เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน นิยาย บท 32

มื้อค่ำของสวีซุ่ยหนิง ท้ายที่สุดเฉินลู่ก็พาเธอไปด้วย

ทว่าเมื่อเธอแนะนำตัวเอง เธอบอกว่าเธอรู้จักเฉินลู่ เมื่อตอนที่อยู่บนเครื่องบินเธอเผอิญชนเข้ากับเฉินลู่ จากนั้นเขาก็ชวนเธอมา

ใบหน้าของเธอดูงดงาม ทุกคนสุภาพกับเธอมาก

อย่างไรก็ตาม ท่าทีการวางตัวและปฏิบัติต่อเด็กสาวนั้น เห็นได้ชัดว่าดียิ่งกว่า

คนเราสวยมากเพียงใด ก็ไม่อาจเทียบกับหญิงสาวที่ชอบออดอ้อนได้หรอก

สวีซุ่ยหนิงนั่งข้างเฉินลู่ เนื่องจากบทสนทนาของพวกเขาเป็นคำศัพท์เฉพาะ เธอไม่อาจแทรกบทสนทนานั้นได้เลย เนื่องจากเด็กสาวคนนั้นเองก็เรียนแพทย์ด้วย เธอสามารถร่วมบทสนทนาระหว่างพวกเขาได้ไม่น้อย

ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอเห็นเด็กสาวหยิบแก้วเหล้าของเฉินลู่ขึ้นมาดื่ม เธอดื่มไปครึ่งแก้วจากนั้นจึงรู้สึกตัวและรีบเอ่ยขอโทษ "รุ่นพี่ ขอโทษด้วย พอดีฉันหยิบผิดแก้ว"

เฉินลู่นั้นเอ่ยอย่างใจกว้าง "ไม่เป็นไร"

เมื่อเด็กสาวดื่มเหล้า ผ่านไปครู่หนึ่งเธอเริ่มเวียนศีรษะ เธอเหยียดมือออกไปคว้าเฉินลู่ไว้และเอ่ย "รุ่นพี่คะ ฉันคออ่อนมาก เหมือนว่าจะเมาแล้ว ทำยังไงดีคะ ฉันอยากกลับไปนอน"

เฉินลู่ชะงักงันและพูด "ฉันไปส่งเธอ"

"ค่ะ รบกวนรุ่นพี่แล้ว" เด็กสาวจ้องมองเขาด้วยดวงตาที่มีน้ำตาคลอเบ้า

ในไม่ช้าทั้งสองก็จากไป

สวีซุ่ยหนิงได้ยินแพทย์ข้างเธอกล่าว "ผู้หญิงคนนี้ เมื่อจบการศึกษา เฉินลู่จะต้องครอบครองอย่างแน่นอน ได้ครอบครองสาวน้อยวัยใสใครไม่ชอบบ้าง ทั้งยังขี้อ้อนและเอาใจเก่ง เฉินลู่เข้มงวดกับงานมาก ไม่อาจตัดขาดจากคำวิจารณ์ของคนอื่นได้"

เมื่อเฉินลู่จากไป สวีซุ่ยหนิงรู้สึกอึดอัดที่ต้องอยู่คนเดียว เธอจึงเรียกแท็กซี่กลับ ภาษาอังกฤษของเธอไม่ดีนัก เมื่อสื่อสารค่อนข้างติดขัด ยังดีที่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร

เมื่อขึ้นรถแล้ว เธอเปิดตำแหน่งของเธอ อย่างไรเสียอยู่ต่างประเทศก็ไม่ปลอดภัยเท่ากับบ้านของตัวเองหรอก เธอกลัวว่าจะพบคนไม่ดี

สวีซุ่ยหนิงกลับมายังโรงแรม คืนนี้เธอเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ ทว่าตลอดทั้งคืนเฉินลู่ก็ไม่ได้กลับมา คาดว่าอาจจะเกิดชนวนสงครามขึ้น

เมื่อเธอเห็นเฉินลู่อีกครั้ง ก็เป็นเวลากลางคืนของอีกวัน ร่างกายของเขาสะอาดสะอ้าน เขาถามเธอว่าต้องการไปช็อปปิ้งหรือเปล่า

ริมฝีปากของสวีซุ่ยหนิงกระตุกอย่างอดไม่ได้ ใช้จ่ายเงินของเฉินลู่คือสิ่งที่เธอชอบ "ตกลง"

อย่างไรเสีย รถที่เฉินลู่เช่ามา ที่นั่งข้างคนขับ เด็กสาวคนนั้นนั่งอยู่ เท้าของเธอเปลือยเปล่าและพาดเท้าไปยังคอนโซลหน้ารถ

เธอชำเลืองมองสวีซุ่ยหนิง เธอยกเปลือกตาขึ้นและเอ่ย "พี่สาวก็ไปด้วยเหรอคะ?"

สวีซุ่ยหนิงเอ่ย "ฉันไม่คุ้นชินกับที่นี่น่ะ หมอเฉินใจดีก็เลยให้ฉันมาด้วย"

เฉินลู่นิ่งเงียบไม่พูดจา

เด็กสาวก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ ไม่รู้ว่าไถหน้าจอไปเจอกับอะไร จู่ๆก็เอ่ยว่า "รุ่นพี่คะ ผู้ชายอย่างพวกพี่ชอบออรัลเซ็กส์[1]ใช่ไหมคะ?"

ใบหน้าของสวีซุ่ยหนิงค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นสีซีดขาว

เฉินลู่ตอบรับ'อืม'ด้วยท่าทีไม่ใส่ใจ

เด็กสาวเอ่ย "งั้นฉันก็ควรเรียนรู้ไว้ใช่ไหมคะ"

เฉินลู่จ้องมองเธอพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ "ลืมคนที่นั่งอยู่ด้านหลังแล้วงั้นเหรอ?"

เหมือนเด็กสาวคนนั้นนึกขึ้นได้ว่าสวีซุ่ยหนิงนั่งอยู่ด้านหลัง ใบหน้าของเธอแดงก่ำ เหยียดมือออกมาและทำท่าพัดใบหน้าอย่างไม่หยุดหย่อน พยายามบรรเทาความร้อนบนใบหน้าของเธอ

สวีซุ่ยหนิงครุ่นคิด หากครั้งหน้าเฉินลู่บังคับเธอ เธอควรทำอย่างไร ครั้นนึกถึงอุปนิสัยของเขา เกรงว่าหากเธอยังยืนกรานอย่างเด็ดเดี่ยว เมื่อถึงเวลานั้นต้องตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากอีกเป็นแน่

เป็นไปได้หรือไม่ก่อนที่จะถึงเหตุการณ์นั้น เธอต้องรับเงินจากเฉินลู่เพิ่มขึ้นอีกหน่อย?

ทว่าท้ายที่สุดเฉินลู่ก็ทำลายจินตนาการของเธอ

เมื่อสวีซุ่ยหนิงเดินผ่านช็อปแอร์เมส เธอเห็นกระเป๋าใบหนึ่งราคาเฉียดล้าน เฉินลู่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเฉยเมย "เธอไม่มีคุณสมบัติพอที่จะซื้อ อีกอย่าง ฉันจะไม่จ่ายเงินให้กับเธอ"

สวีซุ่ยหนิง "....."

เฉินลู่เอ่ย "ไปร้านด้านข้าง ดูแบบใบละเกือบหมื่นนู่น ฉันจ่ายให้ก็คือจ่ายให้ก่อน ข้อตกลงของเธอก็คือเรื่องพ่อของเธอ ไม่ใช่เรื่องเงิน"

สวีซุ่ยหนิงเม้มริมฝีปากพลางกล่าว "ใบละเกือบหมื่น ฉันขยันหาเงินมาซื้อเองก็ได้ ไม่ต้องใช้เงินนายจ่ายหรอก"

เขาพยักหน้าและเดินไปยังด้านข้างของเด็กสาว

ท้ายที่สุดเธอก็ไม่ได้ซื้ออะไรเลย เมื่อเห็นเด็กสาวถือข้าวของกลับมาเต็มไม้เต็มมือพร้อมด้วยใบหน้าที่เปี่ยมล้นด้วยความสุข ใบหน้าของเธอก็นิ่งเฉยไร้ซึ่งอารมณ์ใด

เฉินลู่เติมเต็มความปรารถนาของเธอ ให้เธอเติมเต็มความต้องการของเขา

เด็กสาวจ้องมองสวีซุ่ยหนิงพลางเอ่ย "พี่สาว ทำไมพี่ไม่ซื้ออะไรเลยล่ะคะ? ฉันเห็นกระเป๋าสวยๆตั้งหลายใบ ไม่ซื้อที่ต่างประเทศ หากกลับไปยังประเทศจีนแล้วราคาเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวเลยนะคะ พี่สาวซื้อสักใบเถอะค่ะ ไม่งั้นจะเสียใจภายหลังได้นะคะ"

สวีซุ่ยหนิงยิ้มเก้ๆกังๆและเอ่ย "ฉันไม่รู้ว่าพวกเธอจะมาช็อปปิ้งในสถานที่แบบนี้ ฉันไม่มีเงินหรอก ซื้อไม่ไหว"

หลังจากพูดจบเธอก็หันหลังแล้วเดินออกไป เมื่อกลับมาที่รถ เด็กสาวคนนั้นก็เอ่ยขอบคุณเฉินลู่ด้วยท่าทีออดอ้อนออเซาะ ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มหวานเยิ้ม ดวงตากลมโตสุกสกาวและเอ่ย "รุ่นพี่ ขอบคุณนะคะ ของพวกนี้ฉันชอบมากเลยล่ะค่ะ พี่ดีกับฉันมากจริงๆ สิ่งของเหล่านี้ล้วนแต่ราคาแพง ฉันรับไว้ก็อดเกรงใจไม่ได้ ฉันไม่รู้ว่าจะทดแทนคืนพี่อย่างไร"

สวีซุ่ยหนิงที่นั่งอยู่ด้านหลังนิ่งเงียบไม่พูดจา ทว่าความเกลียดชังที่มีต่อเฉินลู่เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งระดับ

หลังจากที่คืนรถ สวีซุ่ยหนิงก็ไปยังร้านสะดวกซื้อที่อยู่ใกล้ๆเพื่อหาอะไรกิน ทั้งวันนี้เธอยังไม่กินข้าวเลย

เมื่อเธอกลับมาที่ชั้นล่างของโรงแรม เธอเห็นบริเวณมุมหนึ่ง เด็กสาวคนนั้นใช้แขนทั้งสองข้างโอบรอบเอวเฉินลู่ เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่หวานหยดย้อย "ป๊ะป๋าคะ คุณไปทานข้าวเย็นเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิคะ แค่เพียงคุณไปเป็นเพื่อนฉัน ฉันจะตามใจคุณทุกอย่างเลย"

เฉินลู่เลิกคิ้วพลางเอ่ยถาม "ตามใจฉันทุกอย่าง?"

เด็กสาวใบหน้าแดงก่ำและตอบรับ'อืม'

สวีซุ่ยหนิงไม่ขึ้นลิฟต์แล้ว เธอหันหลังกลับและเดินไปที่บันได เธอคิดว่าเฉินลู่นั้นดีกับเด็กสาวคนนั้นแล้ว ตัวเธอเองจะเป็นอิสระแล้วใช่หรือไม่ ทว่าเมื่อเธอเดินไป ฉับพลันคิดขึ้นได้ เฉินลู่สามารถคั่วผู้หญิงหลายคนได้ภายในเวลาเดียวกัน เขาไม่มีทางปล่อยเธอไปอย่างแน่นอน

เพียงแต่ว่าสำหรับพวกเธอเขายอมใช้จ่ายเงินจำนวนมาก

ทว่าเฉินลู่กลับขี้งกกับเธอ กระดูกขัดมัน[2]เหลือเกิน

นี่คือความสองมาตรฐานของผู้ชาย

เธอหอบหายใจอยู่ครู่หนึ่งและยืนพักอยู่บนขั้นบันได สุดท้ายก็หยิบอาหารที่เพิ่งซื้อมาแล้วขึ้นไปบนดาดฟ้า

ในขณะที่สวีซุ่ยหนิงกำลังนั่งกินขนมปังอยู่บนดาดฟ้า เฉินลู่ก็โทรเข้ามา เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเธอรับสายและบอกกับเขาว่าเธอนั้นอยู่ที่ไหน

ไม่กี่นาทีต่อมา เฉินลู่ก็ขึ้นมาด้านบน

เขาจ้องมองไปยังถุงพลาสติกด้านข้างเธอและเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบ "ไม่กินข้าวเย็น?"

สวีซุ่ยหนิงตอบรับ'อืม' เธอยิ้มให้เขา "นายเพิ่งกลับเหรอ?"

"เพิ่งกลับจากกินข้าวเย็น"

สวีซุ่ยหนิงคิดว่า อาจจะออกไปทานข้าวกับเด็กสาวคนนั้น

สวีซุ่ยหนิงกินอาหารก็ยังคงความเป็นผู้ดี ขนมปังครึ่งชิ้น เธอกินอยู่นานมาก จากนั้นเธอลุกขึ้นและปัดก้นพลางเอ่ย "กินเสร็จแล้ว เราลงไปด้านล่างเถอะ วันนี้นายจะอยู่กับฉันหรือว่าไปที่อื่น? ถ้าอยู่กับฉันก็ลงไปพร้อมกัน หากไปหาเธอ นายก็นั่งรับลมอยู่ที่นี่ต่อก็ได้"

เฉินลู่เอ่ย "ฉันไป"

สวีซุ่ยหนิงตอบรับอืม จากนั้นเธอเข้าไปในลิฟต์ เฉินลู่เองก็มากับเธอด้วย เมื่อลิฟต์หยุดที่ชั้น16 เขากอดเอวเธอจากด้านหลัง

จากนั้นเขาจุมพิตบริเวณใบหูส่วนล่างของเธอ

สวีซุ่ยหนิงต่อต้านเล็กน้อย เขาจับไหล่ของเธอไว้และหมุนให้เธอหันกลับมา จากนั้นประทับจูบลงบนริมฝีปากของเธอ

ท้ายที่สุดเฉินลู่ก็อุ้มเธอขึ้นราวกับอุ้มเด็กน้อยและพาเธอเข้าไปภายในห้อง สวีซุ่ยหนิงไม่ยินยอม แต่พละกำลังของเขานั้นแข็งแกร่งมาก เธอทำอย่างไรก็ไม่อาจต้านทานได้ ท้ายที่สุดเธอจำต้องยอมจำนน

เมื่อเดินมาถึงประตู เขาใช้มือข้างหนึ่งอุ้มสวีซุ่ยหนิง มืออีกข้างสแกนคีย์การ์ดห้อง หลังจากที่เข้าห้องแล้ว เขาค่อยๆวางสวีซุ่ยหนิงลง มีบางส่วนของร่างกายที่แนบชิดสนิทสนมกัน

ในไม่ช้าทั้งสองก็อยู่บนเตียงนอนด้วยกัน

เฉินลู่ฉีกทึ้งเสื้อผ้าของสวีซุ่ยหนิงทันใด

"ไม่ใช่บอกว่าจะออกไปเหรอ?" สวีซุ่ยหนิงขมวดคิ้วเล็กน้อย

เฉินลู่เอ่ยด้วยท่าทีสบายๆ "ฉันจองห้องนี้ หรือว่าฉันอยู่ที่นี่ไม่ได้งั้นเหรอ?"

เธอเงียบ

ในเวลานี้ผู้หญิงย่อมมีอำนาจที่เหนือกว่า เธอไม่ยินยอมให้ความร่วมมือแค่นี้ก็พอแล้ว

ความสนใจของเฉินลู่ลดลงอย่างรวดเร็วเมื่อถูกเธอยั่วยุ ฉับพลัน เขานอนลงข้างกายเธอและไม่พูดอะไร

ท้ายที่สุดเขาพลิกตัวและหันหลังให้เธอ

สวีซุ่ยหนิงคิดภายในใจ เฉินลู่เริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายแล้ว ดีจริง หวังว่านับวันเขาจะยิ่งกลายเป็นชายที่เสร็จในเสี้ยววินาทีและให้คนอื่นเยาะเย้ยเขา

หลังจากนั้นไม่กี่นาที เฉินลู่พลิกตัวกลับมาอีกครั้ง เขามองเธออยู่ครู่หนึ่ง คิดอยากจะทำอีกครั้ง

ทว่าทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

เดิมทีเฉินลู่เพิกเฉย เห็นได้ว่าในตอนนี้เขาต้องการจัดการสวีซุ่ยหนิง แต่เสียงเคาะก็ยังคงดังไม่หยุดหย่อน

เขาขมวดคิ้ว พลิกตัวลุกขึ้น เดิมทีคิดว่าเป็นพนักงาน คาดไม่ถึงว่าจะเป็นเด็กสาว

ท่อนบนของเขาเปลือยเปล่า ใบหน้าของเด็กสาวแดงระเรื่อ จากนั้นเอ่ยด้วยดวงตาแดงก่ำ "ป๊ะป๋าคะ ฉันไม่อยากนอนคนเดียว ฉันรู้สึกว่าห้องของฉันมีผี มีเสียงบางอย่างดังขึ้นภายในห้องโดยไร้สาเหตุ ฉันกลัวค่ะ ฉันมานอนกับคุณจะได้หรือเปล่าคะ?"

สวีซุ่ยหนิงซ่อนตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม เมื่อได้ยินเสียงเด็กสาว ช่างหมดหนทาง ช่างน่าสงสาร ใครได้ฟังต่างก็ต้องทุกข์ใจ

หากเด็กสาวอยู่ที่นี่ สวีซุ่ยหนิงรู้สึกว่าเธอจะต้องเคลื่อนตัวเองไปนอนบนโซฟา

เธอรู้สึกว่าร่างกายของเธอยังคงเหนียวเหนอะหนะ อย่างไรก็ตามเฉินลู่ก็ไม่มีมาตรการใด เธอห่อตัวเองไว้กับผ้าห่มและเอนกายนอนลงบนโซฟา

เฉินลู่ได้ยินเสียงในห้องและมองเข้าไปด้านใน

สวีซุ่ยหนิงครองโซฟาแล้วเรียบร้อย เธอไม่ได้สวมอะไรเลย ภายในผ้าห่มก็ดูโล่ง

เด็กสาวกล่าว "รุ่นพี่คะ ฉันกลัวจริงๆนะคะ หรือไม่ก็คุณไปอยู่เป็นเพื่อนฉันก็ได้ ฉันกลัวมากๆเลยค่ะ"

เฉินลู่เอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ "เธอเข้ามานั่งด้านในสักพักก็ได้"

เขาหันหลังเดินเข้ามา เด็กสาวก็เดินตามเข้ามา เธอมองสำรวจรอบห้อง ห้องชุดขนาดกะทัดรัดที่เฉินลู่พักนั้นดีมาก เธอเปลี่ยนรองเท้าและเดินเข้ามาอย่างระมัดระวัง

กระทั่งสายตาของเธอมองเห็นโซฟา มีผ้าห่มผืนหนึ่ง เธอไม่แน่ใจว่ามีใครอยู่ในนั้นหรือไม่

เธอนั่งลงบนโซฟาอีกฝั่ง จ้องมองไปยังผ้าห่มผืนนั้น ผ้าห่มนิ่งและไม่ขยับเขยื้อน

ออรัลเซ็กส์[1] หมายถึง กิจกรรมทางเพศที่ใช้ปาก

กระดูกขัดมัน[2] หมายถึง ตระหนี่,ขี้เหนียว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน