เฉินลู่เลิกคิ้วขึ้น
เดิมทีสวีซุ่ยหนิงไม่ได้ต้องการจะพูด อยากจะร่วมมือกับเขาและทำให้เรื่องนี้คลุมเครือไปอย่างนั้น แต่เธออดไม่ได้ อยากจะพูดออกไปตามตรง เดิมทีเขาเองก็รู้อยู่แล้ว
เฉินลู่ได้ยินคำพูดของสวีซุ่ยหนิง สีหน้ายังคงนิ่งเฉยไม่ได้ดูอึดอัดใจเมื่อถูกเปิดเผยความจริง เขายังคงดูเป็นธรรมชาติ จ้องมองเธอ หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาเอ่ย "รอนานแค่ไหน?"
"ไม่กี่ชั่วโมงหรอก ระบุแน่ชัดไม่ได้" เธอก็ไม่ได้จับเวลา
เฉินลู่ไม่ใช่แฟนหนุ่มของเธออีกต่างหาก ความสัมพันธ์ระหว่างเธอและเขานั้นเรียกว่าเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจ อันที่จริงเรียกว่าการทำตามหน้าที่
เมื่อได้คิดอย่างละเอียดถี่ถ้วน การที่นำอาหารไปให้เขาอันที่จริงเธอทำเกินหน้าที่เอง
แต่ก็ไม่ใช่ว่าสวีซุ่ยหนิงจะขาดทุน อย่างน้อยเธอได้รู้ว่าในอนาคตไม่จำเป็นจะต้องคอยเป็นกังวลในเรื่องของเขาอีก
หากเฉินลู่ต้องการจะตายเร็ว สำหรับเธอในอนาคตอาจจะไม่ใช่เรื่องดี แต่เขาคงไม่ตายเร็วขนาดนั้น อย่างน้อยก็รอให้อาการของพ่อเธอหายดี เมื่อถึงเวลานั้นแล้วหากเฉินลู่จะตายก็เอาเลย
แน่นอน เธอยังคงโกรธอยู่เล็กน้อย อย่างไรเสียเมื่อได้ครุ่นคิดตามหลักทฤษฎีลำดับขั้นความต้องการของมาสโลว์[1] เขายังกล่าวไว้ นอกจากเรื่องอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย สิ่งที่คนเราต้องการอีกนั่นคือการเคารพ เธอรู้สึกว่าเฉินลู่นั้นไม่ค่อยเคารพผู้อื่น
เฉินลู่เชิดคางขึ้นเล็กน้อย แสดงท่าทีให้สวีซุ่ยหนิงถอดเสื้อสูทให้แก่เขา
เธอทำตามที่เขาบอก เธอบอกให้เขายกแขนขึ้น เช่นนี้เธอจึงจะถอดสูทให้เขาได้ ทว่ามือของเฉินลู่กลับสัมผัสบริเวณด้านหลังศีรษะของเธอ นิ้วมือของเขาสัมผัสเส้นผมของเธอ จากนั้นเขาก็กดศีรษะของเธอไปด้านหน้า หน้าผากของเธอแนบชิดบริเวณคางของเขา
เฉินลู่ก้มศีรษะลงเล็กน้อยและประทับจุมพิตลงบนหน้าผากของเธอ เขาขมวดคิ้วพลางเอ่ย "ทำอาหารอะไรมาบ้าง?"
"กุยช่ายผัดไข่ ผัดกระเจี๊ยบเขียว ผัดอัณฑะวัว" เธอกล่าว
เฉินลู่เงียบ
ผ่านไปชั่วขณะหนึ่ง เขาเอ่ยปาก "ดังนั้น จงใจหาเรื่องไตของฉันงั้นเหรอ?"
สวีซุ่ยหนิงนิ่งเงียบไม่พูด
"เธอกำลังจะบอกอะไรฉันงั้นเหรอ ฮืม?" เฉินลู่บีบเอวของเธอ
สวีซุ่ยหนิงยืดตัวตรง เธอถอดเสื้อสูทให้เขาพลางเอ่ย "นายรีบไปอาบน้ำเถอะ"
มีทั้งกลิ่นยา มีทั้งกลิ่นเหล้า สวีซุ่ยหนิงไม่ชอบเมื่อทั้งสองกลิ่นนี้มารวมกัน
"อาหารของเธอ ไม่ให้ฉันลองชิมหน่อยเหรอ?" เฉินลู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและเอ่ย
สวีซุ่ยหนิงเอ่ยปฏิเสธ "มันเย็นหมดแล้ว ไม่ต้องหรอก"
หากกินเข้าไปแล้วเกิดผิดสำแดงขึ้นมา เมื่อถึงตอนนั้นเดี๋ยวเธอก็กลายเป็นคนผิดอีก เรื่องสายโทรศัพท์ของเด็กสาวเมื่อคืนนี้เธอก็คุยแทนเขา กลายเป็นคนผิดแทนเขา แม้ว่าคนอื่นอาจแยกแยะเธอผ่านโทรศัพท์ไม่ได้ก็ตาม
"เป็นความตั้งใจของเธอนี่" เฉินลู่จ้องมองเธอและเอ่ย
หากเอ่ยถึงความรู้สึกผิด เขาไม่ได้มีความคิดเช่นนั้น แม้ว่าเขาจะรู้ว่าเธอต้องรอเขาจนดึกดื่น หากว่าเกิดเรื่องแบบนี้อีกครั้ง ต่อหน้าเหล่าเครือญาติ เขาก็ไม่ไปเรียกเธออยู่ดี
ความจริงเป็นเช่นนี้ เธอไม่มีความสามารถที่จะจับเขา เขาก็ไม่สามารถที่จะริเริ่มทำดีกับเธอได้
เพียงแต่สวีซุ่ยหนิงเมื่อเปรียบเทียบกับคนอื่น เธอค่อนข้างแตกต่าง หากบางสถานการณ์เธอไม่ให้ความร่วมมือ ความสุขครั้งนั้นก็จะลดน้อยลง เช่นนั้นเรื่องระหว่างหญิงชาย ทัศนคติของเขาที่มีต่อสวีซุ่ยหนิงอาจจะต้องใช้ความอดทนที่มากขึ้นในบางครั้ง
"ไม่เป็นไร" สวีซุ่ยหนิงเอ่ยปากหลังจากที่เงียบไปชั่วขณะ
เฉินลู่ยังคงเดินไปเปิดกล่องอาหารเก็บอุณหภูมิของเธอ มีทั้งหมด 3 ชั้น ชั้นล่างสุดเป็นข้าวสวย สองชั้นด้านบนเป็นกับข้าว ชั้นแรกเป็นเนื้อผัดพริกหยวก อีกชั้นคือเนื้อผัดมะเขือยาว ดูจากสภาพตอนนี้พูดได้ว่าไม่เลว
เขาหยิบตะเกียบด้านข้างขึ้นมาและชิมไปหนึ่งคำ รสชาติก็แบบนั้น แต่ทว่าเฉินลู่ไม่ได้คิดจะกินอีกเป็นคำที่สอง เขาวางตะเกียบและเอ่ย "ไม่เลว"
เอ่ยจบ เขาหันหลังและตรงเข้าไปยังห้องอาบน้ำ
สวีซุ่ยหนิงนิ่งเงียบ เฉินลู่กินแบบนี้สู้ให้เขาไม่กินยังดีเสียกว่า กินเนื้อชิ้นเล็กชิ้นเดียวกินเพื่ออะไร กลัวเธอมองท่าทีทำไปแบบเป็นพิธีของเขาไม่ออกงั้นเหรอ เธอนำอาหารทั้งหมดเทลงถังขยะ
ไม่รู้ว่าทำแบบนี้ไป ในตอนนั้นคิดอะไรอยู่
เมื่อเฉินลู่ออกมา เธอก็นอนอยู่บนเตียงแล้ว
"พรุ่งนี้เที่ยวบินเก้าโมงเช้า" เขาเอ่ย
"ฉันรู้" สวีซุ่ยหนิงกล่าว
เวลาประมาณเที่ยงคืน สวีซุ่ยหนิงรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองนั้นมีบางอย่างผิดปกติ ราวกับว่าร่างกายของเธอนั้นกำลังร้อนเป็นอย่างมาก อาจจะเป็นเพราะว่าเธออยู่ด้านนอกนานเกินไปและอยู่ท่ามกลางอากาศหนาวเย็น
เดิมทีเธอต้องการเรียกเฉินลู่ แต่ทว่าเขากลับตื่นขึ้นอย่างแปลกประหลาด เขาถูกปลุกขึ้นจากความหนาวเย็น เมื่อเธอผล็อยหลับไปและพลิกตัวมาสัมผัสเขา เมื่อเขาตื่นขึ้น เขารู้สึกหนาวมาก ใบหน้าของเขาดูหงุดหงิด
สวีซุ่ยหนิงง่วงเป็นอย่างมาก เช่นนั้นเธอจึงผล็อยหลับไป
เช้าตรู่วันถัดมาเฉินลู่ตะโกนปลุกเธอ
เธอรู้สึกงัวเงียและยังคงง่วงนอน เธอเอ่ย "ตอนนี้กี่โมงแล้ว?"
"หกโมง"
ยังเช้าอยู่เลย สวีซุ่ยหนิงตื่นไม่ไหว เธอแทบจะหลับต่อในทันที
ใบหน้าของเฉินลู่เย็นชา เขาเอ่ย "อย่ามัวโอ้เอ้ หากเธอไปสาย ไม่มีใครรับผิดชอบเธอได้นะ"
สวีซุ่ยหนิงไม่สามารถลืมตาได้เลย เธอไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงง่วงได้ขนาดนี้ เธอเพียงอยากนอนนิ่งๆบนเตียง
สีหน้าของเฉินลู่มัวหมองทันใด "ลุกขึ้น"
สวีซุ่ยหนิงพลิกตัว เธอหลับตาและเอ่ย "ขออีกหน่อยไม่ได้เหรอ? นายรอฉันหน่อย"
"ก็ได้ เธอก็นอนไป ฉันจะไปก่อนแล้วกัน"
"อย่า" สวีซุ่ยหนิงค่อยๆลืมตาขึ้น เธอเอ่ยขอร้อง "เฉินลู่ รอฉันหน่อย ภาษาอังกฤษฉันไม่ค่อยคล่อง ขั้นตอนการทำงานก็ค่อนข้างต่ำ ฉันเกรงว่าเมื่อถึงเวลาแล้วฉันสาย เครื่องบินก็คงไม่รอฉัน นายรอฉันหน่อยแค่นี้ก็พอแล้ว"
พฤติกรรมแบบนี้ในสายตาของเฉินลู่ก็คือการเป็นตัวถ่วง แต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยเสียเวลางานของตัวเองเพราะตัวถ่วงเพียงหนึ่งคน แม้ว่าเวลาจะไม่ทันการจริงๆ เขาก็จะไม่ยินยอมให้ความร่วมมือ
เฉินลู่เพิกเฉยต่อคำร้องขอของสวีซุ่ยหนิง ตรงไปยังสนามบินพร้อมเพื่อนร่วมงานของเขา
.....
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน
แรกๆ สงสารนอ อ่านไปอ่านมาสงสารพอ...
เฉินลู่ไอ้คนเลว ส่วนสวีซุ่ยหนิงก็ใจอ่อนน่าสงสารเสียจริง...
ซุยหนิงย้ายที่อยู่เถอะ สงสารนาง เจอแต่ผู้ชายเลวๆ...
สวีซุยหนิงทำไมชอบเป็นของเล่นของเฉินลู่ล่ะ...
ช่วยอัพต่อด้วยค่ะ...