ในขณะนี้เขาไม่ได้สนใจอะไร เขาเพียงแค่ลงมานอนก็เท่านั้น
"นายลงมา เดี๋ยวเด็กสาวคนนั้นก็ก่อปัญหาอีกหรอก" สวีซุ่ยหนิงเอ่ย "เธอตัวติดนายขนาดนั้น"
เฉินลู่ขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจเธอ เขาพลิกตัวกลับ บอกสวีซุ่ยหนิงว่าห้ามล้ำเส้น ในขณะที่นอนหลับ เธอไม่ได้รับอนุญาตให้แตะต้องเขา
สวีซุ่ยหนิงเองก็ขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจเขา เธอนอนคนเดียวก็นอนคนเดียวสิ จากนั้นผ่านไปไม่นานนัก เธอก็ถูกปลุกด้วยเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นของเฉินลู่
เธอรำคาญมาก จะนอนก็นอนไม่หลับ
เธอผลักเฉินลู่พลางเอ่ย "เฉินลู่ โทรศัพท์นายมีคนโทรมา"
สวีซุ่ยหนิงเหลือบมองชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ เป็นชื่อของหญิงสาวคนนั้น แม้ว่าเธอจะไม่รู้ชื่อของเด็กสาว แต่เธอรู้สึกได้ว่าคือเด็กสาวคนนั้น
คาดว่าเธออยู่ตัวคนเดียวคงจะหวาดกลัว
เฉินลู่เหลือบมองโทรศัพท์ จากนั้นเขารับสาย
เด็กสาวที่อยู่ปลายสายเอ่ย "ป๊ะป๋าคะ ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน? ทำไมยังไม่กลับมาอีกล่ะคะ?"
เฉินลู่เอ่ยด้วยเสียงราบเรียบ "นอนข้างนอก"
"กับผู้หญิงอีกคนหนึ่งงั้นเหรอคะ?" น้ำเสียงของเธอแหบแห้ง น้ำเสียงที่ได้ฟังแล้วรู้สึกว่าช่างน่าสงสาร เธอเอ่ย "ป๊ะป๋าคะ คุณกลับมาได้ไหม ฉันอยากนอนกับคุณ"
เฉินลู่เพิกเฉยไม่สนใจ สายตาของเขาชำเลืองมองเรือนร่างของสวีซุ่ยหนิง โยนโทรศัพท์ให้แก่สวีซุ่ยหนิง เขาใช้สายตาบ่งบอกว่าให้เธอคุย
สวีซุ่ยหนิงรู้สึกว่าโทรศัพท์นั้นส่งผ่านความร้อนมายังมือของเธอ เฉินลู่ไม่พูด เขาต้องการให้เธอพูด เรื่องล่วงเกินคนอื่นนั้นเธอต้องทำ
เฉินลู่หลับตาและพักผ่อนแล้ว
ปลายสายยังคงร้องเรียกอย่างไม่หยุดหย่อน "ป๊ะป๋าคะ"
สวีซุ่ยหนิงเอ่ยอย่างอ่อนโยน "ป๊ะป๋าของเธอน่ะเขาหลับไปแล้วล่ะ เธอเองก็รีบนอนเถอะ เธอรอไป เขาก็คงไม่กลับไปแล้ว"
ฉับพลันปลายสายก็เงียบไปทันใด
สวีซุ่ยหนิงทอดถอนหายใจ แม้ว่าตอนนี้ต่อให้เธอตั้งใจจะพูดจาดีๆกับอีกฝ่าย แต่ทว่าเมื่อเธอเอ่ยปาก ไม่ว่าเธอจะพูดอย่างไร อีกฝ่ายก็คงคิดว่าเธอกำลังจงใจยั่วยุโทสะหล่อน
"รีบนอนเถอะ" สวีซุ่ยหนิงเอ่ย "ฉันเองก็จะนอนแล้วเหมือนกัน"
เธอวางสายโทรศัพท์ อีกฝ่ายก็ไม่โทรกลับมาอีกเลย
ในขณะที่สวีซุ่ยหนิงกำลังจะเข้านอน ทว่าเฉินลู่กลับโอบกอดเธอจากด้านหลัง เขาพลิกตัวเล็กน้อย จากนั้นเธอก็อยู่ภายใต้เขา
ครั้งนี้ค่อนข้างรุนแรง
สวีซุ่ยหนิงจ้องมองเพดาน เธอกอดเอวเฉินลู่และเอ่ย "ไม่ใช่ว่านายบอกว่าด้านบนน่ะให้ความรู้สึกยั่วยวนจนน่าสัมผัสหรอกเหรอ แล้วนายลงมาอยู่ด้านล่างทำไม?"
เฉินลู่เอ่ย "เธอสวีซุ่ยหนิงอย่าดูถูกตัวเอง เธอเองก็ยั่วยวนจนน่าสัมผัสเหมือนกัน พ่อของเธอและพ่อของฉันเป็นเพื่อนกัน ครั้งนี้คงเจอปัญหาแล้ว"
สวีซุ่ยหนิงเข้าใจสิ่งที่เขาหมายถึง แรกเริ่ม เขาไม่ได้คิดจะให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับหญิงสาวคนนั้น เขาสนใจแต่ไม่สามารถแตะต้องมั่วซั่วได้ แต่ทว่าหากมีความคลุมเครือก็ยังโอเค ดังนั้นเขาจึงสนใจที่จะโปรยเสน่ห์ใส่เธอ
ดูเหมือนว่าหากเฉินลู่จะคั่วหญิงสาว เขาจำเป็นจะต้องคำนึงถึงสถานะของอีกฝ่าย
"ตั้งใจหน่อย อืม?" ลมหายใจของเฉินลู่รินรดอยู่บริเวณใบหูส่วนล่างของเธอ
ทว่าสวีซุ่ยหนิงไม่ได้รู้สึกว่าเธอนั้นไม่ได้ตั้งใจ ไม่ใช่ว่าตลอดที่ผ่านมาก็เป็นแบบนี้หรอกเหรอ
วันถัดมา สวีซุ่ยหนิงตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ เนื่องจากมีอาหารเช้าและแถมยังอร่อยมาก เธอจึงไม่อยากจะพลาด
ส่วนเฉินลู่นั้น เขาไม่อยู่ตั้งแต่เช้า ตามแผนการแล้ววันนี้เขาถูกส่งไปช่วยเคสผ่าตัดของโรงพยาบาลของต่างประเทศ เนื่องจากเฉินลู่เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ บังเอิญอยู่ในเมืองนี้ เขายึดมั่นในหลักเห็นคนใกล้ตายอย่างไรก็ต้องช่วยเหลือ เขาตอบตกลงในทันที
สวีซุ่ยหนิงอยู่ที่นี่ ในความเป็นจริง เวลาส่วนใหญ่เธอใช้ชีวิตเพียงลำพัง วันนี้กับวันอื่นที่ผ่านมาก็ไม่ได้มีสิ่งใดแตกต่าง เพียงแต่ว่าได้ยินมาว่าเป้าหมายของการรักษาในวันนี้คือบุคคลที่มากล้นด้วยอำนาจ
จากที่ได้ยินเพื่อนร่วมงานของเฉินลู่เอ่ยถึง เป็นการผ่าตัดที่จริงจังมาก สนามผ่าตัดครานี้ คาดว่าคงจะเสียพลังงานเป็นอย่างมาก
.......
การผ่าตัดใช้เวลานานมาก เคสนี้ใช้เวลานานกว่าเก้าชั่วโมง เมื่อเฉินลู่เดินออกจากห้องผ่าตัด เขารู้สึกเหนื่อยล้าเล็กน้อย
นอกห้องพักผู้ป่วยคืออาของเขา ผู้ป่วยในเคสผ่าตัดก็คือเครือญาติอาสะใภ้ของเขา ความสนิทสนมที่ไม่สนิทสนม แต่เพียงเพราะว่าเอื้อผลประโยชน์ต่อกันและกันมาอย่างยาวนาน ย่อมไม่ต้องการให้เกิดเรื่องขึ้นกับอีกฝ่าย
ครอบครัวของเฉินลู่เป็นหนึ่งเดียวกันมาเสมอ ดังนั้นเขาจึงต้องลงมือทำด้วยตนเอง
“เป็นยังไงบ้าง” ทันทีที่เขาออกมา อาของเขาก็เข้ามาถาม
เฉินลู่เอ่ย "หากผ่านคืนนี้ไป ก็คงจะไม่มีปัญหาอะไรแล้วครับ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน
แรกๆ สงสารนอ อ่านไปอ่านมาสงสารพอ...
เฉินลู่ไอ้คนเลว ส่วนสวีซุ่ยหนิงก็ใจอ่อนน่าสงสารเสียจริง...
ซุยหนิงย้ายที่อยู่เถอะ สงสารนาง เจอแต่ผู้ชายเลวๆ...
สวีซุยหนิงทำไมชอบเป็นของเล่นของเฉินลู่ล่ะ...
ช่วยอัพต่อด้วยค่ะ...