สวีซุ่ยหนิงชะงักงัน
"เด็กสาวที่อยู่ข้างกายเฉินลู่เมื่อกี้นี้" ลั่วจือเห้อทอดถอนหายใจพลางเอ่ย "เธอคือน้องสาวของฉันที่ฉันเห็นตั้งแต่เล็กจนโต นิสัยที่ถูกทุกคนตามใจ จริงแล้วๆเธอไม่ได้เลวร้ายอะไรหรอก เพียงแต่บางครั้งคำพูดก็ไม่ได้ผ่านการคัดกรองจากความคิดน่ะ"
สวีซุ่ยหนิงคาดไม่ถึงเลยว่าเด็กสาวคนนั้นจะได้รับการเคารพจากลั่วจือเห้อ ถึงขั้นที่เขายินดีที่จะเอ่ยขอโทษแทนฝ่ายตรงข้าม
โดยทั่วไปแล้วฝ่ายตรงข้ามต้องเป็นคนสำคัญเท่านั้นถึงจะยอมเอ่ยปากขอโทษแทน
สวีซุ่ยหนิงหันไปเผชิญกับรอยยิ้มที่อ่อนโยนของลั่วจือเห้อ เธอเอ่ย "อันที่จริงฉันก็ไม่ได้จะถือสาเอาความหล่อนหรอก อีกอย่างนะ เพื่อนร่วมชั้นลั่ว เธอเองก็โตเป็นสาวแล้ว ไม่ต้องมาเอ่ยปากขอโทษแทนหรอก เธอเป็นคนทำผิด เช่นนั้นแล้วคนที่ควรจะเอ่ยคำขอโทษก็คือตัวเธอเอง"
เธอหยุดชั่วขณะ จากนั้นเอ่ยอีกครั้ง "แน่นอนว่าวันนี้เธอไม่ได้ทำผิดอะไร เพียงแต่เธอพูดบางอย่างที่เป็นเสมือนเรื่องจริงออกมา แต่ประโยคสุดท้ายนั้นค่อนข้างสื่อความหมายบางอย่างจนเกินงาม แต่ฉันก็ไม่ได้จะว่าอะไรนะ ฉันหวังว่านายจะไม่ได้คิดว่าฉันจงใจรังแกเธอ"
คำว่า "เพื่อนร่วมชั้นลั่ว" ทำให้ลั่วจือเห้อขมวดคิ้วเล็กน้อย
"หนิงหนิง...."
สวีซุ่ยหนิงเอ่ยเตือนด้วยความหวังดี "แต่ยังไงก็เหอะ ในเมื่อนายให้เธอเป็นน้องสาว นายก็ระวังเธอจะเดินผิดเส้นทางล่ะ เธอส่งรูปภาพวาบหวิวให้กับเฉินลู่ เรียกเฉินลู่ว่าป๊ะป๋า ทั้งยังบอกว่าจะใช้ปากให้กับเฉินลู่ และฉันคิดว่าเฉินลู่เองก็ไม่ได้มีความคิดที่จะรับผิดชอบเธอ"
มีความเป็นไปได้สูงว่าเพียงแค่อยากจะคั่วเด็กสาวเล่นๆก็เท่านั้น
ใบหน้าของลั่วจือเห้อจมลงในทันใด
สวีซุ่ยหนิงไม่รู้ว่าจะบังเอิญได้ถึงเพียงนี้ เมื่อเดินไปยังประตู เฉินลู่ยังคงไม่ได้จากไปไหน เขายืนอยู่ด้านข้างรถและรับสายโทรศัพท์ จากนั้นใบหน้าของเขาก็ปะทะเข้ากับหมัดของลั่วจือเห้อ
เฉินลู่เบี่ยงตัวหลบด้วยความคล่องแคล่วว่องไว หมัดนั้นเคลื่อนผ่านใบหูของเขาไป แต่ทว่าอีกหมัดก็ชกต่อมาอย่างไม่หยุดยั้ง เขาไม่อาจหลบเลี่ยงหมัดถัดมานี้ได้
"นายทำอะไรของนาย?" เขาเอ่ยด้วยใบหน้าเย็นยะเยือก
ลั่วจือเห้อเอ่ย "เสิ่นเจวียนอายุเท่าไร นายลงมือกับเธอแล้วงั้นเหรอ?"
เฉินลู่เลิกคิ้วพร้อมกับเอ่ย "เธอร้องขอฉันสนอง เธอเองก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้วนี่ ทำไมนายต้องทำเหมือนเธอเป็นเพียงเด็กน้อยด้วย ไม่งั้นนายก็ลองไปทำความเข้าใจกับรูปร่างของเธอซะ จะได้รู้ว่าเธอมีความสามารถมากเท่าไร?"
"ลั่วจือเห้อ นายไม่เป็นอะไรใช่ไหม?" เธอเอ่ยถามอย่างเป็นกังวล
ท่าทีเกียจคร้านของเฉินลู่ที่ซ่อนอยู่นั้นค่อยๆจางลง ใบหน้าของเขาดูเย็นชายิ่งกว่าเก่า
"ไม่เป็นไร" ลั่วจือเห้อจ้องมองเสิ่นเจวียนและเอ่ย "ไม่งั้นเธอลองถามเฉินลู่ไปตรงๆ เขามีแผนจะพัฒนาความสัมพันธ์กับเธอหรือเปล่า"
เสิ่นเจวียนจ้องมองเฉินลู่
"ไม่" ชายคนนั้นตอบอย่างตรงไปตรงมา ทว่าสายตากลับมองไปยังเรือนร่างของสวีซุ่ยหนิง ให้ความรู้สึกหนาวยะเยือก ไม่รู้ว่าไม่พอใจอะไรเธอ น้ำเสียงของเขาชัดเจนและเย็นเยียบ "หากว่าให้แต่งงานกับเธอคงจะไม่อย่างแน่นอน ก็แค่หยอกล้อคนโง่ก็เท่านั้น อย่าจริงจังเลย"
ปฏิกิริยาตอบโต้ของสวีซุ่ยหนิงยังคงเชื่องช้า เธอยังคงจ้องมองรอยแดงบนใบหน้าของลั่วจือเห้ออย่างเป็นกังวล
เฉินลู่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ยังมองเขาอยู่อีก?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน
แรกๆ สงสารนอ อ่านไปอ่านมาสงสารพอ...
เฉินลู่ไอ้คนเลว ส่วนสวีซุ่ยหนิงก็ใจอ่อนน่าสงสารเสียจริง...
ซุยหนิงย้ายที่อยู่เถอะ สงสารนาง เจอแต่ผู้ชายเลวๆ...
สวีซุยหนิงทำไมชอบเป็นของเล่นของเฉินลู่ล่ะ...
ช่วยอัพต่อด้วยค่ะ...