่ะกลัวลูกพี่ลูกน้องของตัวเองตั้งแต่ยังเล็ก ถึงแม้ว่าเฉินลู่จะเป็นหมอ แต่ในตระกูลเฉินของพวกเขานั้นมีเพียงเขาที่เป็นลูกชาย คำพูดของเขามีอิทธิพลมากเชียวล่ะ" จางอวี้หยุดพูดชั่วขณะและเอ่ยเตือนด้วยความระมัดระวัง "แต่เธออย่าไปวางเล่ห์อุบายใส่เขาเชียว เฉินลู่ยินดีจะช่วยเหลือคนนอกครอบครัวเขาหรือ?"

ตอนนี้สวีซุ่ยหนิงไม่ได้รับฟังเลยแม้แต่น้อย

เธอคิดเพียงแค่จะแก้แค้นเจียงเจ๋อและต้องการให้เขาชดใช้

สวีซุ่ยหนิงแทบรอไม่ไหวที่จะเชื่อมสัมพันธ์กับเฉินลู่ ลูกพี่ลูกน้องก็คือลูกพี่ลูกน้อง ไม่ใช่ครอบครัวเดียวกันเสียหน่อย ยิ่งครอบครัวใหญ่ความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวก็ยิ่งเปราะบาง ยิ่งไปกว่านั้นเธอคบหากับเจียงเจ๋ออยู่นาน เธอไม่เห็นว่าเขาจะพบหน้ากับเฉินลู่บ่อยนัก ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ได้ดีขนาดนั้นแน่นอน

ไม่แน่ว่าการเป่าหู อาจจะส่งผลกระทบบางอย่างก็เป็นได้

สวีซุ่ยหนิงตั้งมั่นอย่างแน่วแน่ เธอจะเข้าหาเฉินลู่

แต่การพบเจอเฉินลู่ ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น

เขามักจะทำงานนอกสถานที่อยู่บ่อยครั้ง อีกทั้งต่อให้เขาประจำอยู่โรงพยาบาล เธอเองก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องไปพบเขา แม้ว่าเธอและเขาจะพบหน้ากันเพียงไม่กี่ครั้ง เธอก็พอจะคาดเดาได้ว่าเขาไม่ชอบให้ใครมายุ่มย่ามเวลาทำงานของเขา

แต่เร็วๆนี้เธอคงจะมีโอกาสได้พบหน้าเฉินลู่แล้ว

เธอทำงานเป็นคุณครูอยู่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง นักเรียนคนหนึ่งรู้สึกไม่สบายและเหมือนว่าจะมีก้อนเนื้อที่หน้าอก

สวีซุ่ยหนิงไปตรวจวินิจฉัยเป็นเพื่อนนักเรียนหญิงคนนั้น ในตอนที่เลือกแพทย์ผู้ตรวจ เธอจงใจเลือกเฉินลู่

เขานั้นดูดีเป็นอย่างมาก นักเรียนหญิงที่ได้พบเห็นเขา ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อ

"ไปอัลตราซาวด์ก่อน ลองดูว่าใช่โรคเซลล์เต้านมเจริญผิดปกติหรือเปล่า" เขาเอ่ย

สวีซุ่ยหนิงถามอย่างกังวล "ไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่อะไรใช่หรือเปล่า?"

"ไม่หรอก" สายตาของเฉินลู่จ้องมองเรือนร่างของสวีซุ่ยหนิงเพียงชั่วขณะ จากนั้นเขาก็ละสายตาไปอย่างไร้ความรู้สึก

วันนี้ที่เธอมาหาเขา เธอจงใจใส่เสื้อที่ดูเซ็กซี่เล็กน้อย เป็นเสื้อคอกว้างและเผยให้เห็นเนินอก

"หมอเฉิน ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปอัลตราซาวด์ก่อน" สวีซุ่ยหนิงเอ่ย

ในระหว่างที่รอนักเรียนหญิงเข้าไปอัลตราซาวด์ เธอกลับมายังห้องทำงานของเฉินลู่

ขณะนั้นใกล้ถึงเวลาพักเที่ยงแล้ว เมื่อเธอเข้าไปด้านใน เขากำลังถอดเสื้อกาวน์อยู่พอดี เฉินลู่เอ่ยว่า "มีเรื่องอะไรอีก?"

สวีซุ่ยหนิงกัดฟันแน่น เธอเดินเข้าไปกอดเอวของเขาด้วยความกล้าหาญ ในเมื่อทำแล้วก็ต้องทำให้ถึงที่สุด เธอใช้น่องเล็กๆของตนเองลูบไล้ไปกับเรือนร่างของเขาพลางเอ่ยว่า "หมอเฉิน ฉันคิดถึงนาย"

เฉินลู่เลิกคิ้วขึ้น ยื่นมือออกไปและเชยคางของเธอ น้ำเสียงของเขานั้นยังคงนิ่งเรียบเช่นเคย "เธอนี่อวดดีนัก"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน