เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน นิยาย บท 35

สรุปบท บทที่ 35 (1): เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน

สรุปตอน บทที่ 35 (1) – จากเรื่อง เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน โดย จิ่นอวิ๋น

ตอน บทที่ 35 (1) ของนิยายการโต้แย้งเรื่องดัง เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน โดยนักเขียน จิ่นอวิ๋น เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

สวีซุ่ยหนิงฟังคำถามของเฉินลู่คำถามหนึ่ง และตอบโดยไม่มีการปิดบังใดๆ “จางอวี้และลั่วจือเห้อกำลังทานออาหารอยู่ข้างๆ ฉัน

เฉินลู่กล่าวว่า “เธอเอาบัตรธนาคารของเธอลงมา ฉันจะรอเธอที่ชั้นล่าง”

สวีซุ่ยหนิงเข้ามาในห้อง เปิดข้นกระเป๋าเดินทาง บัตรสี่หรือห้าใบของเฉินลู่อยู่ที่เธอ เธอไม่รู้ว่าที่เฉินลู่ต้องการคืออันไหนเลยทำได้แค่หยิบไปทั้งหมด

สวีซุ่ยหนิงแทบจะบินลงไปที่ชั้นล่างอย่างรวดเร็ว รถของเฉินลู่มาจอดอยู่ที่ชั้นล่างแล้ว

และเห็นว่ามีคนนั่งอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับ

เมื่อเปิดไฟรถสวีซุ่ยหนิงมองไปด้านข้างเล็กน้อย เฮ้ เธอเป็น “ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวน”ของเฉินลู่คนนั้นใช่ไหม

สวีซุ่ยหนิงยื่นบัตรธนาคารให้เฉินลู่ทางหน้าต่างรถ

เฉินลู่กล่าวว่า “ลั่วจือเห้ออยู่ชั้นบนเหรอ”

"ใช่" สวีซุ่ยหนิงลูบจมูกเล็กน้อย คงไม่ดีนักที่จะโกหก

เด็กสาวกล่าวว่า “ฉันอยากขึ้นไปหาพี่เห้อ”

เฉินลู่ลงจากรถเด็กสาวก็เดินตามเขาไป คนทั้งคู่ก้าวเท้าเดินขึ้นไปชั้นบน

สวีซุ่ยหนิงเดินรั้งท้ายเงียบๆ เธอไม่ต้องการให้เด็กสาวเข้ามาแทนที่ของเธอ แต่เหมือนกับว่าเธอไม่ค่อยเก่งในการแย่งชิงคน

ทันทีที่เด็กสาวเข้ามาในห้อง เธอก็ตะโกนอย่างดีใจ “พี่เห้อ”

ลั่วจือเห้อพยักหน้าให้เธอ มองไปที่เฉินลู่อีกครั้ง ไม่แปลกใจที่เธอปรากฏตัวที่นี่ เพราะท้ายที่สุด เธอมีชื่อเสียงในเรื่องการเกาะติดกับเฉินลู่ แต่เพราะโจวอี้เลยไม่กล้าเท่าไร

ขอบโต๊ะอาหารมีขนาดเล็กมาก โต๊ะสำหรับสี่คน ถูกเฉินลู่และเด็กสาวจับจองไปแล้ว กลายเป็นสวีซุ่ยหนิงไม่มีที่ทานอาหารแทน

เธอมองดูข้าวที่เหลือครึ่งชามในชามของเธอ เกรงว่าคงไม่ได้กินต่อแล้ว

“หนิงหนิง ฉันกินเสร็จแล้ว มานั่งแทนฉันเถอะ” ลั่วจือเห้อสบตาเธอแล้วพูดขึ้น

สวีซุ่ยหนิงรู้ว่าเขาเป็นสุภาพบุรุษ ดังนั้นจึงโบกมือปฏิเสธอย่างรวดเร็วและกล่าวว่า “ตอนกลางคืนฉันค่อนข้างกินน้อย ดังนั้นนายสามารถนั่งคุยกับพวกเขาก่อนได้เลย”

เฉินลู่เลิกคิ้วและมองกลับมาที่เธอแล้วพูดว่า "ทำไมฉันไม่รู้ว่าตอนกลางคืนเธอกินน้อย เกรงว่าเธอคงอายที่จะพูดถึงปริมาณอาหารของเธอต่อผู้ชายที่ชอบน่ะสิ "

จางอวี้เหลือบมองลั่วจือเห้อและรู้สึกว่าเฉินลู่ดูไม่ค่อยมีความสุขสักเท่าไร

ลั่วจือเห้อตกใจเล็กน้อยแล้วจึงยิ้มบางๆ จนแทบสังเกตอารมณ์ไม่เห็น

สวีซุ่ยหนิงรู้สึกว่าอัดอั้นตันใจ เธอไม่เคยพูดว่าเธอชอบลั่วจือเห้อ เธอแค่ชอบเขา เฉินลู่พูดแบบนี้ รู้สึกราวกับว่าเธอมีปีศาจร้ายอยู่ในใจจริงๆ

“คนที่ชอบ คนนั้นก็คือคุณนั่นแหละ” สวีซุ่ยหนิงกล้ำกลืนความโกรธลงท้องของเธอ และกล่าวว่า “คุณหมอเฉินที่หนุ่มแน่นทั้งยังร่ำรวย ถึงจะเป็นคนที่ฉันอยากแต่งงานด้วยจริงๆ”

“ฉันพูดจริง” ลั่วจือเห้อกล่าวอย่างช่วยไม่ได้

เด็กสาวไม่สนใจเขาและกล่าวกับเฉินลู่ว่า “รุ่นพี่ ฉันอยากกลับแล้ว”

เฉินลู่ลุกขึ้นและออกไปกับเด็กสาว ก่อนกลับไปเขาเหลือบมองสวีซุ่ยหนิงครั้งหนึ่ง

สวีซุ่ยหนิงชะงักอยู่ครู่หนึ่ง แต่ไม่ได้รับรู้ความนัยที่เขาต้องการส่งถึงเลยสักนิด

เธอส่งข้อความหาเขา: ?

เฉินลู่: วันนี้จางอวี้จะกลับไปไหม?

สวีซุ่ยหนิง: นายอยากจะอยู่ที่นี่เหรอ?

ก่อนที่เธอจะรอคำตอบของเฉินลู่ เธอได้ยินลั่วจือเห้อกล่าวว่า "ฉันต้องกลับแล้วเหมือนกัน วันหน้าค่อยเจอใหม่กันนะ"

เนื่องจากเขาถือเป็นแขก ดังนั้นสวีซุ่ยหนิงจึงต้องคำนึงถึงวิธีที่พึงปฏิบัติต่อแขกและพาเขาไปยังชั้นล่างด้วยตนเอง

ลั่วจือเหอกล่าวว่า: "ฉันต้องขอโทษเธอแทนเสิ่นเจวียนด้วย"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน